ตอนที่271 คุกเข่าขอความเมตตา

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่271 คุกเข่าขอความเมตตา

จ้าวเฉียนยิ้มและหันไปกล่าวกับพวกตระกูลหัวว่า

“อย่าขู่ให้ผมกลัวเลยดีกว่าครับ! ก็น่าจะเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ? เวลาผมกลัวขึ้นมา มือไม้ผมจะสั่นไม่หยุด ดีไม่ดีมีดในมืออาจพุ่งไปปักคอหอยของตาแก่นี่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกคุณ!”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็แสร้งทำเป็นมือไม้สั่นจงใจขู่ ซึ่งนี่ทำให้ทุกคนต่างตื่นตกใจอย่างยิ่ง และกลัวว่าอีกฝ่ายจะตัดคอหัวเซินซวนไปจริงๆ ถ้าเรื่องมันพัฒนาไปถึงจุดนั้นจะไม่มีใครรับมือกับผลที่ตามมาได้ไหวแน่นอน

หัวเซียงชางรับตะโกนขึ้นว่า

“หัวหมอนักนะ! กูจะเตือนอะไรมึงอย่าง ตอนนี้มึงก็ไม่ต่างอะไรจากศพเดินได้! ดังนั้นรีบปล่อยคุณปู่ไปซะก่อนที่จะได้ตายจริงๆ! ถ้ารีบปล่อยตั้งแต่ตอนนี้ ฉันจะให้เวลาแกหนึ่งคืน หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้! ว่ายังไง นี่กูเมตตากับมึงมากแล้ว!”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะลั่นกล่าวตอบไปว่า

“ผมไม่ใช่เด็กสามขวบ โกหกไม่เนียนเลยนะครับ แต่ถ้าอยากให้ผมปล่อยตัวเขาไปจริงๆ ก็ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเตรียมไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลได้เลย!”

หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็กระชับมีดแน่นเพิ่มแรงกดลงไปบนคอหอยอีกฝ่ายเล็กน้อย ซึ่งอย่ามองว่านี่เป็นมีดปลอกผลไม้ทั่วไป แต่มันเป็นมีดพับเดินป่าที่คมอย่างยิ่ง ถ้าจ้าวเฉียนออกแรงปาดไปสักที มีหวังเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้องโถงอย่างไม่ต้องสงสัย

หัวเซินซวนยามนี้ตื่นตระหนักจริงๆแล้ว เริ่มสัมผัสได้ถึงความแสบสันที่ลำคอคล้ายว่าคมมีดเฉียดเข้าเนื้อคอเข้ามาทีละนิด เมื่อรู้สึกดังนั้นจึงรีบเปล่งเสียงบอกทุกคนว่าให้ถอยไปเดี๋ยวนี้

ยังคงซะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชีวิต ส่วนเรื่องปัญหาค่อยๆ แก้ไปได้ในอนาคต ดังนั้นหัวเซินซวนจึงตะโกนต่อทันทีว่า

“พวกแกออกไปจากที่นี่! และถ้าไม่ได้รับอนุญาตห้ามเข้ามาอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นทุกคนจะถูกลงโทษตามกฎตระกูล โดนโบยห้าสิบไม้!”

ตระกูลใหญ่ที่ถือกำเนิดมาจากโลกใต้ดินย่อมมีกฎเกณฑ์การลงโทษอันโหดร้ายซ่อนแฝงคงอยู่

ทุกคนไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของหัวเซินซวนแม้สักนิด และรีบเดินจากออกไป

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“คุณหัวยังคงฉลาดหัวไวที่สุด รู้ดีว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ ไม่ต้องกังวลไปครับ บอกให้เขาออกไปไกลๆ ส่วนผมจะเดินออกไปขึ้นรถ ตราบใดที่ผมขึ้นรถแล้ว ผมจะปล่อยคุณไปแน่นอน และขอสัญญาเลยว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายคุณแม้แต่น้อย”

หัวเซินซวนพ่นลมหายใจไอเย็นสะท้านออกมา กรนเสียงตอบไปว่า

“แกลองทำอันตราบฉันดูสิ! ไปได้แล้ว!”

ดั่งที่กล่าวไป จ้าวเฉียนจับหัวเซินซวนเป็นตัวประกันและเดินจากออกไปท่ามกลางทุกสายตาของคนตระกูลหัว

หัวเซินซวนแยปากกล่าวขณะเดินออกไปว่า

“ไอ้หนุ่ม แกแซ่อะไรกันแน่? ทำไมถึงกล้าสร้างปัญหาให้พวกเราขนาดนี้?”

จ้าวเฉียนหัวเราะเสียงหนึ่ง เอ่ยตอบไปตามตรงว่า

“พูดตามตรงนะครับ สถานะของครอบครัวคุณมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะเป็นศัตรูกับครอบครัวผมเลยด้วยซ้ำ พูดได้แค่ว่า ผมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความยิ่งใหญ่ของครอบครัวตัวเอง ก็สามารถโค่นล้มพวกคุณสบาย”

หัวเซินซวนหัวเราะเช่นกันและตอบกลับไปว่า

“น้ำเสียงฟังดูอวดดีจังนะ แต่ที่พูดไปทั้งหมด มันไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยเหรอ? เด็กตัวน้อยอย่างแกจะไปทำอะไรฉันได้!”

จ้าวเฉียนไม่พูดไม่ตอบใดๆ และลากหัวเซินซวนออกไปจากประตู

ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงประตูหน้าคฤหาสน์ พอพวกบอดี้การ์ดของฝ่ายจ้าวเฉียนเห็นภาพฉากแบบนี้เข้า แต่ละคนรีบวิ่งเข้ามาถามไถ่ทันทีด้วยความเป็นห่วงว่า

“ไอ้พวกคนที่เพิ่งเดินออกมามันทำอะไรคุณชายไหมครับ? บัดซบ! ผมจะโทรเรียกกำลังเสริมมาเดี๋ยวนี้แหละครับ!”

“คุณชายขึ้นรถไปก่อนนะครับ ที่นี่ปล่อยให้พวกเราจัดการต่อเอง!”

……….

บอดี้การ์ดของฝ่ายจ้าวเฉียนหัวเสียและหงุดหงิดอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนให้แก่บ้านสกุลหัวสักหน่อย

แต่จ้าวเฉียนรีบหยุดพวกเขาทันทีโดยกล่าวว่า

“ไม่จำเป็น เรื่องความขับข้องใจระหว่างฉันกับตระกูลหัว ปล่อยให้ฉันจัดการด้วยตนเอง”

บอดี้การ์ดที่ได้ยินแบบนั้นก็วางมือถือลงทันที และพยักหน้ารับคำสั่งแต่โดยดี

จ้าวเฉียนยิ้มและพูดกับหัวเซินซวนว่า

“คุณหัว ขอบคุณนะครับที่ออกมาส่ง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พวกเราออกไปโดยสวัสดิภาพ ผมต้องรบกวนให้คุณขึ้นรถมาด้วยกัน”

หัวเซินซวนชะงักค้างไปในทันใดที่ได้ยิน ไหนว่าตราบใดที่จ้าวเฉียนขึ้นรถไปแล้วจะปล่อยไง? นี่หลอกกันอย่างงั้นเหรอ?

ดังนั้นเขาจึงปกฏิเสธกลับไปทันทีว่า

“ไม่! ฉันจะไม่ออกไปไหนกับแกทั้งนั้น! นี่แกยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า! หัดรักษาสัจจะบ้าง! ไหนสัญญากันว่าจะปล่อยฉันไปเมื่อมาถึงรถแล้ว หลังจากนี้ก็อย่าเสียใจแล้วกัน!”

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบกลับไปว่า

“แล้วจะให้ผมปล่อยตัวคุณไปเฉยๆ ได้ยังไง? บรรดาหลานๆ ของคุณโหดเหี้ยมซะขนาดนั้น ถ้าปล่อยไปแล้ว พวกนั้นขับรถไล่ล่าตามมาจะทำยังไง? เอาล่ะ ขึ้นรถไปพร้อมกับผม ขับออกไปสักสองสามกิโลแล้วผมจะปล่อยคุณทิ้งไว้ข้างทาง ตกลงไหม?”

สิ้นเสียงจ้าวเฉียน เขาก็กดคมมีดลงบนคอหอยของหัวเซินซวนอีกครั้ง ตอนนี้หัวเซินซวนไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียงที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าตอบตกลงไป

“ได้! ได้! แต่หวังว่าครั้งนี้แกจะรักษาสัญญา!”

จ้าวเฉียนตบหน้าอกตัวเองทีหนึ่งและกล่าวด้วยความมั่นใจว่า

“ผมขอสาบานเลย! แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจำต้องอธิบายกับคุณก่อนก็คือ ถ้าระหว่างเดินทาง มีใครสักคนขับรถตามมา ผมจะไม่ปล่อยคุณ อย่าให้ผมต้องพาคุณกลับถิ่นผมเลยดีกว่านะครับ ไม่อย่างนั้นโอกาสรอดจะยิ่งน้อย!”

หัวเซินซวนพยักหน้า และหันกลับไปตะโกนใส่พวกตระกูลหัวว่า

“ห้ามให้ใครขับรถตามพวกฉันมาเด็ดขาด! ถ้าใครกล้าฝ่าฝืนต้องรับโทษสถานะหนัก โบยหนึ่งร้อยไม้!”

จะเห็นได้ว่า หัวเซินซวนกลัวตายขนาดไหน เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง ถ้าใครกล้าฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษด้วยกว่าโบยเฆี่ยน100ครั้ง!

แต่หัวเซียงชานกลับคำรามตอบกลับด้วยความโมโหว่า

“ไอ้สารเลว! แกจะจับคุณปู่ไปที่ไหนกันแน่! ถ้าผิดสัญญาเมื่อไหร่ แกคงรู้ใช่ไหมถึงผลที่จะตามมา!”

หัวเซียงซิ่วตะโกนเสริมขึ้นว่า

“ฉันจะรอดูแก! ถ้าไม่ปล่อยคุณปู่ ก็เตรียมตัวตายยกตระกูล!”

จ้าวเฉียนรู้สึกเกลียดสองพี่น้องคู่นี้จริงๆ พอนึกอะไรดีๆ ขึ้นออก เขาจึงกล่าวกับหัวเซินซวนขึ้นว่า

“ฉันไม่ชอบพี่น้องคู่นี้เลยแหะ เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าพวกมันคุกเข่าขอโทษแทบเท้าผม ผมจะปล่อยคุณไปทันที!”

หัวเซินซวนโกรธเกรี้ยวหนักเมื่อได้ยิน จะขอให้หลานชายกับหลานสาวคุกเข่าขอโทษต่อหน้าจ้าวเฉียนนี่นะ?

นี่ถือเป็นความอักยศของตระกูลอย่างแท้จริง!

“ไอ้หนุ่ม! เล่นอะไรให้มันมีขอบเขต! ยกเว้นพ่อของพวกเขากับฉันที่เป็นปู่ หลานสองคนนี้ไม่เคยต้องลดศีรษะให้ใครมาก่อน!”

จ้าวเฉียนยิ้มขึ้นทันทีที่ได้ยิน และกล่าวกับพวกบอดี้การ์ดขึ้นว่า

“พวกนายพกมีดติดตัวกันมารึเปล่า?”

พวกบอดี้การ์ดพยักหน้าและหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋า

นี่คืออาวุธพกติดตัวเพื่อใช้ปกป้องจ้าวฝู่ในยามอันตราย แค่ฟันออกไปเบาๆ ไม่ต้องออกแรงก็สามารถตัดเนื้อหนังคนได้อย่างง่ายดาย

จ้าวเฉียนหยิบมันขึ้นมาเล่มหนึ่ง และกล่าวกับหัวเซินซวนด้วยรอยยิ้มว่า

“นี่เป็นมีดสำหรับฆ่าคนโดยเฉพาะ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำแบบนี้ ผมสามารถปาดเอาลูกกระเดือกของคุณได้ออกมาในชั่วพริบตา!”

ขณะที่จ้าวเฉียนพูดออกไปแบบนั้น เขาก็ควงมืดสั้นในมือต่อหน้าหัวเซินซวนเพื่อกระตุ้นความกลัว

หัวเซินซวนที่ขณะนี้มีมีดสั้นสำหรับมือสังหารจ่ออยู่บนคอ น้ำหน้าอย่างเขาจะไปทำอะไร?

หลังจากรวนเรยุ่งเหยิ่งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เหลียวหน้ากลับไปกล่าวกับหัวเซียงชานและหัวเซียงซิ่วว่า

“พวกหลาน…คุกเข่าขอโทษน้องชายคนนี้เร็วเข้า! ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ! ห้ามปฏิเสธคำสั่งของปู่!”

สองพี่น้องถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

พวกเขาทั้งสองรู้สึกแปยศอย่างถึงที่สุด แทบจะมุดดินแทรกแผ่นดินหนี

พวกเขากรีดร้องเสียงหลงด้วยความอาฆาต ตะโกนด่าจ้าวเฉียนลั่นว่า

“ไอ้บัดซบ! กูจะเอาคืนเป็นสองเท่าคอยดู!”

พอหัวเซียงชานพูดจบ เขาก็คุกเข่าพร้อมโค้งศีรษะให้โดยตรง

คล้อยหลังหัวเซียงชานคุกเข่าลง น้องสาวของเขาก็เริ่มคุกเข่าตามพร้อมก้มศีรษะต่อแทบเท้าจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มอันแสนเย้ยเยาะของเขาได้ฝังลึกลงในใจของบรรดาสมาชิกตระกูลหัวทั้งหมด