ตอนที่ 267: แผนลอบวางพิษ
กลุ่มขนาดใหญ่ของทหารชุดเกราะของอาณาจักรวายุครามเดินขบวนอย่างช้า ๆ ขณะที่พวกเขานำรถลากหลายคันผ่านถนน พวกเขาก้าวเดินอย่างเป็นระเบียบและแม้แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็พร้อมเพรียงกัน ทหารแต่ละคนมีจิตวิญญาณต่อสู้ที่มุ่งมั่น นี่คือจิตวิญญาณที่มีเฉพาะในผู้ชายที่ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนและคนที่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตายซ้ำ ๆ จากภาพนี้จะเห็นได้ว่าทหารเหล่านี้เป็นทหารชั้นยอดของอาณาจักรวายุคราม
เจียนเฉินขี่ม้าสูรระดับ 2 ของเขาไปทางด้านหลัง 5 กิโลเมตรซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับกองคาราวานค้าขาย ในขณะที่เขาติดตามทหาร เขาก็เริ่มคิดว่าเขาควรดำเนินแผนของเขาอย่างไร
มีทหาร 200 คนในกองนี้ ถึงจะมีจำนวนไม่มากนัก พวกเขายังคงเป็นทหารที่มีความโดดเด่นด้านวินัยและทักษะที่ฝึกฝนมาอย่างมาก มีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไม่กี่คน ส่วนมากแล้วเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ เมื่อเทียบกับกลุ่มตระกูลเซียที่เขาได้ต่อกร ความแข็งแกร่งของกลุ่มทหารนั้นอาจเท่ากันหรือไม่ก็แข็งแกร่งกว่า เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ว่าผู้บัญชาการทหารนั้นเป็นเซียนปฐพี
ปริมาณของแกนอสูรที่พวกเขากำลังขนส่งขณะที่เตรียมการสู้รบในสงครามนั้นไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับอาณาจักรวายุครามที่จะส่งทหารเซียนปฐพีของพวกเขามาเพื่อปกป้อง
ในตอนบ่ายดวงอาทิตย์ที่สว่างจ้าส่องประกายอยู่บนท้องฟ้าและส่งรังสีร้อนแรงมากมายังโลก ในขณะที่โลกเริ่มมีอากาศร้อนจัด เจี้ยนเฉินยังคงเดินทางไปกับคาราวานพ่อค้าต่อไปอีกสักครู่ก่อนที่จะแยกตัวออกจากพวกเขาเพื่อติดตามกองทหาร
หลังจากแยกตัวออกจากกลุ่มพ่อค้า เจี้ยนเฉินก็เริ่มแกะรอยกลุ่มทหารด้วยตนเองจากระยะไกล อย่างไรก็ตามเขาต้องเพิ่มระยะทางจาก 5 กิโลเมตรเป็นแปดเพราะตอนนี้พวกเขาเดินผ่านที่ราบ มันแทบไม่มีหญ้าใด ๆ ที่ขัดขวางการมองเห็น ดังนั้นหากเขาเข้าไปใกล้อาจมีคนเห็นเขาก็เป็นได้
ในพริบตากลางวันก็หมดลงขณะที่เจี้ยนเฉินติดตามทหารจากที่ไกล ๆ แล้วค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า ไม่มีเมืองใดอยู่ใกล้ ดังนั้นทหารจึงต้องหาที่โล่งเพื่อพักผ่อนในตอนกลางคืนและจุดไฟสำหรับมื้ออาหาร
ในช่วงเวลาที่เหลือนี้ พวกเขาจะต้องคอยตรวจตราอย่างเข้มงวดกวดขัน บ่อยครั้งที่ทหารบางคนขี่ม้าอสูรและจะคอยลาดตระเวนบริเวณนั้น สิ่งนี้ทำให้เจี้ยนเฉินไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย พวกเขามีทั้งกองกำลัง อีกทั้งยังมีเซียนปฐพีปะปนอยู่ด้วย เจี้ยนเฉินจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ทหารเริ่มเก็บข้าวของและเจี้ยนเฉินยังคงแอบติดตามมาจากด้านหลัง ที่ถนนส่วนนี้มีกองคาราวานไม่มาก ดังนั้นหลายครั้งทหารจึงเจอกับกลุ่มทหารรับจ้างหรือพ่อค้า เนื่องจากการปรากฏตัวที่ไม่บ่อยนัก เหล่าทหารจึงไม่ได้สังเกตเห็นเจี้ยนเฉิน บางครั้งเมื่อมีกลุ่มพ่อค้ามาในทิศทางเดียวกัน เจี้ยนเฉินจะเดินปะปนกับพวกเขาเพื่อเพิ่มปิดบังตัวเอง
ในตอนเที่ยงเจี้ยนเฉินได้แยกทางจากกลุ่มพ่อค้าอีกครั้งและติดตามพวกเขาด้วยตัวเองต่อไป เมื่อดวงอาทิตย์กำลังร้อนจัด ทหารก็มาหยุดพักใกล้ ๆ พวกเขานั่งกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ บนหญ้า แต่ละคนเริ่มดึงถุงน้ำออกมาดื่ม
“อากาศที่นี่ร้อนเกินไป ! น้ำของข้าเกือบหมดแล้ว เราต้องไปยังแหล่งน้ำแล้วล่ะ มันร้อนเกินไป ชายชาติทหารอย่างเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้สองหรือสามวันโดยไม่กิน แต่ถ้าไม่มีน้ำคงอยู่ไม่ได้” ทหารระดับสูงพูดออกมา
ทหารอีกนายที่อยู่ข้าง ๆ ก็แผนที่หยิบแผนที่ออกมาและเริ่มตรวจสอบมันอย่างละเอียด ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเขาชี้ไปที่ส่วนหนึ่งของแผนที่และพูดออกมาว่า “ดูสัญลักษณ์ตรงนี้สิ มีแม่น้ำอยู่ไม่ไกลมาก ! เราไปหาแหล่งน้ำที่นั่นได้”
ทหารระดับสูงสองสามคนมารวมตัวกันเพื่อตรวจสอบก่อนที่จะสั่งการทหารที่เหลือว่า “ทุกคน ไปมอบหมายให้ใครสักคนจากกลุ่มของพวกเจ้าให้ไปเอาน้ำ 3 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ ! “
“ขอรับ ท่านผู้บัญชาการ ! ” ทหารเก็บถุงน้ำของทุกคนลงในเข็มขัดมิติและออกเดินทางบนสัตว์อสูรระดับ 2 ไปยังแหล่งน้ำทันที
ในไม่ช้าทหารก็มาถึงลำธารขนาดเล็กที่มีความกว้าง 2 เมตร น้ำใสมากจนสามารถมองเห็นพื้นทรายของลำธาร
หลังจากดื่มน้ำ ทหารคนนั้นจึงเริ่มหยิบถุงน้ำทั้งหมดออกมาจากเข็มขัดมิติและเริ่มเติมน้ำให้เต็ม
ทันใดนั้น แสงสีเงินก็พัดมาจากต้นหญ้าด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ทหารจะสามารถตอบโต้ มันก็ได้เฉือนคอของเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
เลือดของทหารสาดไปในอากาศในขณะที่หัวของทหารถูกตัดขาดเป็นสองท่อน เลือดของเขาทะลักลงสู่ลำธารละเริ่มย้อมน้ำในลำธารให้เป็นสีแดง
ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวปรากฏตัวขึ้นจากพุ่มไม้ นั่นก็คือเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินเดินขึ้นไปยังร่างของทหารที่เสียชีวิตอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขุดหลุมเพื่อฝังศพเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ทำลายหลักฐานคราบเลือดที่เหลืออยู่เพื่อป้องกันไม่ให้มีกลิ่นเหม็นในอากาศ ป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรหรือมนุษย์ได้กลิ่น
หลังจากเสร็จสิ้น เจี้ยนเฉินก็ล้างเลือดออกจากชุดเกราะก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าของทหารคนนั้น และเขาก็ใส่มันแทนเพื่อสวมรอย เขาหยิบสมุนไพรบางอย่างขึ้นมาเพื่อเริ่มปลอมตัวเป็นทหารที่เพิ่งตายและไปเติมน้ำในกระติกให้เต็ม
หลังจากที่ถุงน้ำทั้งหมดเต็ม เจี้ยนเฉินก็หยิบเขี้ยวพิษอันหนึ่งของอสรพิษทองริ้วเงินออกมาก่อนที่จะจุ่มมันลงไปในถุงน้ำในมือ
อสรพิษทองริ้วเงินเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพิษสูง พิษของมันอยู่ในอันดับที่สามของสิ่งมีชีวิตอันตราย และพิษจากเขี้ยวเป็นพิษที่รุนแรงมากที่สุด มันแตกต่างจากพิษอื่นเพราะหากเขี้ยวของมันแช่ในน้ำชั่วครู่หนึ่ง น้ำจะจะกลายเป็นยาพิษร้ายแรงมาก
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ทำแบบเดียวกันกับถุงน้ำทั้งหมด เมื่อเขาทำเสร็จ ถุงน้ำทั้งหมดก็เต็มไปด้วยพิษที่ปนเปื้อนซึ่งน่าหวาดกลัวมาก
หลังจากที่ถุงน้ำทั้งหมดเต็มไปด้วยพิษจำนวนมาก เจี้ยนเฉินได้เทพิษที่เหลือลงในถุงน้ำของทหารระดับสูง เขาเก็บเขี้ยวกลับเข้าไปในเข็มขัดมิติและเริ่มตรวจสอบตัวเองเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ หลังจากที่ตรวจสอบจนแน่ใจว่าเขาไม่ได้มองข้ามอะไรไป เขาก็ขึ้นขี่สัตว์อสูรของทหารที่ตายไปแล้วและมุ่งหน้าไปหากองทหาร