จ้าวเหวินเทาและภรรยาของเขากำลังพูดคุยวางแผน “ส่วนที่ดินมีอยู่ยี่สิบหมู่ ทำงานได้สบาย ดอกทานตะวันกับข้าวโพดของพวกเราเติบโตงอกงามดีกว่าใคร ๆ ในหมู่บ้าน ปีหน้าพวกเราก็จะทำตามนี้”

จ้าวเหวินเทาไม่ได้เป็นห่วงสภาพพืชผลจริง ๆ เมื่อจะปลูกดอกทานตะวันและข้าวโพดก็แค่ใช้จอบขุดถางพืชที่ตายไปแล้วทิ้งไป จากนั้นไถดินหนึ่งรอบ เพื่อไถวัชพืชขนาดใหญ่ออกไปหนึ่งเที่ยว

ส่วนที่ดินติดแม่น้ำก็แค่รดน้ำนิดหน่อย ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นแล้ว

แต่คนอื่นใช้จอบเล็กถอนวัชพืชไปสามครั้งแล้วใช้จอบใหญ่ใช้พรวนดินสองรอบ ไถด้วยคันไถสองรอบ รดน้ำบนดินอีกสองรอบ เป็นงานที่ใช้ใจและทำอย่างละเอียดจริง ๆ ทว่าเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงผลลัพธ์ที่ได้กลับดูดีสู้ของจ้าวเหวินเทาไม่ได้!

ดอกทานตะวันของจ้าวเหวินเทามีขนาดใหญ่กว่าดอกทานตะวันคนอื่นมากกว่าสองรอบวงกลม ก้านของดอกทานตะวันก็ใหญ่กว่าจนดูคล้ายกับแขนของเด็กทารก

ส่วนข้าวโพดก็เช่นเดียวกัน ก้านของข้าวโพดมีความแข็งแรง แกนข้าวโพดทั้งใหญ่ทั้งหนา เมล็ดข้าวโพดก็แน่นเต็มฝัก แบบนี้มันยุติธรรมตรงไหนกัน!

จ้าวเหวินเทาคนนี้คงเป็นบุตรของพระเจ้าแน่!

ทุกคนต่างก็อิจฉาตาร้อนเป็นอย่างมาก

มีแค่จ้าวเหวินเทาที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ที่พืชผลของเขาเติบโตดีขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเขาโชคดี แต่เป็นเพราะพึ่งพาปุ๋ยทั้งหมด คนในหมู่บ้านแทบจะไม่มีใครใช้ปุ๋ยเลย ต่อให้ใช้ก็ใช้แค่นิดเดียว ถึงอย่างไรปุ๋ยก็มีราคาที่แพงมาก ทุกคนจึงทำใจไม่ได้ที่ต้องซื้อ แต่จ้าวเหวินเทากลับกล้าใช้

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวดอกทานตะวันพอดี เขาใช้เคียวตัดดอกทานตะวัน จากนั้นก็นำดอกทานตะวันที่ตัดแล้ววางไว้บนรถ เพื่อขนไปที่บ้านและใช้ไม้ตีให้เมล็ดหลุดออก ถึงเวลานั้นก็ขายออกไป ซึ่งก็คือเมล็ดทานตะวันที่ทุกคนรับประทานกัน

ส่วนจานของดอกทานตะวันเอาไปให้หมูกิน หรือจะเอาไปเผาไฟก็ได้

ก้านทานตะวันเมื่อถึงเวลาก็ใช้เคียวตัด ขนกลับมาบ้านเพื่อใช้เผาไฟแทนฟืน หรือไม่ก็เอามายึดแขวนถั่วฝักยาว

ดอกทานตะวันของภาคเหนือมีทั้งหมดสองประเภท ประเภทแรกคือดอกทานตะวันขนาดใหญ่ ให้ผลผลิตเมล็ดทานตะวันที่ใช้เป็นของทานเล่น

ส่วนอีกประเภทคือดอกทานตะวันเล็ก เมล็ดทานตะวันชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่า มีสีดำ เมล็ดเล็ก สิ่งนี้สามารถนำไปสกัดน้ำมันได้ คนทางฝั่งนี้โดยพื้นฐานแล้วจะกินน้ำมันทานตะวันเป็นหลัก ส่วนน้ำมันหมูเป็นรอง

นี่คือสิ่งจำเป็นภายในบ้าน ดอกทานตะวันขนาดใหญ่ไม่จำเป็นต้องปลูก แต่ดอกทานตะวันขนาดเล็กนั้นต้องปลูก แนวคิดของผู้คนก็คือพึ่งพาตนเอง

จ้าวเหวินเทาปลูกทานตะวันเล็กเพียงหนึ่งหมู่เท่านั้น แค่นี้ก็เพียงพอให้สกัดน้ำมันออกมารับประทานสำหรับเขาและภรรยาแล้ว ส่วนที่เหลือเขาปลูกเป็นดอกทานตะวันใหญ่และข้าวโพด

เมื่อคำนวณแบบนี้ อาหารเหล่านี้ของจ้าวเหวินเทาก็น่าจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว

คุณแม่เย่เป็นกังวลว่าลูกเขยจะทำคนเดียวไม่ไหว ถึงอย่างไรลูกสาวของนางก็ต้องดูแลลูก คงหวังพึ่งพาไม่ได้ ต่อให้ไม่เลี้ยงลูกก็คาดหวังอะไรไม่ได้อยู่ดี ต้องให้อยู่ในบ้านทำอาหารถึงจะดี ครั้นจะไปทำนาเพื่อเก็บเกี่ยวธัญพืช? ท่าทางบอบบางแบบนั้นหากถูกหนอนกัดทีคาดว่าลูกเขยคงต้องไปปลอบประโลม

ดังนั้นนางจึงเรียกลูกชายสองคนผลัดกันมาช่วย ชุยต้าและน้องชายรวมถึงเมิ่งต้าก็มาช่วยในครึ่งวัน ดอกทานตะวันยี่สิบหมู่สำหรับชายหนุ่มห้าคนก็ไม่ต่างอะไรกับเล่นสนุกเลย

ใช้เวลาสองวันก็ตัดจนหมดเกลี้ยง

พื้นที่วางดอกทานตะวันมีขนาดใหญ่ จ้าวเหวินเทานำดอกทานตะวันมาวางกระจายออกจากกัน ก่อนอื่นใช้ส้อมพรวนจัดการก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ค่อยใช้ไม้ขนาดเล็กทุบเป็นรอบที่สอง

แม้จะทุบได้ไม่หมดจดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้สิ้นเปลืองมากมายอะไร เมล็ดทานตะวันที่ถูกเคาะจะมีสิ่งสกปรกหลุดออกมา ใช้ตราชั่งวัดจากนั้นก็ใส่เข้าไปในถุงขนไปขายในอำเภอ

ขณะที่ทุกคนทั้งคนแก่และเด็กอยู่ร่วมกันและช่วยกันใช้ไม้ขนาดเล็กเคาะดอกทานตะวันนั้น ดอกทานตะวันของจ้าวเหวินเทาก็ได้เปลี่ยนเป็นเงินเข้าบัญชีธนาคารไปแล้ว ตอนนี้เขาขับรถเล็กเพื่อไปขายกระต่ายและขนผักฤดูใบไม้ร่วง

ประสิทธิภาพนี้ใครจะมาเทียบชั้นได้?

เมิ่งต้ามีที่ดินน้อย หลังได้เป็นพยานถึงวิธีการใช้ชีวิตของจ้าวเหวินเทาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก ตื่นเช้ากลับค่ำนำพืชผลในที่ดินแปดหมู่ของตัวเองไปเก็บไว้ให้เรียบร้อย

จากนั้นก็เริ่มมาดูแลไม้ผล รดน้ำใส่ปุ๋ย ใช่ส้อมพรวนดิน และก็ปรับปรุงซ่อมแซมรังกระต่ายและบ้านหลังเล็กของตัวเอง ฤดูหนาวปีนี้เขาตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จเขาจะไปตัดหญ้าจากบนเขามาเป็นอาหารให้กระต่ายในช่วงฤดูหนาว

พี่หกจ้าวได้ใช้ชีวิตดี ๆ แบบนั้น แต่ก็ยังขยันขันแข็งขนาดนั้น เขาที่ไม่มีอะไรเลยก็ยิ่งต้องขยัน

ทำงานหนักหนึ่งปี เก็บเงินหนึ่งปี และเริ่มสร้างบ้านในปีหน้า!

เมิ่งต้าแอบให้กำลังใจตัวเอง

ชุยต้าและน้องชายเดิมทีก็คิดไว้ว่าหลังจากทำงานเสร็จจะมาช่วยพี่หกของพวกเขาทุบดอกทานตะวัน แต่พอมาถามก็พบว่าเขาขายไปแล้ว ทั้งยังไปนำเข้าผักฤดูหนาวเพื่อนำไปขายหาเงินแล้วด้วย

ชุยต้าร้อนใจ ทำไมถึงได้เร็วแบบนี้นะ?

พวกเขาเองก็มีที่ดินของสามคน ทั้งยังมีกำลังคนสามคน แม่พ่อของเขาจะพึ่งพาไม่ได้ตรงที่เอาแต่ไปช่วยลุงของเขา แต่ก็ยังมีพวกเขาสองคนพี่น้อง ถึงอย่างนั้นก็ยังทำได้ไม่เร็วเท่ากับจ้าวเหวินเทาเพียงคนเดียว

สองพี่น้องก็เริ่มตื่นเช้ากลับดึกเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเช่นกัน ตอนที่เก็บจนเสร็จชุยต้าก็เรียกให้น้องชายชุยเอ้อไปทำอาหาร ส่วนตัวเองวิ่งไปค้าขายกับพี่หก

ไม่ว่าคนนอกจะพูดว่าจ้าวเหวินเทาเป็นคนไม่เอาการเอางาน แต่ชุยต้าก็ตัดสินใจแล้วว่าถ้าติดตามพี่หกจะทำให้เขาร่ำรวย

หลังจากกระต่ายของเขาผ่านการผสมพันธุ์และเติบโตได้ 2-3 เดือน ก็สามารถเตรียมกระต่ายชุดแรกออกไปขายได้แล้ว

ประกอบกับผักฤดูใบไม้ร่วงที่ปลูกไว้ที่มุมสวนและในลานบ้าน คาดว่าสามารถขายรวมกันได้แปดเหมา

“พี่หก ผมเองก็อยากซื้อที่ดินและสร้างบ้านเองเหมือนกัน บ้านหลังนั้นของผมคิดไว้ว่าจะให้น้องชาย ส่วนผมจะออกไปสร้างใหม่” ชุยต้าพูดกับจ้าวเหวินเทา

จ้าวเหวินเทายิ้ม “นายนี่รักน้องชายดีนะ งั้นนายก็เก็บเงินเถอะ เงินนี้นายเก็บไว้ในธนาคารจะปลอดภัย พ่อของนายก็ไปทำอะไรไม่ได้ด้วย รอให้นายทุบดอกทานตะวันและนำเมล็ดทานตะวันไปขาย รวมเข้ากับเงินที่ขายกระต่ายกับผัก ก็ลองมาคำนวณดูว่าพอที่จะซื้อที่ดินหรือเปล่า ถ้าไม่พอนายก็ไปค้างจ่ายในทีมก่อน ปีนี้ซื้อที่ดินสำหรับสร้างบ้านไว้ ปีหน้าพอขายกระต่ายชุดสองได้เมื่อไหร่ นายค่อยค้างจ่ายพวกวัสดุเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้ก็สามารถสร้างบ้านขึ้นมาได้แล้ว”

จ้าวเหวินเทาวางแผนให้เขา

ชุยต้าพยักหน้า แต่ก็ถามด้วยความไม่เข้าใจว่า “พี่หก ผมเห็นพี่ค้างจ่ายทั้งนั้นเลย เป็นหนี้เพื่อใช้ชีวิต ทำไมถึงไม่รอให้เก็บเงินจนครบแล้วค่อยสร้างบ้านล่ะ?”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เก็บเงินจนครบก็ได้เหมือนกัน แต่ฉันเป็นพวกไม่ชอบรอ คิดแล้วก็ต้องลงมือทำเลย อีกอย่างนะ ฉันก็ทำมาค้าขายด้วย เลยได้พบอะไรเรื่องหนึ่ง…โอกาสในการทำธุรกิจน่ะนายเข้าใจไหม สิ่งนี้มาเร็วและไปเร็ว แค่รอก็ไม่มีโอกาสแล้ว ดังนั้นการยืมเงินค้างจ่ายก็เพื่อให้ชีวิตของเราได้เดินหน้าไปก่อน แล้วก็ค่อย ๆ คืนไง ไม่ใช่ว่าจะคืนไม่ไหวสักหน่อย แต่นายจำไว้นะว่าอย่ายืมเงินที่มีดอกเบี้ยสูง เรื่องนี้อย่าได้ไปยุ่งเด็ดขาด อีกอย่างจงยืมเงินเพื่อทำในเรื่องที่ถูกต้อง สิ่งนี้เป็นเรื่องถูก แต่ถ้ายืมเงินเพื่อไปกินดื่มสำมะเลเทเมานี่ไม่ได้นะ แบบนั้นไม่ต้องคิดที่จะทำเลย”

เป็นเพราะเห็นว่าชุยต้าตั้งใจที่จะเรียนรู้ ทั้งยังช่วยวิ่งเต้นทำงานให้เขา จ้าวเหวินเทาจึงเต็มใจที่จะสอน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น และเขาก็ไม่ได้ชอบเป็นครูที่ดีด้วย

ช่วงนี้จ้าวเหวินเทายุ่งมากจริง ๆ

ผักฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ขายได้เยอะกว่าปีที่แล้ว ไม่เพียงแต่ลูกค้าภายในจังหวัดที่มีจำนวนมากขึ้น แต่ยังมีจางหมิงที่ทำงานอยู่ในสถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรภายในจังหวัดที่รับซื้อผักไปตั้งหลายคันรถ

นอกจากนี้ยังมีลุงจางที่ซื้อผลไม้จากเมิ่งต้าครั้งก่อน ก็รับซื้อผักไปหนึ่งคันรถด้วย

กระต่ายมีไม่พอต่อความต้องการ โชคดีที่กระต่ายในหมู่บ้านที่เมิ่งต้าและคนอื่น ๆ เลี้ยงไว้ต่างโตหมดแล้ว เขาจึงรับมาขายได้ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคงถูกระงับไปนานแล้ว

แต่นี่ก็ทำให้จ้าวเหวินเทายุ่งจนหัวหมุน โชคดีที่ชุยต้ามาด้วย ไม่เช่นนั้นคงทำไม่ทันแน่

แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้เรียกให้เขามาช่วยงานเปล่า ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ให้เงินค่าจ้าง แต่เมื่อออกมาข้างนอกเขาก็จ่ายค่ากินค่าอยู่ให้ทั้งหมด ในเวลาเดียวกันก็สอนชุยต้าไปไม่น้อย เมื่อเทียบกับเงิน สิ่งเหล่านี้ที่เขาสอนต่างหากล่ะที่เป็นสิ่งที่มีมูลค่าอย่างแท้จริง

มองดูชุยต้าในตอนนี้สิ ดูมีอนาคตกว่าก่อนหน้านี้มากจริง ๆ แค่ได้เห็นจิตใจนั้นของเขาก็รู้แล้วว่าแตกต่างจากอดีต

แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ หรือว่าเป็นเพราะออกไปวิ่งรถข้างนอกกับเจ้าหกจ้าว จึงทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้ดีมากขนาดนั้นกันนะ?

……………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เหวินเทาเน้นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าจะใช้ความขยันทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก ผลลัพธ์ก็เลยออกมาดีกว่าคนอื่น คนขี้เกียจ(ไม่ทุกคน)จริง ๆ แล้วเป็นคนฉลาดนะคะ

ไหหม่า(海馬)