ตอนที่ 112 ผีเข้าผีออก
ทุกคนต่างก็คิดว่านี่เป็นแค่คำพูดตอนเมาของเวินเผิงเท่านั้นจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอยู่แล้ว
ถ้าหากมีผู้หญิงอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยล่ะก็ จิตวิญญาณในการซุบซิบนินทาของพวกเขาจะต้องจุดติดลุกโชนอย่างแน่นอน จะต้องรู้สึกว่าตรงนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่มีแต่พวกผู้ชายที่กระฉับกระเฉงไปด้วยพลัง ทั้งยังพึ่งจะสิ้นสุดจากการฝึกทหารลง ร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย จึงพลอยทำให้สมองของพวกเขาเชื่องช้าอืดอาดตามไปด้วย ต่างก็ไม่ได้เอาไปคิดในแง่ประเด็นอื่น
“เอาล่ะ พวกเราจะต้องกลับกองทัพแล้ว งั้นก็ไม่พูดอะไรกับพวกนายมากแล้วนะ ยังคงประโยคเดิม ต่อไปถ้าเจอฉันห้ามเรียกฉันว่าครูฝึกอีก ให้เรียกฉันว่าพี่หรือไม่ก็น้องชายก็ได้ ฉันต่างก็สามารถยิ้มรับได้หมดได้ยินหรือยัง” จางเผิงเอ่ยถาม
“พวกเราจำได้แล้วครับ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรจะต้องหานายแน่นอน” มีคนพูดขึ้น
เวินเผิงยิ้มแย้มพลางพูด: “คำนี้พูดถูกใจของฉันนะ ฉันชอบฟัง แต่ว่านายอย่าเอาแต่พูดแล้วไม่ทำนะได้ยินไหม”
“ได้ยินแล้ว ต้องทำอย่างแน่นอน”
“โอเค พวกนายกลับไปเถอะฉันไปล่ะ” เวินเผิงกล่าว
ชุยหังเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตรงขอบตาของเขาเปียกชื้นไปหมดแล้ว
เขาไม่มีทางเข้าใจถึงความรู้สึกที่เวินเผิงมีต่อพวกเขาได้เลย
บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกแบบว่ามองดูนักเรียนที่ตนดูแลในชุดแรกจากแค่นักเรียนคนหนึ่ง เปลี่ยนไปเป็นคุณครูคนหนึ่ง มองดูห้องที่ตนดูแลจบการศึกษาอะไรแบบนั้นก็ได้
“ทุกคนห้ามขยับนะ ห้ามไปส่งฉัน ยืนอยู่ที่เดิม ใครไปส่งฉันก็จะเป็นกังวลกับคนนั้นได้ยินหรือยัง” เวินเผิงเห็นทุกคนที่มีท่าทีว่าจะไปส่งเขาจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที
ไม่มีทางเลือกอื่น ทุกคนต่างก็ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม มองดูร่างกายของเขาที่เดินโซซัดโซเซจับราวบันไดเดินลงไปทีละก้าวๆ
ที่จริงในใจของทุกคนต่างก็ค่อนข้างยุ่งเหยิง โดยเฉพาะพวกนักเรียนห้องสอง บางคนถึงกับมีหยาดน้ำตาไหลคลอตรงเบ้าตาแล้ว
ห้องสามกลับตรงกันข้ามแลดูเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด อันที่จริงพวกเขาเป็นกลุ่มที่เป็นกรรมที่สุดในการฝึกทหารครั้งนี้ เปลี่ยนครูฝึกถึงสองคน ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าเวลาที่พวกเขาต้องการครูฝึก ถ้าไม่ใช่หลูจื้อมาสายก็เป็นซ่งไข่ที่ไม่มาเข้าร่วม ดูเหมือนพวกเขาเป็นลูกที่แม่เลี้ยงเลี้ยง
ทุกคนกลับถึงห้องพักของแต่ละคน ชุยหังปีนกลับขึ้นไปยังตำแหน่งเตียงนอนของตนอีกครั้ง จากนั้นก็มองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
แสงอาทิตย์หลังยามบ่ายยังคงร้อนแรงเอามากๆ แต่ว่าชุยหังกลับรู้สึกว่า ถ้าหากเวลาในการฝึกทหารจะยาวกว่านี้อีกสักหน่อยก็ไม่มีอะไรไม่ดีนะ
เมื่อนึกถึงว่าหลังการฝึกทหารก็จะเปิดภาคเรียน เริ่มต้มการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของพวกเขาอย่างเป็นทางการแล้วก็มีทั้งรู้สึกตั้งตารอคอยแล้วก็กระวนกระวาย
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นซึ่งมันทำให้ชุยหังคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหลูจื้อที่ส่งข้อความมาทางวีแชท
[เวินเผิงเอาคำพูดของฉันไปบอกต่อแล้วใช่ไหม ตัวฉันเองจะบอกกับนายอีกรอบว่าทำตัวให้มันดีๆ หน่อย]
ชุยหังฝืนกลืนMMP [1] ที่มันขึ้นมาจุกถึงคอแล้วกลับลงไป แล้วส่งเครื่องหมายคำถามอันหนึ่งกลับไปให้เขา
แต่ทว่าทางฝั่งหลูจื้อไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกแล้ว
คนๆ นี้สรุปแล้วต้องการจะทำอะไรกันแน่ ผีเข้าผีออก
ในใจของชุยหาะงถูกกระทำจนกลายเป็นระลอกคลื่นที่ไม่มีทางจะสงบนิ่งลงได้อีก
พอกำลังคิดจะเอาโทรศัพท์มือถือวางลง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาในที่สุด
เขานึกว่าหลูจื้อตอบกลับแล้ว ปรากฏว่าเป็นชย่าอวี่ชิวที่ส่งเข้ามา
[นายทำอะไรหรอ]
[ไม่มีอะไร นอนเล่นอยู่ห้อง]
[ออกมาสิ ฉันเลี้ยงเหล้านาย]
เมื่อพูดถึงเหล้า อันที่จริงชุยหังรู้สึกขัดแย้งอยู่นิดหน่อย เพราะเขารู้ดีกรีเหล้าของตัวเอง แล้ววันนี้ก็ไม่อยากทำอะไรผิดพลาดด้วย
เผื่อว่าเกิดเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นหลังจากกินเหล้าขึ้นมาแบบนั้นก็คงจะไม่มีทางอธิบายอะไรได้แล้ว
[ดื่มเหล้า ไม่ค่อยเหมาะมั้ง] เขาไม่ได้ปฏิเสธออกไปตรงๆ
[ไม่ดื่มเหล้าก็ได้ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันที่ถนนเฟิงหลิวหน่อย ให้เวลานายสิบนาที]
ข้างในคำพูดของชย่าอวี่ชิวเต็มไปด้วยคำว่าไม่อาจปฏิเสธได้
ชุยหังครุ่นคิดสักพัก ช่างมันละ ในเมื่อเขาเองก็บอกแล้วว่าไม่ดื่มเหล้าก็ได้ ก็ไปดูหน่อยแล้วกัน
ตอนที่ 113 เกี๊ยวตงเป่ย
ชย่าอวี่ชิวบอกว่าให้เวลาชุยหังสิบนาที แต่ตอนที่ชุยหังไปถึงถนนเฟิงหลิวนั้นก็ปาเข้าไปกว่ายี่สิบนาทีผ่านไปแล้ว
เขารีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อน จากนั้นก็รีบเปลี่ยนชุดเป็นชุดธรรมดา
ชย่าอวี่ชิวเห็นเขามาถึงก็เอ่ยขึ้นว่า: “นายมาสายแล้ว มโนทรรศน์เรื่องเวลาไม่ได้เลยนะ”
“นี่ฉันก็เร่งจนไม่ได้หยุดพักแล้ว อาบน้ำแค่ลวกๆ ก็ออกมาเลย” ชุยหังว่า
“เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงนายก็มีข้อแก้ตัวจนได้ ไปเถอะ อยากกินอะไร” ชย่าอวี่ชิวเอ่ยถาม
ชุยหังพูดตอบ: “นายว่ามาเถอะ วันนี้ฉันเลี้ยงนาย”
“ช่างมันเถอะ ฉันเป็นคนเรียกนายออกมาแน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนเลี้ยง มิฉะนั้นจะไม่กลายเป็นว่าคนตะกละตะกลามอย่างฉันเรียกนายมาจ่ายเงินหรอ” ชย่าอวี่ชิวว่า
ชุยหังพูดขึ้น: “แบบนั้นไม่ได้ ยังไงก็ไม่ควรเอาแต่ให้นายจ่ายเงินนี่นา”
“ถ้านายเป็นแฟนฉันล่ะก็ เงินฉันและบัตรของฉันจะเอาไว้ที่นายทั้งหมด นายเป็นคนจ่าย ออกไปข้างนอกก็จะมีแต่นายที่เป็นคนควักตังค์” ชย่าอวี่ชิวพูดล้อเล่น
ชุยหังตกตะลึงไป ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยพูดไปแล้วว่าสำหรับพวกเขามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าในเมื่อภายในใจของเขายังคงมีเงามืดนั้นอยู่
เมื่อมองท่าทางของชุยหังแล้ว ชย่าอวี่ชิวก็พูดขึ้นว่า: “นายดูสิ ทำเอานายตกใจแล้ว นายสบายใจได้ พวกเราสองคนในตอนนี้คือเพื่อนกัน ฉันไม่สามารถคิดมากไปกว่านั้นได้”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…” ชุยหังกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นนายหมายความว่ายังไง นายเกิดเสียใจภายหลังแล้ว? ไม่อยากปฏิเสธฉันแล้ว?” ชย่าอวี่ชิวถาม
“ไม่ใช่ แย่ละ ฉันอธิบายไม่เข้าใจแล้ว” ชุยหังรู้สึกว่าตนตึงเครียดขึ้นมาอีกแล้ว
ชย่าอวี่ชิวยิ้มแล้วพูดว่า: “งั้นก็ไม่ต้องอธิบายแล้ว ในเมื่ออธิบายไปก็เป็นการอำพรางความผิด การอำพรางความผิดก็คือเรื่องจริง อันที่จริงตอนนี้เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว นายต้องมีคนที่นายชอบอยู่แล้วแน่นอน ในอนาคตฉันก็คงจะได้เจอกับคนอื่น ทุกคนอยู่ด้วยกันต่างก็คือเพื่อน อย่าได้ให้มันมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
“หลายวันมานี้นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังพูดตอบ: “ไม่มีนะ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”
“ถ้านายไม่เป็นไรทำไมถึงดูตื่นเต้นกระวนกระวายขนาดนี้ ฉันแค่พูดล้อเล่นก็ทำเอานายตกใจได้ถึงขนาดนี้?” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังรีบพูดขึ้นว่า: “ไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าพวกครูฝึกพึ่งจะไปเลยรู้สึกไม่ค่อยชิน”
“ทำให้ชินก็โอเคแล้ว ครูฝึกของพวกเราให้วีแชทกับพวกเราไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงต่อไปในอนาคตก็จะสามารถติดต่อไปได้” ชย่าอวี่ชิวว่า
“ครูฝึกของพวกนายยังดีที่ให้วีแชทกับพวกนาย ครูฝึกของพวกเราเมื่อกี้พึ่งจะกินเหล้ามา ขนาดส่งก็ยังไม่ให้พวกเราไปส่งเลย” ชุยหังว่า
“เป็นธรรมดา ครูฝึกของพวกเราก็ไม่ให้พวกเราไปส่ง บอกว่ากลัวจะร้องไห้” ชย่าอวี่ชิวกล่าว
ชุยหังพยักขึ้นลง ที่แท้ก็ไม่ได้มีแค่ครูฝึกของพวกเขาที่เป็นแบบนี้
“จริงสิ ครูฝึกของพวกเราบางทีอาจจะเป็นในแบบที่นายชอบนะ” ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ชุยหังรีบโบกมือไปมาพลางพูดว่า: “นายอย่ามาล้อเล่นกับฉันเลย”
“จริงนะ เดี๋ยวเอาไว้ฉันจะช่วยนายถามดู”
“นายไม่พอใจที่ตัวเองอายุยืนหรือว่าไม่พอใจที่ฉันยังไม่ตาย?” ชุยหังเอ่ยถาม
ชย่าอวี่ชิวพูดตอบว่า: “ล้อเล่น ไม่มีหรอก”
“นายเลิกพูดไปเลยนะ ตอนนี้แค่นายพูดหัวใจฉันก็สั่นไปหมดแล้ว”
“ทำไมหรอ หรือว่านายทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฉันหรือเปล่า” ชย่าอวี่ชิวถาม
ชุยหังรีบพูดตอบ: “นายดูๆ นายพูดจาเรื่อยเปื่อยไปถึงไหนอีกแล้วเนี่ย”
“พอแล้ว ไม่กวนแล้ว นายคิดได้หรือยังว่าอยากกินอะไร? ถ้าเกิดว่ายังคิดไม่ได้ฉันจะพานายไปสักร้านตามใจตัวเองแล้วนะ”
ชุยหังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็นึกถึงสถานที่ที่ชย่าอวี่ชิวพูดกับตนในวันนั้นขึ้นมาได้
“นายบอกว่าที่ถนนตั้วลั่วมีร้านเกี๊ยวที่คนเฮยหลงเจียงเปิดอยู่ไม่ใช่หรอ”
“ถนนตั้วลั่ว? พี่ครับ พวกเราอยู่ถนนเฟิงหลิวนะ อีกอย่างไปกินที่นั่นก็มีแต่เกี๊ยวไม่มีอย่างอื่นแล้ว” ชย่าอวี่ชิวพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ประเด็นคือฉันไม่อยากกินอย่างอื่นน่ะสิ” ชุยหังกล่าว
ชย่าอวี่ชิวมองท่าทีจริงจังของเขาก็พูดขึ้นว่า: “ก็ได้ ถ้ารู้แต่แรกคงจะให้ไปเจอกันที่ถนนตั้วลั่วเลย นายเองก็ให้ฉันได้ประหยัดเงินดีจริงๆ เลยนะ กินเกี๊ยวมันจะเสียเงินสักเท่าไหร่กัน”
“ถ้านายไม่บอกฉัน ฉันก็คงไม่ทีทางรู้ว่าที่นี่มีร้านเกี๊ยวตงเป่ยหรอก”
“ถูกต้อง ที่นายพูดมาถูกหมดเลย ไปเถอะ ใครใช้ให้ฉันหาอย่างนายยากล่ะ”
——
[1] MMP (妈卖批) เป็นตัวอักษรย่อยอดฮิตที่ใช้บนอินเตอร์เน็ตของวัยรุ่น ซึ่งมากจากคำด่าที่สกปรกมากในภาษาจีนเสฉวน โดย妈แปลว่าแม่ 卖แปลว่าขาย 批 แปลว่าสินค้า ขายส่ง