เนินหิน

 

 

 

ภูเขายักษ์ไม่ทันได้กระทบกับปะการัง ก็แผดเสียงดังสนั่นขึ้น

 

 

ทุกแห่งที่ลำแสงสีเทากวาดผ่านไป หินโสโครกทั้งหมดก็จะทยอยกันสั่นเทาแล้วกลายเป็นผุยผง น้ำทะเลรอบๆ เกิดระลอกคลื่นขึ้นท่ามกลางแรงกดมหาศาล คลื่นยักษ์สูงร้อยจั้งเป็นสายๆ ก่อตัวขึ้น และทะลักออกมาจากทั้งสี่ด้าน

 

 

หานลี่ก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องกระทบกับถ้ำพำนักที่ซ่อนอยู่ใต้ปะการัง

 

 

ชั่วครู่ผิวน้ำในบริเวณรอบก็แยกตัวออก ฉับพลันนั้นก็มีไอปีศาจสองกลุ่มสีแดงหนึ่งกลุ่มและสีฟ้าหนึ่งกลุ่มบินออกมา ไอปีศาจหนึ่งในนั้นมีเสียงก่นด่าดังขึ้น

 

 

“ผู้ใด กล้าสร้างความวุ่นวายหน้าถ้ำพำนักของพวกเรา ไม่รู้ว่านี่คือที่พักของท่านเป่ากวงหรือ?” หานลี่ได้ยินก็ไม่ได้ปริปาก แค่ใช้นิ้วชี้ไปที่ภูเขายักษ์ด้านล่างอย่างสบายๆ

 

 

ลำแสงสีเทาใต้ภูเขายักษ์หมุนวน เปล่งแสงสว่างวาบคาดไม่ถึงว่าจะม้วนเอาไอปีศาจทั้งสองเข้าไปข้างใน

 

 

หลังจากที่ลำแสงนั้นเปล่งแสงสองสามครั้ง ด้านในก็มีเสียงกรีดร้องสองเสียงดังออกมา ปีศาจที่อยู่ในไอปีศาจทั้งสองระเบิดออกจากลำแสงสีเทา กลายเป็นฝนโลหิตแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

แค่อสูรทะเลระดับหกสองตน หานลี่ขี้้เกียจจะไปสนใจพวกมัน

 

 

ครู่ต่อมาในที่สุดภูเขายักษ์ก็โจมตีไปยังผิวน้ำ

 

 

ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลางสองสามลี้กฎปรากำขึ้นท่ามกลางพลังลำแสงเทวะดูดปราณที่บิดเบี้ยว น้ำทะเลรอบด้านหมุนวนอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจรจ้ายคำราม ชั่วขณะนั้นน้ำทะเลรอบๆ พลันถูกกวนจนกลับหัวกลับหาง

 

 

ตรงก้นทะเลลึกกุ้งหอยปูปลาจำนวนนับไม่ถ้วนหนีไปรอบทิศทางด้วยความลนลาน หนึ่งในนั้นมีอสูรทะเลนิรนามความยาวไม่ถึงจั้งสิบกว่าตัวรวมอยู่ด้วย

 

 

หานลี่กระตุ้นอานุภาพของภูเขาเทวะดูดปราณอย่างตามอำเภอใจ ในที่สุดก็ทำให้ใต้ผิวน้ำมีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ตรงขอบของระลอกคลื่นมีไอสีดำห้าสายพุ่งออกมา ไอสีดำที่เป็นผู้นำหมุนวน เผยร่างของชายร่างใหญ่สูงสง่าบนหัวมีเนื้องอกคนหนึ่งออกมา สวมเกราะกระดูกสีฟ้า มือหนึ่งค้อนสีดำคู่หนึ่งเอาไว้

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นมุมปากพลันเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากกระตุ้นภูเขาเทวะดูดปราณอีก

 

 

ชั่วขณะนั้นภูเขายักษ์สูงพันจั้งพลันสั่นเทา หายวับไปจากที่เดิม และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีฟ้าก็รู้สึกเพียงว่าเหนือหัวเป็นสีดำ เงยหน้าขึ้นด้วยใจที่หายวาบ เห็นเพียงความดำมะเมื่อมเข้าสู่ครรลองสายตา กดทับลงมา ภูเขาเทวะดูดปราณปรากฎขึ้นเหนือหัวของพวกเขา กำลังกดลงมาอย่างรุนแรง

 

 

ไม่รอให้เข้าใกล้พวกเขา วายุยักษ์กลุ่มหนึ่งก็พัดเข้ามาจนทำให้เขายืนอย่างมั่นคงไม่ไหว

 

 

ชายร่างใหญ่หน้าถอดสี แม้กระทั่งไม่สนใจมองหานลี่สักแวบ รีบร้อนโยนค้อนในมือทั้งสองไปทางภูเขายักษ์ หมุนคว้างไปทางพื้น ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นมังกรวารีสีฟ้ายาวสิบจั้งเศษตัวหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหนีไป

 

 

เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น แม้นว่าค้อนสีดำทั้งสองจะกลายเป็นค้อนยักษ์ขนาดสองสามจั้ง แต่ภูเขาน้อยทุกไปที่ภูเขาน้อยกลับไม่อาจทำอันตรายได้เลยสักนิด หลังจากที่ลำแสงสีเทาม้วนวนไป ค้อนทั้งสองก็สูญเสียการควบคุมร่วงลงสู่พื้น

 

 

ส่วนมังกรวารีตัวนั้นก็ไม่อาจหนีไปไหนได้เช่นกัน เพิ่งจะบินออกมาได้สามสิบจั้งเศษ ลำแสงสีเทาสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบเช่นกัน ร่างของมังกรสีฟ้าสั่นเทา ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยสักนิด

 

 

ครานี้หานลี่พลันชี้ไปที่ภูเขายักษ์อีกครั้งด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

 

 

ภูเขายักษ์ที่อยู่กลางอากาศหมุนคว้าง พลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นที่ตีนเขาทันที มังกรวารีสีฟ้าที่อยู่ในลำแสงสีเทาทำได้เพียงร้องคำรามด้วยความหวาดผวาออกมา ร่างกายถูกพลังมหาศาลกดจนกลายเป็นซอสเนื้อ เหลือเพียงหัวมังกรวารีขนาดใหญ่ที่ไม่เป็นอะไร

 

 

แม้นว่าร่างของมังกรวารีจะแข็งแกร่งจัดอยู่ในอันดับแรกๆ ในอสูรปีศาจทั้งหมด แต่มังกรวารีทะเลระดับแปดตัวหนึ่งจะต้านทานพลังของภูเขาเทวะสวรรค์ได้อย่างไร

 

 

มังกรวารีตัวนี้ไม่ทันได้มองเห็นใบหน้าของหานลี่ให้ชัดเจน ก็ถูกทำลายกายเนื้อไป

 

 

แต่โชคดีที่ยังเหลือจิตวิญญาณดั้งเดิมของหัวมังกรวารี กลับไม่รู้ว่าสำแดงความสามารถอะไร หัวมังกรวารีจึงกลายเป็นลำแสงสีฟ้าเจิดจ้ากลุ่มหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะดิ้นรนหนีออกจากพันธนาการของลำแสงสีเทา และพยายามหนีออกไป

 

 

ในตอนนั้นเองวิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่งก็เปล่งเสียงคำรามดังสนั่นฟ้า ความเร็วแค่กระพริบวาบก็มาปะทะกับหัวของมังกรวารี

 

 

เสียงกรีดร้องอันน่าอนาถดังขึ้นอีกครั้ง มังกรวารีสีเขียวตัวหนึ่งหนีออกมาจากหัวของมังกรวารี แต่เมื่อเปลวเพลิงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบก็หายวับไป เหลือเพียงหัวมังกรหัวหนึ่ง ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะหานลี่คิดจะควบคุมเพลิงกลืนวิญญาณ เก็บรักษาผลลัพธ์เอาไว้

 

 

ส่วนอสูรทะเลในไอสีดำอีกสี่ตัว ชั่วพริบตาที่ภูเขายักษ์เคลื่อนไหว ก็กลายเป็นหมอกโลหิตโดยไม่มีแรงจะต้านทานเลยสักนิด แม้แต่จิตวิญญาณบริสุทธิ์ก็ยังไม่อาจหลบหลีกได้เลยสักนิด

 

 

หานลี่เห็นปีศาจทั้งห้าถูกสังหารในรวดเดียว ก็กวักมือเรียกพร้อมรอยยิ้มจางๆ หัวมังกรวารีตนนั้นพุ่งเข้ามาในทันที ถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือข้างหนึ่ง

 

 

นิ้วทั้งห้ากางออกถือหัวมังกรวารีขนาดยักษ์เอาไว้

 

 

หลังจากที่หรี่ตาทั้งสองข้างลงพิจารณาเล็กน้อย ลำแสงสีขาวพลันเปล่งแสงสว่างจ้า หัวมังกรวารีสลายหายไป ถูกเก็บเข้าไปในกำไลเก็บของ

 

 

มือสีดำตบไปทางกลางอากาศด้านภูเขายักษ์ หลังจากที่ภูเขาเทวะดูดปราณพันจั้งเลือนรางลงก็กลายเป็นเงาลวงตา สุดท้ายก็สลายหายไปจากกลางอากาศ

 

 

หานลี่เก็บภูเขายักษ์สะบัดแขนเสื้อคิดจะหันกายจากไป

 

 

แต่เมื่อกวาดสายตาไปยังระลอกคลื่นที่ยังไม่หายไปด้านล่าง หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็เปลี่ยนความคิด

 

 

รอบกายของเขาเปล่งแสงสีเขียวออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในระลอกคลื่น

 

 

ทุกแห่งที่สายรุ้งสีเขียวกวาดผ่านไป ผิวน้ำทั้งหมดพลันแยกออกโดยอัตโนมัติ หลังจากที่ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ก็ปรากฎด้านหน้าภูเขาน้อยใต้ทะเลใต้กลุ่มปะการัง

 

 

หานลี่มองไปยังภูเขาลูกนี้แวบหนึ่ง ร่ายนิ้วไปทางสันเขาของภูเขาลูกนี้ กระบี่ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ลำแสงสีทองและฟ้าสองสีระเบิดออก ทันใดนั้นลำแสงสีฟ้าอีกชั้นหนึ่งพลันปรากฎขึ้น แต่หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

เนินเขามีประตูปะการังสีขาวบานหนึ่งปรากฎขึ้น

 

 

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ในนี้น่าจะเป็นถ้ำพำนักของท่านเป่ากวง

 

 

ไอกระบี่สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งผ่านไป

 

 

ทันใดนั้นประตูปะการังที่อยู่ในลำแสงสีทองพลันกลายเป็นผุยผง น้ำทะเลด้านในว่างเปล่า เผยทางเดินสีเขียวสายหนึ่งออกมา

 

 

หานลี่แววตาเปล่งประกาย ร่างกายพลิ้วไหวเดินเข้าไป

 

 

ทางเดินนี้ทอดตัวยาวมาก มีความยาวเกือบร้อยจั้ง

 

 

เมื่อหานลี่ปรากฎตัวที่ห้องโถงห้องหนึ่งตรงสุดทางเดินนั้น เบื้องหน้ากลับเปล่งประกาย

 

 

เห็นเพียงห้องโถงกว้างห้าสิบหกสิบจั้ง วิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก บนพื้นล้วนเป็นหยกงามสีขาวบริสุทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นทุกๆ สองสามจั้ง กำแพงทั้งสี่ด้านจะมีไข่มุกราตรีกระจ่างขนาดเท่าหัวแม่มือเม็ดหนึ่งฝังอยู่พลางเปล่งแสงเรืองๆ

 

 

ตรงเพดานของห้องโถงมีปะการังสีแดงสดราวกับเปลวเพลิงแขวนอยู่ แผ่ความอบอุ่นออกมา ทำให้ความชื้นภายในห้องโถงถูกกำจัดไปจนเกลี้ยง

 

 

หานลี่กวาดสายตามองไปมาด้วยความประหลาดใจ กลับตกลงตรงเนินหินสีเทาขาวที่มุมห้องโถง

 

 

สิ่งนี้ดูหยาบๆ ราวกับเป็นแค่ก้อนหินธรรมดาๆ หากไม่ใช่เพราะเบื้องหน้ามีโต๊ะหยกที่วิจิตรงงามวางอยู่ตัวหนึ่ง เกรงว่าก็คงคิดว่ามันเป็นก้อนหินแบนๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น

 

 

แต่ในห้องโถงอันโออ่าขนาดนี้ ของทั้งหมดล้วนเปล่งแสงระยิบระยับออกมา มีเพียงเนินหินที่ไม่สะดุดตาขนาดนี้ มันแปลกไปหน่อยกระมัง

 

 

หานลี่เอียงหัวครุ่นคิด มือหนึ่งตะปบไปทางเก้าอี้หิน คิดจะดูดของสิ่งนั้นเข้ามาพิจารณาอย่างละเอียด

 

 

แต่ฉากที่เกินความคาดหมายพลันปรากฎขึ้น

 

 

ภายใต้พลังแรงดูดมหาศาลที่เขาสร้างขึ้น เก้าอี้หินตัวนี้ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

 

 

หานลี่ใจหายวาบ ขบคิดในใจ เดินไปเบื้องหน้าอย่างช้าๆ ยื่นนิ้วนิ้วหนึ่งลูบไปที่เนินหิน

 

 

ความเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งแล่นผ่านนิ้วมือขึ้นมายังท่อนแขน หานลี่ไม่ทันได้ดึงนิ้วออก ความร้อนฉ่าอีกกลุ่มหนึ่งไล่ตามมา

 

 

หานลี่พลันตะลึงงัน

 

 

กดทั้งฝ่ามือไปบนเนินหินเสียเลย รู้สีเพียงว่าความเย็นและร้อนสองขั้วที่ไม่เหมือนกันส่งสลับไปกันมา จากนั้นแขนของเขาก็รู้สึกอุ่นขึ้น ทำให้เขารู้สึกสบาย

 

 

ใช้จิตสัมผัสมองไปที่แขน ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

 

 

หานลี่ขมวดคิ้วลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้า นิ้วทั้งห้าออกแรงคิดจะคว้าเนินหินสูงสองสามฉื่อเอาไว้

 

 

แต่เห็นเพียงนิ้วทั้งห้ามีลำแสงสีทองเจิดจ้า แทบจะบดบังเนินหินทั้งกองเอาไว้ แต่สิ่งนี้ก็ยังคงไม่ขยับเลยสักนิดราวกับฝังรากลงไปใต้ดิน

 

 

ในที่สุดหานลี่ก็รู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย!

 

 

เขาไม่ทันต้องขบคิด อีกมือหนึ่งมันวางไปบนเนินหิน มือทั้งสองมีลำแสงประหลาดไหลเวียนไปมาพร้อมกัน ข้างหนึ่งกายเป็นสีดำเป็นมันวาว อีกมือหนึ่งกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์

 

 

แขนทั้งสองข้างพลิ้วไหวร่างของหานลี่เปล่งเสียงระเบิดราวกับไม้ไผ่ระเบิดดังออกมา ในเวลาเดียวกันพลังมหาศาลที่น่าเหลือเชื่อกลุ่มหนึ่งพลันทะลักออกมา ส่งผลไปถึงเนินหิน

 

 

เสียงตูมๆ ดังสนั่นขึ้น ทั้งห้องโถงสั่นเทาอย่างแรง ในที่สุดเนินหินก็พลิ้วไหว แต่ทันใดนั้นก็กลับคืนตำแหน่งเดิม แต่จากใจกลางของเนินหิน พื้นดินทั้งห้องโถงแตกออกเป็นสายๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นแยกออกคาตาของหานลี่ อิฐหยกรอบๆ ต่างสั่นเทาแตกออกเป็นผุยผง เผยพื้นดินหยาบๆ สีดำที่อยู่ด้านล่างออกมา

 

 

“แก่นเหล็กทมิฬ”

 

 

หานลี่มองปราดเดียวก็รู้ความเป็นมาของพื้นดินสีดำ ใบหน้าจึงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

 

 

แต่ทันใดนั้นเขาก็ชักสายตากลับมา จ้องเขม็งไปยังเนินหินที่ไม่สะดุดตาเบื้องน้าด้วยแววตาเปล่งประกายอีกครั้ง

 

 

เนินหินในครานี้คาดไม่ถึงว่าจะมีครึ่งหนึ่งที่จมหายเข้าไปใต้ดินสีดำ ราวกับว่าฝังอยู่ในนั้นตามธรรมชาติ

 

 

หานลี่พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง

 

 

สิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่น้ำหนักของของสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาทั้งชีวิตแล้ว

 

 

ถึงแม้ว่าเมื่อครู่เขาจะไม่ได้ใช้เคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่แค่ความแข็งแกร่งของกายเนื้อและคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติ ก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายเนินหินได้ เจ้าสิ่งนี้หนักเป็นล้านชั่งแน่

 

 

หากเขาจำไม่ผิดล่ะก็ วัตถุดิบที่หนักในบรรดาวัตถุดิบล้ำค่าทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะเป็นทองหนักทมิฬสวรรค์ ทองหนักทมิฬสวรรค์ขนาดเท่าเล็บมือก้อนหนึ่ง ก็เพียงพอจะทำให้ชายร่างใหญ่ร่างกายกำยำฟุบหมอบลงกับพื้นแล้ว

 

 

แม้นว่าจะไม่อาจตรวจสอบน้ำหนักของเนินหินให้ละเอียดได้ แต่ดูจากขนาดของมัน เกรงว่าคงหนักไม่แพ้ทองคำทองคำหนักทมิฬสวรรค์ แม้กระทั่งอาจจะหนักกว่าเท่าหนึ่ง

 

 

ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่การทดสอบในมือกลับไม่มีท่าทีจะหยุดเลยสักนิด เห็นเพียงลำแสงสีทองพลันสว่างวาบ ไอกระบี่สายหนึ่งสับลงมา

 

 

หลังจากเสียง “สวบ” ดังขึ้น ไอกระบี่บนผิวของเนินหินก็สลายหายไป ไม่มีผลอะไรเลยสักนิด

 

 

หานลี่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ของสิ่งนี้มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก หากแม้แต่ไอกระบี่สายหนึ่งของเขาก็ยังไม่อาจต้านทานได้ เกรงว่าก็คงทำให้เขาผิดหวังแล้ว

 

 

แต่ด้วยเหตุนี้ความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

 

 

พลิกฝ่ามือมือหนึ่งกระบี่น้อยยาวสองสามชุ่นเล่มหนึ่งปรากฎขึ้น แต่เมื่อลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา กลับกลายเป็นกระบี่ยาวสีทองขนาดสองสามฉื่อ

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งถือกระบี่ สับลงมาที่เนินหินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด