ตอนที่ 83 ซื้อขายแก่นอสูร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 83

ซื้อขายแก่นอสูร

 

บนชั้นที่ 5 ของอาคารหน่วยที่ 10 ปรากฏทางเดินยามที่ปูพรมสีแดงเข้มประดับด้วยทองคำเป็นลายมังกรสวยงามตามพื้นพร้อมเครื่องประดับอย่างแจกันและรูปภาพที่ติดเอาไว้อย่างสวยงามไม่รกตาแต่อย่างไร ตลอดทางเดินปรากฏประตู 10 บานแบ่งออกเป็นซ้าย 5 บาน ขวา 5 บาน โดยทุกประตูมีรูปร่างเหมือนกันทั้งหมด

“ทางนี้เจ้าค่ะ”หญิงสาวผู้ทำหน้าที่นำทางพาไป๋จูเหวิน หลินหลิน และ หงเยว่ มาที่ประตูบานหนึ่งก่อนที่นางจะก้มหัวลงเป็นการขอตัวแล้วเดินจากไปราวกับจะบอกว่านางพาทั้งสามมาถึงที่หมายแล้ว

“เชิญขอรับ”ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ภาพของชายอ้วนท่าทางเหมือนอาเสี่ยคนหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตาไป๋จูเหวิน มันนั่งอยู่บนพื้นที่ปูด้วยไม้อย่างดีโดยฝั่งตรงข้ามมันมีเบาะนั่งอีกใบให้แขกที่เข้ามาทำการซื้อขาย ภายในห้องไม่มีหน้าต่างแม้แต่บ้านเดียวราวกับจะบอกว่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนี้จะไม่มีการแพร่งพรายออกไป

“ข้าอยากได้แก่นอสูรของอสูรระดับสูงไม่ทราบท่านมีหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางเดินไปนั่งอย่างไม่เกรงใจ

“ระดับสูง… แน่นอนพวกเรามีแก่นอสูรมากมายจากการล่า คุณชายต้องการแก่นอสูรประเภทใด”ชายอ้วนถามพลางจับไปที่แหวนมิติของตน แม้จะทราบว่าอีกฝ่ายเป็นคนของกลุ่มนักล่าอสูรหน่วยอื่นและดูอย่างไรก็เป็นเด็กรุ่นเยาว์กว่ามัน แต่ในเมื่อไป๋จูเหวินเดินทางมาเป็นลูกค้าของหน่วย 10 เรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาพวกมันต้อนรับไป๋จูเหวินเช่นเดียวกับแขกที่เข้ามาคนอื่นๆ

“ประเภทที่มีความสามารถซ่อนเร้น กับประเภทกำลังภายนอก”ไป๋จูเหวินตอบตามสิ่งที่ต้าชิงและต้าเฉินอยากได้

“เชิญคุณชายเลือกได้ตามต้องการเลยขอรับ”ชายอ้วนว่าพลางเรียกแก่นอสูรออกมาจากแหวน โดยแก่นอสูรระดับสูงเหล่านี้ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีภายในกล่องไม้ เพียงแต่กล่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่และถูกทำช่องเอาไว้ใส่แก่นอสูรโดยเฉพาะ

ตุบ..กล่องจำนวนเกือบ 20 กล่องถูกนำมาวางบนตะด้านหน้าไป๋จูเหวิน แน่นอนว่าแก่นอสูรเป็นของที่เหลือเอาไว้หลังกำจัดอสูรตนนั้นๆไปแล้ว เพียงแต่ประโยชน์ใช้สอยของมันยังไม่ค่อยมาก แม้แต่เหล่านักล่าอสูรที่ใช้แก่นอสูรเพิ่มพลังให้ตนเองยังไม่ทราบว่าจะเอาแก่นอสูรระดับสูงๆไปทำอะไร อย่างมากพวกมันก็แค่เอามาทำเครื่องประดับหรือติดบนอาวุธหรือชุดเกราะเพื่อเพิ่มพลังอสูรเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีค่าเลยเพราะมันยังสามารถเอาไปให้อสูรเลี้ยงกินได้ แม้จะไม่มากแต่มันก็ช่วยเพิ่มพลังให้กับอสูรเลี้ยงเล็กน้อย

“ข้าขออันนี้ กับ อันนี้”ไป๋จูเหวินใข้ดวงตาสีม่วงเพียงครู่เดียวก็หยิบแก่นอสูรออกมาจากกล่องนับสิบใบได้อย่างง่ายดาย แม้จะได้รับสายตาเสียดายเล็กน้อยจากชายอ้วนก็ตามเพราะไป๋จูเหวินดันเลือกแก่นอสูรที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาแก่นอสูรระดับสูงนี่นา

กรุบ.. อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังมาจากหลินหลินที่นั่งอยู่ด้านข้างไป๋จูเหวิน นั่นเพราะนางหยิบแก่นอสูรเข้าปากแล้วเคี้ยวเล่นไปแล้วนั่นเอง

“อันนี้อร่อยดี”หลินหลินว่าพลางยิ้มบางๆ

“เดี๋ยวสิ นั่นของซื้อของขายนะ คุณชาย…”ชายอ้วนเห็นหลินหลินเอาแก่นอสูรเข้าปากก็หันไปหาไป๋จูเหวินทันทีเพราะเห็นๆกันอยู่ว่านางเป็นอสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวิน

“ข้าจ่ายเอง..”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางหลินหลิน ในเขตอสูรมันก็เคยเห็นพวกท่านน้ากินแก่นอสูรอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็กินเพราะมันติดมาจากอสูรที่ล่ามาให้ไป๋จูเหวินกินเท่านั้นเองไม่ได้ตั้งใจกินเสียเท่าไหร่ ไป๋จูเหวินเลยทราบว่าอสูรสามารถกินแก่นอสูรได้เพียงแต่ไม่ทราบว่ามันช่วยเพิ่มพลังเพราะพวกท่านน้ากินเท่าไหร่พลังก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย

“เจ้ากินแล้วเป็นอย่างไร”ไป๋จูเหวินถามพลางมองหลินหลิน แม้มันจะให้หลินหลินพกหยกเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันหมด หากหลินหลินยังกินต่อไปเช่นนี้บางทีไป๋จูเหวินก็ควรหาอะไรอย่างอื่นมาให้นางกินบ้าง

“อร่อยดี แต่ข้าชอบหยกมากกว่า”หลินหลินตอบพลางเลียริมฝีปากเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ อสูรอย่างเรากินแก่นอสูรของอสูรตนอื่นเพื่อเพิ่มพลังอสูรอยู่แล้ว หลินหลินกินเข้าไปก็ไม่เกิดผลเสียหรอกเจ้าค่ะ”หงเยว่เข้าใจว่าไป๋จูเหวินคงไม่ทราบว่าอสูรกินแก่นอสูรเข้าไปแล้วจะเป็นอะไรหรือไม่เลยรีบอธิบายเพื่อให้เจ้านายคลายกังวล

“เพิ่มพลัง ใช้แก่นอสูรได้งั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปที่หงเยว่

“เจ้าค่ะ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร หากจะทำให้น้องหลินหลินเพิ่มระดับขึ้นไปอีกคงต้องกินแก่นอสูรอีกหลายร้อยก้อนเลย”หงเยว่ว่าพลางมองแก่นอสูรที่วางกองอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนใช้แก่นอสูรเพื่อเพิ่มพลังให้อสูรเลี้ยงเลย แต่เพราะมันหายากและแพงเอาเรื่อง เมื่อเทียบกับระดับพลังที่เพิ่มขึ้นมาไม่ได้มากมายตามเม็ดเงินแล้วคนส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยใช้วิธีนี้นัก

“เช่นนั้นท่านมีแก่นอสูรอยู่เท่าไหร่”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางชายอ้วน

“ถามว่าเท่าไหร่มันก็…เพราะคุณชายระบุชนิดของแก่นอสูรเอาไว้ข้าเลยนำออกมาตามที่คุณชายต้องการ เพียงแต่ในแหวนมิติยังมีแก่นอสูรชนิดอื่นๆอีกจำนวนมาก”ชายอ้วนว่าพลางจับแหวนดูเพื่อตรวจสอบแก่นอสูรด้านใน

“เช่นนั้นเอาออกมามหมด”ไป๋จูเหวินพูดเสียงเรียบพลางมองกล่องตรงหน้า 1 กล่องมีช่องสำหรับใส่แก่นอสูรราวๆ 50 เม็ด ที่วางอยู่ตรงหน้ามันมีอยู่ 18 กล่องนั่นหมายความว่าแก่นอสูรตรงหน้ามันมีเกือบๆ 900 เม็ด แต่นั่นยังไม่หมดงั้นหรือ?

“หมดเลย…”ชายอ้วนเบิกตากว้างพลางคลึงแหวนบนนิ้วของมันที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมา เพราะไม่ค่อยมีใครซื้อแก่นอสูรทั้งๆที่ธุรกิจการล่าอสูรเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มนักล่าอสูรแท้ๆทำให้แก่นอสูรในคลังเหลือบานเบอะ ทำให้ในแหวนของพ่อค้าบนชั้นที่ 5 แต่ละคนมีแก่นอสูรร่วมๆ 5,000 เม็ดเลยทีเดียว หรือก็คือบนชั้น 5 ทั้งหมดมีแก่นอสูรทั้งหมดร่วม 50,000 เม็ด

“นะ นี่ขอรับ”ชายอ้วนค่อยๆนำกล่องออกมาวางเป็นแถวๆร่วม 100 กล่องอย่างสวยงาม เพียงแต่ยามนี้มันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าไป๋จูเหวินจะมีเงินจ่าย

“ทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ราคา 250,000 เหรียญทองขอรับ”ชายอ้วนว่าพลางมองท่าทีของไป๋จูเหวิน แน่นอนว่าเหรียญทองในกระเป๋าของไป๋จูเหวินมีมากมาย เพียงแต่ก็ไม่พอกับที่ชายอ้วนบอกเสียได้

“ไม่พอจริงๆด้วย”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเหรียญทองในมิติของตน เหรียญทองที่มันแลกมาจากจื่อลู่มีนับแสนเหรียญ แต่ก็ไม่ได้มากพอจะเหมาซื้อแก่นอสูรตรงหน้าทั้งหมด

“เช่นนั้นเอาแค่ตามงบคุณชายดีหรือไม่ขอรับ”ชายอ้วนมีสีหน้าเสียดายในทันทีเพราะคิดเอาไว้แล้วว่าไป๋จูเหวินคงมีเงินไม่พอ แต่อย่างน้อยไป๋จูเหวินก็จะซื้อแก่นอสูรจำนวนมากมันย่อมยินดี

“ท่านรับของแลกเปลี่ยนหรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางชายอ้วน

“แน่นอนขอรับ”ชายอ้วนว่าพลางยิ้มอกมา แม้จะไม่ได้เงินสดแต่หากไป๋จูเหวินนำของมาแลกก็เท่ากับว่ามันยังสามารถขายของได้เพิ่ม

“เช่นนั้นหินวิญญาณก้อนนี้แลกได้หรือไม่”ไป๋จูเหวินว่าพลางเลือกหินวิญญาณก้อนหนึ่งที่น้าไก่ฟ้าเก็บมาให้ออกมา มันเป็นสมบัติของน้าไก่ฟ้าที่คัดมาจากกองสมบัติในเขตสันเขาทองคำที่มีแร่และอัญมณีจำนวนมาก อย่างน้อยมันคงมีค่าให้แลกเปลี่ยนมากกว่าทองกระมัง

“…………..”ชายอ้วนนิ่งไปทันทีเมื่อเห็นหินวิญญาณตรงหน้า แน่นอนว่าหินวิญญาณสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ เพียงแต่หินวิญญาณที่ไป๋จูเหวินนำออกมาไม่ใช่หินวิญญาณปกติ

“คุณชาย ท่านจะใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนจริงๆหรือ”ชายอ้วนพูดด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ หินวิญญาณสำหรับโลกมนุษย์นั้นนับว่าเป็นของมีค่าอย่างมาก นอกจากจะมีพลังวิญญาณอยู่ภายในทำให้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณสามารถดูดซับพลังวิญญาณจากมันได้ มันยังเอามาใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินอีกต่างหากโดยจากการแลกเปลี่ยนทั่วไป 1 หินวิญญาณสามารถแลกเปลี่ยนได้ 10,000 เหรียญทอง นั่นก็คือหินวิญญาณ 25 ก้อนสามารถซื้อแก่นอสูรที่ไป๋จูเหวินต้องการได้ เพียงแต่หินวิญญาณตรงหน้ามันไม่ใช่หินวิญญาณที่ใช้แลกเปลี่ยนกันทั่วไป เพราะหินวิญญาณเหล่านั้นมีพลังวิญญาณไม่มาก ไม่เหมือนหินวิญญาณใยมือไป๋จูเหวิน เพราะมันอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณแถมยังเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทั้งสวยงามและเหมาะกับการใช้ฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก

“หากท่านรับ ข้าก็พร้อมจะแลกเปลี่ยน”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ ความจริงมันก็อยากใช้หินวิญญาณในการฝึกฝนอยู่หรอก แต่หินวิญญาณเหล่านี้พลังหนาแน่นเกินไปมันไม่สามารถนำมาฝึกฝนได้ในตอนนี้ แถมในกล่องของท่านน้าไก่ฟ้ายังมีอีกหลายสิบเม็ด แบ่งมาซื้อของเม็ดหนึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก

“ขะ ข้าขอตัวสักครู่”ชายอ้วนว่าพลางเดินออกไปนอกห้องในทันที แม้ไป๋จูเหวินจะไม่ทราบแต่หินวิญญาณที่ท่านน้าไก่ฟ้าหามาอย่างตั้งใจนั้นมีค่ากว่าหินวิญญาณธรรมดาหลายร้อยหลายพันเท่า เรียกได้ว่ามันเป็นหินวิญญาณที่มีค่ากว่าหินวิญญาณธรรมดานับพันเท่านั่นเอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าหินวิญญาณที่ไป๋จูเหวินนำออกมามีค่ามากกว่า 10,000,000 เหรียญทองนั่นเอง

“คุณชาย ข้าคือผู้ช่วยอาวุโสของหน่วยที่ 10 ไม่ทราบว่าท่านเองหรือที่ต้องการขายหินวิญญาณให้กับพวกเรา”ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมชายอ้วนที่พึ่งออกไปเมื่อครู่ หากฟังจากที่มันพูดมันคือผู้ช่วยอาวุโสของหน่วยที่ 10 นั่นหมายความว่ามันมีอำนาจไม่น้อยใยเขตที่ 10 แห่งนี้ แต่น่าแปลกผู้ช่วยอาวุโสท่านนี้เองก็มีพลังวิญญาณไม่มาก อาจจะเหนือกว่าผู้ช่วยอาวุโสของหน่วย 7 อยู่นิดหน่อยเท่านั้น หรือตำแหน่งนี้จะไม่ได้เน้นที่พลังวิญญาณกัน?

“ขอรับ”ไป๋จูเหวินว่าพลางผายมือไปที่หินวิญญาณที่มันนำมา

“เช่นนั้นขอเสียมารยาท”ชายชราว่าพลางเดินมานั่งแทนที่ชายอ้วนก่อนหน้านี้ มันนำของแปลกๆเหมือนที่อาวุโส 7 สวมอยู่บนหน้าออกมา (แว่นตา) พลางเพ่งมองหินวิญญาณอย่างตั้งใจ

“เป็นธาตุอัสนีบริสุทธิ์จริงๆด้วย คุณชายท่านได้ของเช่นนี้มาจากไหน”ชายชราถามโดยไม่ได้หันมามองไป๋จูเหวินเลย แน่นอนว่าหินวิญญาณนั้นค่อนข้างหายาก และหินวิญญาณในมือไป๋จูเหวินยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ นอกจากในเขตอสูรแล้วชายชราแทบจะคิดไม่ออกเลยว่าไป๋จูเหวินไปนำมันมาจากไหน

“เรื่องนั้น ข้าได้มาจากท่านน้าของข้า”ไป๋จูเหวินตอบไปตามตรงทำให้ชายชราขมวดคิ้ว นั่นเท่ากับว่ามันไม่สามารถสาวความได้อีกต่อไปเพราะมันได้รับจากคนอื่นมาอีกที หากมันยังอยากจะทราบมันต้องสืบให้ได้ว่าน้าของชายหนุ่มผู้นี้คือใคร แต่เรื่องของลูกค้าที่ไม่อยากบอกมันจะไปสืบมาก็คงไม่ได้

“เช่นนั้นข้ามีข้อเสนอ”ชายชราว่าพลางยืดหลังจนตรง

“ในหน่วย 10 ของพวกเรามีแก่นอสูรระดับสูงทั้งหมด 200,000 เม็ด และแก่นอสูรระดับกลางอีก 500,000”ชายชราว่าพลางมองท่าทีของไป๋จูเหวิน พวกมันอยากได้หินวิญญาณของไป๋จูเหวินอย่างชัดเจนเพราะนอกจากจะเป็นหินวิญญาณหายากแล้วยังมีลูกค้ารายใหญ่ท่านหนึ่งต้องการหินวิญญาณธาตุอัสนีบริสุทธิ์อยู่แล้ว ท่านผู้นั้นเสนอราคาให้พวกมันจัดหาของดังกล่างมานานมาก แต่พวกมันก็หามาไม่ได้เสียที ตอนนี้ของที่ว่ามาตั้งตรงหน้าแล้วต่อให้ไม่ได้กำไร…ไม่สิ ต่อให้ขาดทุนก็ต้องนำมาให้ได้ นั่นเพราะความสัมพันธ์กับลูกค้าท่านนั้นสำคัญกว่าเงินนั่นเอง

“ข้าขอใช้แก่นอสูรทั้งหมดกับหินวิญญาณอีก 1,000 ก้อนเพื่อแลกเปลี่ยนกับหินวิญญาณธาตุอัสนีของท่าน”ชายชราพูดอย่างจริงจังตรงกันข้ามกับชายอ้วนที่แทบจะตัวซีดเซียวเมื่อเห็นการแลกเปลี่ยนตรงหน้า หินวิญญาณ 1,000 เม็ดนั้นเท่าๆกับราคาของหินวิญญาณของไป๋จูเหวินเลย หรือก็คือท่านผู้ช่วยอาวุโสเสนอจะซื้อหินวิญญาณของไป๋จูเหวินเต็มราคาและยังแถมแก่นอสูรทั้งหมดในร้านให้อีกด้วย นั่นหมายความว่าผู้ช่วยอาวุโสขอซื้อหินวิญญาณของไป๋จูเหวินด้วยราคา 1,200 หินวิญญาณนั่นเอง

“ไม่ทราบว่าคุณชายพอใจหรือไม่”แม้จะดูเหมือนชายชราซื้อของแพงเกินราคา แต่จริงๆแล้วลูกค้าคนดังกล่าวเสนอราคาหินวิญญาณธาตุอัสนีบริสุทธิ์เอาไว้ที่ 1,500 หินวิญญาณ ถึงจะให้ของไปขนาดนี้มันยังได้กำไรอยู่

เป็นอย่างที่ท่านน้าจิ้งจอกได้สอนเอาไว้จริงๆ พ่อค้ามากประสบการณ์ไม่มีทางทำให้ตัวเองขาดทุน ยามนี้ดวงตาสีแดงของไป๋จูเหวินจดจ้องท่าทีของชายชราอย่างใจเย็น แม้จะพยายามเก็บซ่อนแต่ชายตรงหน้าก็ยังมีท่าทีดีใจที่มันเสนอราคาเช่นนี้ออกมาได้โดยไป๋จูเหวินไม้ทักท้วง มันไม่เหมือนจื่อลู่ที่ยอมขาดทุนเล็กน้อยตั้งแต่แรกเพราะไป๋จูเหวินช่วยกำราบเสือดำให้

“ข้าคิดว่ามันยังถูกไปสักหน่อย”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองหินวิญญาณของตน

“ถ้าเช่นนั้นหากข้าเพิ่มหินวิญญาณให้ท่านอีก 100 ก้อนล่ะขอรับ”ชายชราถามพลางยิ้มบางๆ แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่ได้ตอบตกลง มันเพียงยิ้มรับแล้วมองสีหน้าของชายชราต่อ

“ถ้าเช่นนั้นก็ 200”ชายชราเสนอเพิ่มราคาเองโดยที่ไป๋จูเหวินไม่ได้พูดอะไรเลย สำหรับโลกของการค้า ผู้ที่ตกเป็นฝ่าย ต้องการ นั้นก็เท่ากับว่าเป็นรองไปแล้ว ยามนี้ชายชราต้องการหินวิญญาณของไป๋จูเหวินอย่างมาก ถึงขนาดลั่นวาจาในใจเอาไว้แล้วว่าขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพียงแต่มันก็ยังอยากได้กำไรในการค้าขายครั้งนี้เช่นกัน

“ถ้าเช่นนั้น….”ชายชรามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยเมื่อจะเพิ่มหินวิญญาณเข้าไปอีก 100 ก้อน นั่นเพราะหากมันลั่นวาจาครั้งนี้ออกไป การซื้อขายของมันคงไม่ได้กำไรอะไรแล้วแน่ๆ

“ไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินว่าพลางเลื่อนหินวิญญาณมาให้ชายชรา

“ท่านเป็นพ่อค้าอย่างน้อยก็ต้องให้ท่านมีกำไรบ้าง”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางปล่อยมือออกจากหินวิญญาณราวกับจะบอกว่าตกลงทำการซื้อขาย

“คุณชาย..”ชายชรานิ่งเงียบไปพลางทบทวนคำพูดของไป๋จูเหวิน การที่ชายหนุ่มคนนี้บอกว่าอยากให้มันได้กำไรนั่นหมายความว่ามันทราบอยู่แล้วว่าตัวมันกำลังจะเสนอราคาเท่าทุนออกมา ไม่ใช่ว่ามันโดนชายหนุ่มคราวลูกอ่านสีหน้าออกจนหมดหรอกหรือ

“ขอบพระคุรณอย่างมากขอรับ หน่วยที่ 10 จะจดจำคุณชายเอาไว้ในฐานะลูกค้าชั้นดีของเรา”ชายชราเห็นเช่นนั้นก็รีบนำแหวนมิติออกมาวงหนึ่ง มันนำหินวิญญาณจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติบนนิ่วของมันพลางใส่ลงไปในแหวนมิติที่มันนำออกมาใหม่ นั่นก็คือหินวิญญาณจำนวนที่มันเพิ่มเข้ามาในการซื้อขายนั่นเอง แถมมันยังเก็บเอาแก่นอสูรที่ชายอ้วนนำออกมาใส่แหวนมิติวงนั้นอีกด้วย

“เชิญตรวจนับขอรับ”ชายชราว่าพลางยื่นแหวนมิติวงนั้นมาให้ไป๋จูเหวิน ในการซื้อขายจำนวนเงินขนาดนี้การใส่แหวนมิติไม่ได้ต่างจากการนำเงินใส่กระเป๋าแล้วมอบให้ทั้งกระเป๋าเลย

“ครบถ้วน”ไป๋จูเหวินว่าพลางสัมผัสแหวนมิติครู่หนึ่ง ก่อนจะนำแหวนมิติเข้ากระเป๋าของมัน น่าเสียดายที่แหวนมิติไม่สามารถนำไปเก็บไว้ในแหวนมิติอีกวงหรือในมิติของใครได้ เมื่อกลับถึงห้องพักไป๋จูเหวินค่อยนำของภายในมาใส่ในมิติของตนก็แล้วกัน