ตอนที่ 494 ต่อต้านหลินสวิน โดย ProjectZyphon
“หลินสวิน เหตุใดเจ้าถึงไปหาเรื่ององค์หญิงหลิงหวงกับฉีอวี้อีกแล้ว สองคนนี้ภูมิหลังยิ่งใหญ่ ในสำนักศึกษามฤคมรกตมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ายั่วโมโห”
“ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเขา พวกเขาต่างหากที่หาเรื่องข้าก่อน”
“เฮ้อ เจ้ายังเลือดร้อนนัก ล่วงเกินพวกเขาหนนี้ ผลที่ตามมาน่าเป็นห่วงนะ”
ระหว่างทางกลับสาขาสลักวิญญาณ เสิ่นทั่วถอนหายใจ ท่าทางดูเป็นกังวล เขาเองก็ตกตะลึงกับการกระทำเมื่อครู่ของหลินสวินเช่นกัน ไม่พูดถึงเรื่องกล้าสั่งสอนองค์หญิงหลิงหวง ยังลงมือสยบฉีอวี้ลงกับพื้น ความอาจหาญนี้ก็ช่างมากเกินไปแล้ว
หลินสวินกลับมีท่าทางผ่อนคลายอย่างไม่ยี่หระ กล่าวเนิบนาบ “ผู้อาวุโส ข้าเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ ข้าไม่ได้ไล่บี้เอาผิดพวกเขาต่อก็เรียกได้ว่าใจกว้างแล้ว”
เสิ่นทั่วพลันยิ้มอย่างขมขื่น “โดยหลักการก็เป็นเช่นนี้ แต่ว่า…เจ้าไม่กังวลว่าจะถูกพวกเขาแก้แค้นหรือ”
หลินสวินกล่าวพลางเลิกคิ้ว “พวกเขายังกล้าทำตัวอันธพาลในสำนักศึกษามฤคมรกตเชียวหรือ”
“แน่นอนว่าไม่กล้า แค่พูดขำๆ น่ะ ที่นี่เป็นถึงสำนักศึกษามฤคมรกต อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตของราชวงศ์มา ก็ไม่กล้ากระทำการอุกอาจหรอก”
“แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสท่านไม่ต้องกังวลใจไปหรอก นับตั้งแต่ข้าหลินสวินเข้านครต้องห้ามมาจนป่านนี้ ล่วงเกินคนไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว อย่างมากก็แค่ล่วงเกินเพิ่มมาอีกไม่กี่คนเท่านั้น”
เห็นหลินสวินมีท่าทางปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว เสิ่นทั่วก็หัวเราะอย่างขมขื่นอีกระลอก เขาเริ่มไม่เข้าใจหลินสวินแล้ว ช่างใจกล้าเหลือเกินจริงๆ คล้ายกับไม่รู้ว่าความหวาดกลัวคืออะไร
กระทั่งย้อนกลับสาขาสลักวิญญาณแล้ว ทั้งสองจึงเริ่มเจรจาธุระกัน เสิ่นทั่วบอกหลินสวินว่าเขาได้ระดมพลังเพื่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบวิญญาณที่หลินสวินต้องการมาทั้งหมดแล้ว ไม่พ้นสามวันก็จะสามารถรวบรวมวัตถุดิบวิญญาณทั้งหมดได้ครบครัน
หลังจากรับทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว หลินสวินก็ตัดสินใจโดยพลัน รุดหน้าไปยังชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณ เริ่มเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ!
……
และในวันนั้นเอง เรื่องที่หลินสวินกำราบฉีอวี้ ดุว่าองค์หญิงหลิงหวงก็แพร่สะพัดไปทั่วสำนักศึกษามฤคมรกต ทำให้เกิดคลื่นโกลาหลระลอกใหญ่ขึ้น
ใครก็ไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะไม่ยอมอยู่อย่างสงบเงียบได้ถึงเพียงนี้ เพิ่งหวนกลับสำนักศึกษาวันแรก เขาก็สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่ลานแสดงยุทธ์สาขายุทธ์วิถี โจมตีผู้กล้าอย่างพวกหลันอวี่ จินจู๋หลิว เซวียอวิ้นให้แตกพ่าย
และในวันเดียวกันนั้น เขาก็ไต่ขึ้นอันดับหนึ่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ บดบังรัศมีของศิษย์สาขายุทธ์วิถีทั้งหมดไปสิ้น
ส่วนวันที่สองเขาดุว่าองค์หญิงหลิงหวง กดฉีอวี้ให้คุกเข่ากับพื้นท่ามกลางสายตาที่จดจ้องของฝูงชน ช่างเอาแต่ก่อเรื่องเอะอะได้จริงๆ เชียว
“เจ้าหลินสวินคนนี้ไม่กลัวตายจริงๆ หรือ”
นี่คือคำถามข้องใจของทุกคน ไม่อาจเข้าใจได้เลยสักนิดว่าเหตุใดเขาจึงกล้าอาละวาดได้ถึงเพียงนี้ คล้ายกับไม่รู้จักหวาดกลัวมาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ปาน
“ไม่ว่าอย่างไร ท้ายที่สุดหลินสวินก็เป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่น่าทึ่งคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่มีฝีมือโดดเด่นในวิถีสลักวิญญาณ แม้แต่ด้านการฝึกยุทธ์ก็ยังมีความสามารถมากพอจะสยบผู้กล้าได้ทั้งกลุ่ม นี่มันปีศาจตนหนึ่งชัดๆ!”
และก็มีคนจำนวนมากที่รู้สึกปลงตกเช่นนี้ ก่อให้เกิดเสียงคล้อยตาม
“แน่นอน เดิมนึกว่าการที่เขาไต่ขึ้นอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณได้ก็น่าตะลึงมากพอแล้ว ทว่าถัดไปอีกเพียงวันเดียวเท่านั้น เขาก็ทะลวง ‘การทดสอบบันไดสวรรค์’ ที่ไม่เคยมีใครทะลวงผ่านเป็นเวลาหลายร้อยปีได้ นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านี้นะ ไม่เห็นหรือว่าฉีอวี้ยังถูกเขากำราบด้วย ใช้พลังของผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณสู้ข้ามระดับใหญ่ ไม่เพียงแต่ไม่ปราชัย กลับยังสยบอีกฝ่ายไว้ได้ด้วย กวาดสายตามองไปทั่วทั้งสำนักศึกษามฤคมรกต จะมีสักกี่คนที่ทำได้”
“เฮ้อ เจ้าหมอนี่ช่างทำให้คนจนคำพูดได้จริงๆ นิสัยดุดันบ้าดีเดือดถึงเพียงนี้ แต่ความสามารถและพลังกลับน่าทึ่งเหนือธรรมดา ไม่อาจเข้าใจได้เลย”
หลินสวินโด่งดังอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยๆ ในสำนักศึกษามฤคมรกตแห่งนี้ ทุกทั่วหัวระแหงต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงวีรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเขา กระทั่งทำให้คนใหญ่คนโตไม่น้อยตื่นตะลึงไปด้วย
ทว่าการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเขาล้วนแตกต่างกัน ทั้งว่าร้ายชื่นชมเคล้ากันไป การเผชิญหน้ากับความไม่พอใจของผู้คนก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
มีหลายคนที่กำลังยิ้มหยัน คิดว่าหลินสวินคงจะถูกฆ่าไม่ช้าก็เร็ว เนื่องจากจนถึงตอนนี้เขาผิดใจกับขุมอำนาจและคนมากมายไปไม่น้อย
ลองกางนิ้วนับดู ในบรรดาเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงแห่งจักรวรรดิ ตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ตระกูลฉิน ตระกูลจั่ว ตระกูลฉือ ตระกูลฉี…นอกจากตระกูลเซี่ยแล้ว หกตระกูลอื่นๆ ล้วนมีคนเคยถูกเขาล่วงเกินทั้งสิ้น!
นี่ช่างพาให้ผู้คนตื่นตะลึงมากเกินไปแล้ว ใครเลยจะกล้าจินตนาการว่า เด็กหนุ่มอายุสิบหกปีคนหนึ่งที่เพิ่งเข้านครต้องห้ามยังไม่ครบหนึ่งปีเต็ม กลับสร้างความขุ่นเคืองให้กับขุมอำนาจที่เรียกได้ว่าอิทธิพลล้นฟ้ามากมายขนาดนี้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หลินสวินล่วงเกินราชวงศ์แห่งจักรวรรดิมากกว่าหนึ่งครั้ง!
ครั้งแรก เขาบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าทำเอาตะลึงงันไปทั่วหล้า ครั้งที่สอง เขาดุว่าองค์หญิงหลิงหวงซึ่งหน้า ทำให้นางต้องอับอาย
ด้วยเหตุนี้ก็สามารถจินตนาการได้ว่าคู่ต่อสู้และศัตรูของหลินสวินในปัจจุบันมีมากมายเท่าใดแล้ว ถึงขั้นที่น่าตกอกตกใจ ตะลึงไปทั่วโลกด้วยซ้ำ
บางคนถึงกับพูดติดตลกว่า กวาดตามองไปทั่วนครต้องห้าม หากพูดถึงวิธีล่วงเกินผู้อื่น ถ้าหลินสวินเป็นอันดับสอง คงไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็นอันดับหนึ่ง!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ผู้คนจำนวนมากต่างสงสัยว่า หลินสวินจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูและการแก้แค้นมากมายในภายภาคหน้า เผลอๆ อาจถูกฆ่าทิ้งในวันใดวันหนึ่ง ตายก่อนวัยอันควรด้วยเหตุนี้ก็เป็นได้
ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ ในวันที่สองที่หลินสวินสยบฉีอวี้ให้คุกเข่าลงนั้น ในสาขายุทธ์วิถีและสาขายอดยุทธศาสตร์ มีศิษย์ทยอยกันลุกออกมาเรียกร้องต่อคนใหญ่คนโตในสำนักศึกษา ประณามพฤติกรรมชั่วร้ายของหลินสวินอย่างหนักหน่วง
“หลินสวินดูหมิ่นองค์หญิงหลิงหวง ลบหลู่ชื่อเสียงราชวงศ์ สยบศิษย์ให้คุกเข่ากับพื้น พฤติกรรมเช่นนี้สร้างความเคืองขุ่นให้ทุกคน หากไม่ลงโทษหลินสวิน พวกข้าจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด!”
ศิษย์เหล่านี้แต่ละคนล้วนแค้นเคือง ท่าทางเหมือนไม่ยอมอยู่ร่วมโลกเดียวกับหลินสวิน คิดว่าหลินสวินทำลายชื่อเสียงอาจารย์จนป่นปี้ รังแกและดูหมิ่นศิษย์ วิธีการโหดร้าย พาให้ผู้คนโกรธเกรี้ยว จำต้องลงโทษเขาสถานหนัก ปลดคุณสมบัติการเป็นอาจารย์ของเขาและขับไล่ออกจากสำนักศึกษา เพื่อมิให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ครั้นคลื่นความวุ่นวายระลอกนี้โหมซัดขึ้น ไม่เพียงแต่ไม่ยอมสงบลง ในทางตรงข้ามกลับทวีความรุนแรงขึ้น มีศิษย์เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ทันไรหลินสวินเหมือนกลายเป็นบุคคลชั่วร้ายเกินกว่าจะไถ่บาปโดยปริยาย ได้รับการต่อต้านจากศิษย์จำนวนมาก ศิษย์เหล่านี้รวมพลกัน อาละวาดใหญ่โตสร้างความวุ่นวายจนสำนักศึกษามฤคมรกตไม่เป็นอันสงบ
จนท้ายที่สุดทำให้บุคคลสำคัญในสำนักศึกษาต่างไม่กล้านิ่งดูดายอีกต่อไป เริ่มลงมือขจัดคลื่นลมมรสุมครั้งนี้
บุคคลสำคัญบางคนยื่นข้อเสนอว่า ไม่สู้ถอดถอนคุณสมบัติอาจารย์ของหลินสวิน ขับไล่เขาออกจากการเป็นอาจารย์ ใช้จุดนี้มาดับเพลิงโทสะของศิษย์ให้สงบลง
แต่ก็มีหลายคนโต้แย้ง เห็นว่าหลินสวินไม่เคยละเมิดกฎของสำนักศึกษามฤคมรกต หากถอดถอนสถานะอาจารย์ของเขา รังแต่จะทำให้คนรู้สึกไม่ดี
สรุปแล้วมรสุมครั้งนี้ลุกลามใหญ่โตขึ้น เดือดคลั่งถาโถม ท้ายที่สุดปัญหาทั้งหมดต่างวนอยู่ที่ ‘จะขับไล่หลินสวินออกไปหรือไม่’
ในเรื่องนี้มีบางคนตื่นเต้น คิดว่าหลินสวินต้องถูกลงโทษตามสมควร และถูกขับไล่ออกจากสำนักศึกษามฤคมรกตอย่างคอตกแน่นอน
และมีบางคนก็รู้สึกโกรธเคือง คิดว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดที่มีต่อหลินสวินเป็นเรื่องไร้เหตุผล หลินสวินถูกคนวางกับดักไว้อย่างสมบูรณ์
แน่นอน คนที่มีสมองอยู่บ้างย่อมรู้ดีว่าการที่มรสุมครั้งนี้ก่อความอลหม่านได้มากถึงเพียงนี้ เบื้องหลังจะต้องมีคนคอยสุมเชื้อไฟอยู่เป็นแน่
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มรสุมฉากนี้มีคนคอยควบคุมอยู่อย่างลับๆ ตั้งแต่ต้น!
สำนักศึกษาจะขับไล่หลินสวินหรือไม่?
ศิษย์และอาจารย์จำนวนมากต่างให้ความสนใจกับเรื่องนี้
——