ส่วนที่ 2 ดอกท้อผลิบาน ตอนที่ 19 เบื้องหลังแท้จริงของนกฉวีหรู (6)

ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption

เพื่อคนผู้นี้ ทุกคนล้วนยุ่งกันมาตลอดสองวันสองคืน ตามกันจนเหม็นเหงื่อไปหมดทั้งตัว พอเห็นเขาไหนเลยจะยังทนระงับโทสะต่อได้ หลิงหลงพุ่งเข้าไปคิดสั่งสอนเขา ตวาดดุดันว่า “ดูสิว่าเจ้ายังจะหนีไปไหนอีก!” พูดไปก็จะแทงกระบี่ในมือใส่

 

 

หรูอี้รีบรั้งไว้ “คุณหนูฉู่อย่าวู่วาม! เรื่องใหญ่สำคัญ!”

 

 

คนผู้นั้นยกมือหนึ่งกุมแขนที่ถูกตัดขาด เลือดสดทำเอาร่างกายครึ่งท่อนเปียกชุ่ม ถึงกับไม่ร้องเจ็บปวดสักคำ ทำให้พวกเขาเลื่อมใสอยู่บ้าง

 

 

จงหมิ่นเหยียนเก็บกระบี่ กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงควบคุมนกฉวีหรูพวกนั้น”

 

 

คนผู้นั้นได้แต่หัวเราะเสียงเยียบเย็น เป็นนานจึงได้กล่าวเสียงแหบพร่าว่า “ไยต้องกล่าวไร้สาระ จะฆ่าก็ฆ่าเลย”

 

 

หรูอี้ระงับอารมณ์คุกรุ่นของคนอื่นๆ ก่อนก้าวเข้าไป กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไยท่านต้องดื้อดึง ภาษิตว่ารู้กาลเทศะเป็นวีรชน พวกข้าเพียงถามคำถามเดียว เหตุใดมาอาละวาดก่อความวุ่นวายกับชาวบ้านที่นี่ มีจุดมุ่งหมายใด หากท่านยอมพูด ข้ารับรองว่าไม่ทำร้ายชีวิตท่าน”

 

 

คนผู้นั้นหัวเราะเสียงทุ้ม เยาะว่า “พวกเจ้าหลายคนแต่ไรก็ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ข้ามแม่น้ำก็รื้อสะพานทิ้ง คำเดียว จะฆ่าก็ฆ่า ข้าไม่แม้แต่กะพริบตา”

 

 

“วาจาไม่อาจกล่าวเช่นนี้” หรูอี้ยิ้มเล็กน้อย “ข้า หรูอี้ จากตำหนักหลีเจ๋อ ทุกท่านข้างๆ นี้ล้วนเป็นศิษย์พลังวัตรสูงส่งแห่งสำนักมีชื่อเสียงใต้หล้า แต่ไรมาคำไหนคำนั้น ขอเพียงท่านบอกว่าผู้ใดบงการอยู่เบื้องหลัง ต้องการอันใด พวกข้าก็จะไม่คืนคำ”

 

 

คนผู้นั้นหัวเราะเยาะ “ถุย! สำนักมีชื่อเสียงใต้หล้า ล้วนแต่เก็บซ่อนปกปิดเรื่องชั่วช้าสกปรกเอาไว้ ไม่มีอันใดสกปรกไปกว่าพวกเจ้าอีกแล้ว!”

 

 

“พูดมากกับเขาทำไม! เขาอยากตายก็ให้สมดังใจเขา!” หลิงหลงโมโหขึ้นทันที

 

 

หรูอี้เห็นเขาดื้อดึงเช่นนี้ ก็ไม่รู้จะกล่าวอันใดดี ลู่เยียนหรานข้างๆ ก้าวเข้าไปยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “พี่ชายท่านนี้ ไยต้องโมโหด้วย จริงๆ แล้วแม้ท่านไม่พูด พวกเราก็พอเดาได้ ข้าดูท่านเช่นนี้ คิดว่าไม่ใช่คนกระมัง”

 

 

กล่าวออกไป ทุกคนล้วนงุนงงเล็กน้อย จงหมิ่นเหยียนปฏิกิริยาไวสุด เข้าใจในทันที นี่ไม่ใช่วาจาด่าทอ เช่นนั้น ความหมายก็คือ “ไม่ผิด! เขาเป็นปีศาจ!”

 

 

หลิงหลง “อา” ขึ้นเสียงหนึ่ง ปีศาจในใจนางแต่ไรมาก็เป็นเช่นนกฉวีหรูหรือไม่ก็สุนัขฟ้าเช่นนั้น ไม่เคยคิดว่ามีปีศาจแปลงร่างเป็นคนและพูดได้ ท่ามกลางแสงจันทร์ในถ้ำ มองไปยังคนผู้นั้น เหมือนสัตว์ป่าอยู่ห้าส่วน เมื่อครู่นางเพียงรู้สึกว่าหน้าตาประหลาด คิดไม่ถึงว่าถึงกับเป็นปีศาจ

 

 

คนผู้นั้นแค่นเสียงฮึ ไม่พูดอันใด

 

 

ลู่เยียนหรานกล่าวอีกว่า “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินว่า บนโลกนี้มีปีศาจมากมายที่แปลงร่างเป็นคนและพูดได้ ส่วนใหญ่แยกกันอยู่ มีชีวิตของตนเอง แต่ก็มีพวกคอยก่อเรื่อง คิดเป็นใหญ่ ต้องการเป็นใหญ่เหนือสิ่งชั่วร้าย มักถูกผู้บำเพ็ญเซียนล้อมสังหารหมดสิ้น แม้ว่าเจ้าไม่ยอมพูดว่าผู้บงการเบื้องหลังคือผู้ใด พวกข้าก็เดาได้ คาดว่าน่าจะกลุ่มคนชั่ว คิดวางแผนทำร้ายชาวบ้าน เดิมคิดให้โอกาสเจ้า ให้เจ้าได้พูด เจ้ากลับไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิที่พวกข้าไม่เกรงใจ!”

 

 

พอกล่าวจบ ทุกคนก็ยกกระบี่ในมือ คมกระบี่ชี้ไปทางเขา พลังกระบี่เต็มเปี่ยม คิดจะสังหารเขาทิ้งในกระบี่เดียว

 

 

คนผู้นั้นหัวเราะน้ำเสียงเศร้าสลด กล่าวเสียงแผ่วว่า “คงเป็นข้าโชคไม่ดี เอาเถอะ เรื่องถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรต้องกลัวอีก!”

 

 

เขาพลันยื่นมือเข้าไปในอกเสื้อ ควักเอาสิ่งของสิ่งหนึ่งขนาดยาวที่ถูกตัดครึ่ง ถูนิ้วมือจุดไฟ ทำท่าจะโยนทิ้ง

 

 

พวกหลิงหลงคิดว่าเขาเล่นอุบาย อย่างไรทุกคนก็ประสบการณ์น้อย พากันกุมใบหน้าถอยหลังพร้อมกัน เห็นแขนคนผู้นั้นพลันหมุน ของในมือก็ถูกโยนไปยังปากถ้ำ!

 

 

แหกระบี่นั่นแม้ว่ากั้นคนและปีศาจได้ แต่ไม่มีผลต่อสิ่งไร้ชีวิต มองเห็นสิ่งนั้นถูกโยนออกไป เสียงตูม ดัง แสงสีแดงกระจายกลางท้องฟ้าราวดวงดาวส่องประกายระยิบ

 

 

หลิงหลงเห็นสัญญาณแจ้งเหตุที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าถูกปล่อยออกไป ก็คิดว่ารอบๆ น่าจะยังมีพรรคพวกเขาอีก อดชะเง้อมองไปรอบๆ ปากถ้ำไม่ได้

 

 

คนผู้นั้นคำรามดุดันว่า “วันนี้ข้าแม้ตายที่นี่ก็ต้องลากคนหนึ่งไปปรภพด้วยกัน!”

 

 

คำรามจบ เขาก็ยืดตัวยาวพุ่งเข้าหาหลิงหลงอย่างสุดกำลัง เห็นชัดว่าคิดจะลากนางตายไปพร้อมกัน เมื่อครู่หลิงหลงเผลอไปแวบหนึ่ง ถูกเขาชิงจังหวะได้ เห็นคนผู้นั้นกำลังคว้านางได้ ไม่ทันได้ตวัดกระบี่ ได้แต่ตกใจจ้องมองอึ้งไป

 

 

ขณะที่พูดก็พลันลงมือรวดเร็ว จงหมิ่นเหยียนกับหรูอี้ทั้งสองร่วมมือกัน คนผู้นั้นส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกกระสุนเหล็กหลายลูกยิงเข้าทะลุหน้าอกบริเวณจุดสำคัญ กระบี่ในมือจงหมิ่นเหยียนแทงทะลุท้องเขาอย่างแม่นยำ

 

 

หลิงหลงเห็นเพียงคนผู้นั้นขยายตัวใหญ่ ร่างท่วมไปด้วยโลหิต ตกใจจนสองขาอ่อนแรง ด้านหลังพลันถูกแรงหนึ่งดึงไว้ หันกลับไปมอง เห็นลู่เยียนหราน ท่าทางนางเหมือนคืนน้ำใจให้ ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้แล้วยังจะมามัวอึ้งอันใด เจ้าอยากตายหรือ!” ถึงกับใช้วาจาตอนที่หลิงหลงช่วยนางครั้งก่อนมากล่าว

 

 

หลิงหลงอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่อาจกล่าวคำขอบคุณออกมาได้ ได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำใบ้

 

 

จงหมิ่นเหยียนเก็บกระบี่ สะบัดเลือดที่ติดบนกระบี่ออก พลางกล่าวว่า “เรื่องนี้จะว่าไปยังตรวจสอบไม่ถึงที่สุด แต่อย่างไรก็ขจัดภัยได้หนึ่ง พวกเรานำซากนี้กลับไปให้พวกท่านอาจ้าวดู ส่งงาน”

 

 

หรูอี้เห็นปีศาจตัวนั้นหมอบอยู่กับพื้น ไร้ลมหายใจ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด มองแล้วก็น่าสงสาร อดถอนใจไม่ได้กล่าวว่า “ปีศาจเป็นคนเดินตัวตรงได้ เปิดหลอดเสียงพูดจาได้ก็ไม่ง่ายเลย น่าเสียดายกระทำความชั่ว จุดจบอนาถเช่นนี้ก็สมควร แต่ข้าเห็นเหมือนเมื่อครู่เขายังทำราวกับยังมีพรรคพวก ดูแล้วไม่เหมือนว่าเป็นการปฏิบัติการอาละวาดเพียงคนเดียว ไม่รู้เบื้องหลังยังมีแผนการอันใดที่พวกเรายังไม่กระจ่างอีก”

 

 

ลู่เยียนหรานเก็บแหกระบี่ ทุกคนล้วนมองออกไปนอกถ้ำ เห็นเพียงภูเรารกร้าง ไม่รู้ยังมีถ้ำอีกเท่าไร ในเวลาสั้นๆ นี้จะไปค้นหาหมดได้อย่างไร ได้แต่พากันถอนหายใจ

 

 

จงหมิ่นเหยียนกล่าวว่า “เอาเถอะ ดูแล้วคนควบคุมนกฉวีหรูก็คือปีศาจนั่น พรรคพวกเขาคิดว่าคงหนีไปไกลแล้ว ระยะนี้คงไม่กลับมาอีก พวกเราไปตรวจสอบกันเถอะ อย่างไรต้องหาร่องรอยได้บ้าง”

 

 

เขาก้มลงไปยกร่างปีศาจขึ้น ทุกคนพากันเหินกระบี่ออกจากถ้ำ เพิ่งเหินข้ามมาไม่กี่ผา ก็เห็นกระบี่เหินมาอย่างเร่งร้อน เป็นเสวียนจีพาอวี่ซือเฟิ่งเร่งรุดมา

 

 

หลิงหลงรีบเข้าไปหา ร้อนใจกล่าวว่า “เสวียนจีมาได้อย่างไร! หรือว่าเจอเหตุอันใด”

 

 

เสวียนจีตากลมโตจ้องมอง “เอ๋? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าปล่อยสัญญาณหรือ เหตุใด…”

 

 

จงหมิ่นเหยียนยิ้มกล่าวว่า “ไหนเลยเป็นพวกข้าปล่อย! ดูนี่ เป็นเขา!”

 

 

เขายกซากปีศาจแกว่งไปมา เลือดสดกระเซ็นหยดติ๋ง เสวียนจีเห็นหน้าตาดุร้ายเช่นนั้นของมันก็อดหนาวสันหลังวูบไม่ได้ พึมพำกล่าวว่า “นี่คือ…คนควบคุมนกฉวีหรูหรือ ทำไมตาย…”

 

 

หลิงหลงยิ้มแหะๆ “คนอันใด! มันไม่ใช่คน เป็นปีศาจ! มันรนหาที่ตายเอง ไม่ยอมบอกว่าคนบงการคือใคร แน่นอนพวกข้าต้องให้มันสมใจ!”

 

 

เสวียนจีเงียบกริบ อวี่ซือเฟิ่งถามกล่าวว่า “เช่นนั้นเรื่องฉวีหรูอาละวาดที่นี่ ก็ถือว่าจบแล้ว?”

 

 

จงหมิ่นเหยียนพยักหน้า “กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ผิดกระมัง เขาน่าจะมีพรรคพวกอีก แต่คงไม่กล้ามาหมู่บ้านวั่งเซียนนี่ชั่วคราว ข้าคิดว่าพวกเราไปจากหมู่บ้านวั่งเซียนก่อน หาข่าวไปตามทาง อย่างไรต้องตรวจสอบได้กระจ่าง”

 

 

อวี่ซือเฟิ่งเห็นซากปีศาจไม่ขยับ กล่าวอย่างแปลกใจว่า “เขาตายจริงหรือ แต่…”

 

 

จงหมิ่นเหยียนไม่สนใจแกว่งไปมา ยิ้มกล่าวว่า “ตายแน่แล้ว! กระบี่แทงทะลุหัวใจ ยังถูกกระสุนเหล็กหรูอี้ยิงหน้าอกกระจาย แม้เซียนยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจมีชีวิตต่อได้!”

 

 

วาจาเพิ่งกล่าวจบ เขาก็เห็นมือและขาปีศาจที่ถูกเขาเขย่าไปมาในมือเริ่มขยับ ทุกคนตกใจส่งเสียงร้อง จงหมิ่นเหยียนโยนออกไปอย่างแรง มันหลุดจากมือเขาหัวปักลงไป

 

 

“อา!” จงหมิ่นเหยียนเองก็ตกใจสะดุ้ง กำลังคิดไล่ตามไป พลันได้ยินอวี่ซือเฟิ่งกล่าวว่า “ปีศาจไม่ตายง่ายๆ รีบตามไป!”