Ch.236 – สู้เพียงลำพัง

Provider : Muntra

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.236 – สู้เพียงลำพัง

 

ทั้งสามเฝ้ามองสถานชุมชนเฟิงหลีจากจุดที่ห่างไกล ในสมองจินตนาการถึงรูปดอกเห็ดที่เบ่งบานหลังจากการระเบิด

 

พวกเขามาจากคนละองค์กร ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเทียบเท่าหมาป่าสาวแห่งสามเฉิง แต่ไม่ว่าใครในกลุ่มนี้ ก็ล้วนเก่งกาจไม่ด้อยไปกว่าสมาชิกกลุ่มชิเซี่ย

 

แต่ละคนมีสมญาเป็นของตัวเอง อย่างมือปืนมีสมญาว่าไซคลอปส์ เพราะเขามีตาเดียว ทว่าพลังสมาธิแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เป็นมือถือที่ทรงพลังมากทีเดียว

 

ส่วนคนที่เอ่ยปากว่าให้ระมัดระวังเอาไว้บ้างถูกเรียกว่าปรมาจารย์หยิน เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุมืด อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกสัตว์ ว่ากันว่าหากใครก็ตามที่ได้เห็นเขาลงมือ ไม่เคยรอดชีวิตมาได้สักคน

 

คนสุดท้ายที่หยิ่งผยองถูกเรียกว่าราชาคลั่ง เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E ที่ฝึกฝนวิชาเส้าหลิน กายเนื้อทานทนราวกับเพชร ครอบครองพละกำลังมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ … อันที่จริงสมควรใช้สมญาว่าคิงคองคลั่ง น่าจะเหมาะสมกว่า

 

และการผนึกกำลังของทั้งสามในครั้งนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะฝีมือของเล่ยเฉิน ทั้งยังมอบข้อได้เปรียบบางอย่างให้แก่พวกเขา

 

–เป็นอุปกรณ์รูนระดับราชันย์สัตว์ร้าย!

 

อาวุธปืน!

 

อาศัยเพียงข้อได้เปรียบดังกล่าว มันก็มากพอแล้วที่จะใช้สังหารเลเวล E ในนัดเดียว!

 

ยิ่งทั้งสามผนึกกำลังกัน พวกเขาย่อมไม่เชื่อว่าฉินเฟิงจะสามารถต้านทานได้!

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในเมือง สองตาของฉินเฟิงเอ่อล้นไปด้วยกำลังภายใน แปรสภาพมันเป็นกล้องส่องทางไกล จนสามารถมองเห็นถึงขีปนาวุธบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

 

พนักงานบนอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติยังคงรอคอยคำสั่งให้ปลดปล่อยโล่พลังงานอย่างใจจดใจจ่อ

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ได้ออกคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าตัวเพียงส่งเสียงฮึฮะในลำคอ

 

“ไป๋หลี ปล่อยสหายตัวโตออกมาให้ฉัน!”

 

“ไอ้นี่ใช่รึเปล่า?” 

 

ไป๋หลีวาดมือ ป้อมปืนใหญ่ของหวูซือที่เคยใช้ก่อนหน้านี้พลันปรากฏออกมา

 

เนื่องจากพื้นที่มิติของไป๋หลีมีขนาดใหญ่กว่ามิติเล็กจ้อยของหวูซือ ฉะนั้นสามารถยัดมันเข้าไปทั้งในสภาพประกอบร่างสมบูรณ์ และเรียกออกมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย

 

ฉินเฟิงบรรจุกระสุน เล็งเป้าชี้ไปทางขีปนาวุธ

 

“ไปเลย!” ปากอ้าคำรามคำหนึ่ง มือง้างทุบลงบนสวิตช์และ–

 

–วู้มมมมม

 

กระสุนปืนใหญ่รูปทรงหางยาว ทะยานขึ้นไปพุ่งสู่ท้องฟ้า

 

เสียงหอนของกระสุนปืนใหญ่ดังมาก คนทั่วๆไปที่กำลังวิ่งวุ่นหลบหนี ต่างสามารถมองเห็นเส้นสีขาวทอดยาวออกจากภูเขาแม่ ทั้งหมดตระหนักดีว่าฉากนี้คืออะไร

 

มันหมายความว่าแม้สถานชุมชนจะถูกโจมตี แต่พวกเขาก็ยังสามารถตอบโต้กลับได้! แม้จะยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม

 

ไม่ถึงครึ่งนาที สองกระสุนปืนใหญ่ที่ส่งเสียงหวีดหวิวก็ปะทะกัน

 

บรึ้มมมม!

 

เนื่องจากสองกระสุนปะทะกันในระยะห่างออกไปจากสถานชุมชนเฟิงหลีเพียง 100 เมตร ดังนั้นเสียงของมันจึงกวาดผ่านมาตามสายลม กระหน่ำเข้าใส่หูของทุกคนในเมือง กระทั่งพื้นไม้ยังสั่นสะเทือน!

 

แต่เสียงนี้เป็นสัญญาณการบ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่ากระสุนปืนใหญ่ของศัตรูได้ถูกสกัดกั้นไว้กลางอากาศ!

 

ณ จุดที่ไกลออกไป ไซตลอปส์ที่แต่เดิมเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเขามืดมนลงอย่างรวดเร็ว

 

และเนื่องจากมันระเบิดในตำแหน่งที่ไกลเกินไป ดังนั้นเขาไม่ทันตระหนักว่าอาจจะเป็นเพราะฝีมือจักรกลของอีกฝ่าย อีกทั้งยังไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าสิ่งใดหยุดกระสุนของเขา

 

“นี่มันพลังสมาธิบดบังการรับรู้? สถานชุมชนเฟิงหลีมีมือปืนเลเวล E อยู่ด้วยงั้นหรอ?” ไซคลอปส์กล่าวเสียงหม่น

 

“นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ฉันไปสืบข้อมูลมาแล้ว พบว่าตอนนี้ในสถานชุมชนเฟิงหลีมีผู้ใช้พลังเลเวล E อยู่แค่ 3 คน หนึ่งในนั้นยังอยู่ระหว่างเดินทาง อีกหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่คล้ายมีไว้เป็นเครื่องประดับ และทุกคนไม่ใช่มือปืน!” ปรมาจารย์หยินกล่าวเสียงทุ้ม

 

“เอายังไง? คิดว่าสู้ได้ไหม? หรือจะให้ฉันบุกเข้าฆ่าให้เหี้ยน จะได้ไม่ต้องเปลืองกระสุน” ราชาคลั่งที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าวด้วยความดูหมิ่น

 

ไซคลอปส์หันขวับไปถลึงตาใส่ราชาคลั่งวูบหนึ่ง ก่อนจะเติมกระสุนลงไปอีกครั้ง

 

“บิดาไม่เชื่อหรอกว่าจะพ่ายแพ้!”

 

ทว่าในวินาทีต่อมา ทั้งสามพลันได้ยินถึงเสียงหวีดร้องของกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครสังเกตถึงมันมาก่อนเลย —ชัดเจนว่านี่เป็นเพราะพลังสมาธิปิดกั้นเสียง!

 

กว่าจะได้ยินอีกที กระสุนก็มาอยู่ในระยะ 100 เมตรแล้ว !

 

“ชิบหาย! เผ่นจากที่นี่เร็ว!” ไซคลอปส์ผู้ทรนง บัดนี้ไม่สนไม่แคร์สหายทั้ง 2 อีกต่อไป สับขาวิ่งก่อนใครเพื่อน

 

ราชาคลั่งกับปรมาจารย์หยินเองก็ไม่มีเวลาหันไปด่ามัน พุ่งโฉบหนีอย่างร้อนรน

 

บรึ้ม!

 

กระสุนปืนใหญ่ทิ่มลงบนเนินเขาเล็กๆที่ทั้งสามเคยยืนอยู่ แรงระเบิดปรับระดับพื้นผิว จากชันกลายเป็นหลุมลึกทันที

 

ทางฝั่งสถานชุมชนเฟิงหลี เห็นแค่เพียงกระสุนนัดที่สองถูกยิงออกไป และสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากระยะไกล พลเมืองก็ทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

–ระดับสูงบางคนในสถานชุมชน สามารถโต้กลับอีกฝ่ายได้!

 

ณ เวลานี้ทั้งหมดในหัวใจของทั้งหมดต่างก็รู้สึกแบบเดียวกัน นั่นคือตื่นเต้น!

 

“ทิศทางนั่นมันภูเขาแม่ หรือว่าจะเป็นท่านผู้ว่าการ?”

 

“ผู้ว่าการยิงโดนพวกมันรึเปล่า? ผลลัพธ์เป็นยังไงบ้าง!”

 

“นี่น่ะหรือพลังของมือปืน? โคตรจะเท่เลย ถ้าโตขึ้นฉันจะเป็นมือปืนบ้าง!”

 

ฝูงชนที่อาศัยอยู่ในสถานชุมชนเฟิงหลี ทั้งหมดถูกเบนสมาธิไปจดจ่ออยู่กับการต่อสู้

 

ซูซิงฝูยืนอยู่บนอาคาร รับชมข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

 

วินาทีต่อมา เขาก็ได้ข้อสรุปในจิตใจ ส่งข้อความออกไปโดยตรง

 

“เร็วเข้า! รีบส่งภาพการต่อสู้ทั้งหมดไปบนจอโฆษณา ถ่ายทอดสดให้ทั่วทั้งสถานชุมชน!”

 

และไม่มีใครเลยที่ปฏิเสธ เนื่องจากทั้งหมดเชื่อมั่นในตัวฉินเฟิงสุดหัวใจ

 

อย่างรวดเร็ว! ภาพได้ถูกส่งไปบนจอของอาคารทั้งหมดในสถานชุมชนเฟิงหลี กระทั่งจอสาธารณะบนรถ รวมไปถึงอุปกรณ์สื่อสารของทุกคน

 

แต่เนื่องจากมันไม่ได้ถูกถ่ายโดยโดรน ฉะนั้นภาพที่พวกเขาเห็นมันเลยค่อนข้างเบลอ ทว่าไม่นานเกินรอ หลังจากที่ฝุ่นตลบถูกสายลมพัดโชยไป บนเนินเขาห่างไกลที่ถูกทำลายก็เผยโฉมออกมา

 

–มันคือภาพของรถศึกที่แลคล้ายกับป้อมปืน ที่บัดนี้มีสภาพเสียหายยับเยินจากแรงระเบิด

 

เฮฮฮฮ!

 

เหล่าพลเมืองต่างโห่ร้องด้วยความยินดี

 

ช่วงเวลาต่อมา หน้าจอก็สลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้ฉายภาพหลายร่างที่กำลังวิ่งไปมา 

 

สำหรับผู้ชมแล้วมันเร็วเกินไป ทั้งหมดว่องไวอย่างน่าเหลือเชื่อ ดูแทบจะกลายเป็นเงา โดรนที่เพิ่งถูกส่งออกไปไม่สามารถไล่ตามได้ ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายหายไปจากจอ

 

ขอบคุณพระเจ้าที่ยังคงเหลือมอนิเตอร์กำลังสูงบนอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติ การถ่ายทอดสดเลยสามารถดำเนินต่อไปได้ ร่างของทั้งสามปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังมีอีกร่างหนึ่ง พุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

 

และคราวนี้ผู้คนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

—เป็นร่างของฉินเฟิง!

 

 

“สวัสดีแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสามท่าน ประทับใจของขวัญแรกพบที่ฉันมอบให้กันรึเปล่า?” ฉินเฟิงปรากฏกายในชุดต่อสู้ แต่เนื่องจากการดัดแปลงของรูบิควิเศษ มันเลยไม่เปล่งรัศมีใดๆออกมา ทำให้ผู้คนที่มองต่างเห็นหรือคิดว่าเป็นแค่ชุดธรรมดา

 

จ้องมองไปยังอีกฝ่ายที่ไม่สวมใส่อุปกรณ์รูนใดๆ ทั้งสามก็รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น

 

ใบหน้าของไซคลอปส์แสดงออกถึงความดุร้าย

 

อาวุธอย่างดีที่แสนหายาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากลับถูกฉินเฟิงระเบิดทิ้งอย่างกระทันหัน เป็นธรรมดาที่เขาจะโกรธแค้น!

 

“ไอ้หนู แกคือฉินเฟิงใช่ไหม? บุกมาคนเดียวแบบนี้ คิดว่าตัวเองมีสามเศียรหกกรรึไง?”

 

สองมือของไซคลอปส์พลันปรากฏปืนข้างละกระบอก อีกทั้งพวกมันยังเป็นปืนสลายอนุภาค

 

“ช่างแม่ง ตายซะ!”

 

ไม่รีรอให้ฉินเฟิงได้เอ่ยปาก ไซคลอปส์ชิงระเบิดการโจมตีออกไป

 

ซี่ ซี่ ซี่ …

 

สองรังสีแสงพุ่งจากปอกกระบอกราวสายฟ้าฟาด อีกทั้งแสงที่เปล่งออกมายังครอบคลุมตำแหน่งที่ฉินเฟิงยืนอยู่เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม หากประมาทเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกมันสลายร่างเป็นชิ้นๆ!

 

และฉินเฟิงคงกลายเป็นศพอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!” ฉินเฟิงโฉบกายวูบไหว 

 

อีกสองคนที่เหลือมองหน้ากันและกัน เริ่มลงมือทันที

 

อีกสองคนที่เหลือมิคิดทำตัวสุภาพแต่อย่างใด เพราะการสู้ตัวต่อตัวมิใช่เป้าหมายของพวกเขา ทั้งหมดล้อมเป้าหมายพร้อมกัน เพราะการกำจัดฉินเฟิงคือประเด็นสำคัญที่สุด

 

“กรงเล็บกระดูก!”

 

บนพื้นดิน สองกรงเล็บกระดูกสีขาวราวหิมะจู่ๆก็ผุดขึ้นมา หมายจะคว้าจับขาของฉินเฟิง

 

วูซ วูซซซ!

 

แต่ฉินเฟิงขยับกายวูบไหวไปมาอย่างรวดเร็ว แล้วแบบนี้สองกรงเล็บกระดูกจะคว้าเขาได้อย่างไร?

 

เจ้าตัวหลุดพ้นรัศมีของสองกรงเล็บทันที ขณะเดียวกันพวกมันก็ชนกันเองและแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

“มอบชีวิตมาให้ฉัน!”

 

ราชาคลั่งโฉบเข้ามา ถุงมือสีเงินที่กรีดผ่านอากาศตามกำปั้นเปล่งรัศมีแสงน่าอัศจรรย์ใจ

 

วูบบบบ!

 

อีกกำปั้นหนึ่งกระแทกสวนกลับมา

 

“ไอ้เด็กนี่ .. ได้เลยเดี๋ยวรู้กัน!”

 

แม้อีกฝ่ายจะสวมใส่ถุงมือต่อสู้ แต่ฉินเฟิงก็มิขยับกายหลบหนี เอี้ยวตัวแล้วซัดกำปั้นเพียวๆสวนกลับไป ซึ่งภายในแฝงไว้ด้วยอำนาจมันโหดร้าย

 

ปงงงง!

 

หมัดต่อหมัดประสานกัน เสียงสะท้านสะเทือนก้องไปทั้งบริเวณ!