บทที่ 379 สมรู้ร่วมคิด
บทที่ 379 สมรู้ร่วมคิด
“ฉันไม่เห็นมันน่ะ” เซียวเฟิงเปิดรายการคำขอเป็นเพื่อนและตรวจดู ซึ่งเป็นตามที่คาดไว้ มีคำขอเป็นเพื่อนใหม่หลายสิบคำขอ ในจำนวนนั้นสามสิบรายการมาจากหลีเซียนหยุน ไม่แปลกใจเลยที่น้ำเสียงของเธอจะฟังดูแย่มาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเซียวเฟิงจะเห็นคำขอเป็นเพื่อนเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะรับและปิดมันไปเฉย ๆ
“ทำไมนายไม่รับล่ะ? นายได้เห็นแล้วนี่” ทันใดนั้นคิ้วที่สวยงามของหลีเซียนหยุนก็ขมวดลงทันทีหลังจากเห็นการกระทำของเซียวเฟิง
“มีกฎข้อไหนบอกว่าฉันต้องรับหลังจากที่เห็นน่ะ? ระบบก็ให้ตัวเลือกในการปฏิเสธไม่ใช่หรือไง?” เซียวเฟิงถามอย่างสับสน แม้ว่าหลีเซียนหยุนจะสวยและเซียวเฟิงก็ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับผู้หญิงต่างชาติ
หลีเซียนหยุนทำให้เซียวเฟิงขาดทุน แน่นอนว่าเซียวเฟิงจะไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างดีแน่…
“คุณเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง?” หลีเซียนหยุนหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เธออุทานขณะชี้ไปที่เซียวเฟิง
“รองหัวหน้า! ใจเย็นก่อน! ระดับปรมาจารย์มักมีนิสัยเฉพาะอยู่เสมอแหละ บางทีคนนี้อาจเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่ชอบอยู่ตัวคนเดียวก็ได้!” แอปเปิ้ลโซนรีบแทรกขึ้นมาเพื่อห้ามปราม
หน้าอกของหลีเซียนหยุนขึ้นลงสองสามครั้งก่อนที่เธอจะสงบลง จากนั้นเธอก็หันไปหาเซียวเฟิง “ช่างเถอะ จะรับหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณ เข้าปาร์ตี้เราแล้วไปลงดันเจี้ยนกันเถอะ”
“ฉันใช้โอกาสของฉันหมดแล้ว ไว้คราวหน้าแล้วกัน” เซียวเฟิงกล่าว
“โอกาสหมด? วันนี้คุณใช้โอกาสหมดแล้วเหรอ?” หลีเซียนหยุนชะงัก
“ใช่” เซียวเฟิงตอบอย่างสบาย ๆ
“ในปัจจุบัน ดันเจี้ยนเลเวล 35 เดียวที่ถูกพบในเขตคือดินแดนแห่งอสูรหิน วันนี้ฉันก็อยู่ที่นี่ทั้งวัน ทำไมฉันไม่เห็นคุณเลยล่ะ” หลีเซียนหยุนสงสัย
“ฉันไปที่ดันเจี้ยนระดับต่ำซึ่งเป็นดันเจี้ยนเลเวล 25 น่ะ” เซียวเฟิงยังคงโกหกต่ออย่างสบาย ๆ
“ฉันไม่เชื่อ! ระดับปรมาจารย์จะเอาโอกาสอันมีค่าไปทิ้งกับดันเจี้ยนระดับต่ำได้ยังไง!” หลีเซียนหยุนถาม
“ก็แล้วแต่เถอะ” เซียวเฟิงไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอ
“คุณ! คุณไม่อยากตั้งปาร์ตี้กับเราแล้วใช่ไหมล่ะ!” ในที่สุดหลีเซียนหยุนก็เห็นความคิดของเขา ชี้ไปที่เซียวเฟิงและอุทานอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย” เซียวเฟิงตอบแบบขอไปที แต่ความโกรธของหลีเซียนหยุนเพิ่มขึ้นอีกสองสามจุดหลังจากได้ยินคำพูดของเขา
“อาณาจักรแห่งกาลาดูไม่เคยมีเรื่องไม่น่าพอใจกับคุณเลยใช่ไหม? แถมฉันยังยกของสวมใส่ระดับเทพเจ้าที่ดีที่สุดให้กับคุณในตอนนั้นด้วย! คุณถูกกิลด์อื่นซื้อตัวไปแล้วเหรอ?” หลีเซียนหยุนรู้สึกไม่ดี
“เฮ้…หมายความว่ายังไงที่เธอมอบให้ฉันน่ะ? ฉันสมควรได้รับมัน โอเค๊? แล้วก็หยุดเดาได้แล้ว ฉันไม่ได้ถูกใครซื้อตัว ฉันแค่ไม่สนใจที่จะฟาร์มดันเจี้ยน” เซียวเฟิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะไม่สนใจดันเจี้ยนเลเวล 35 แม้ว่าจะไม่มีรางวัลการดร็อปครั้งแรก แต่บอสระดับเทพเจ้าก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะดร็อปของสวมใส่ระดับเทพเจ้า และการผ่านดันเจี้ยนก็จะทำให้ได้ค่าประสบการณ์สูงด้วย โดยเฉพาะเลเวลที่ตามหลังแบบคุณ…เดี๋ยวก่อน! คุณอยากรีบเพิ่มเลเวลของคุณจนทำให้คุณไม่มีเวลาลงดันเจี้ยนใช่ไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น อาณาจักรแห่งกาลาดูสามารถพาคุณไปเก็บเลเวลได้ อย่างไรก็ตาม อาชีพนักบวชมีประสิทธิภาพในการเก็บเลเวลต่ำอยู่แล้วนี่”
เห็นได้ชัดว่าหลีเซียนหยุนไม่ยอมแพ้ เธอพูดอย่างกะทันหันราวกับมีความคิดผุดขึ้นในใจ
“ฉันบอกแล้วว่าให้หยุดเดา ฉันไม่อยากลงดันเจี้ยน ไม่มีเหตุผลอื่น ฉันสนใจแค่ที่จะกลับไปที่เมืองหลักในตอนนี้” เซียวเฟิงไม่อยากพูดมากไปกว่านี้
“คุณจะกลับไปทำอะไรที่เมืองหลัก?” หลีเซียนหยุนถาม
“ฉันกำลังหาวิหารแห่งแสงเพื่อทำภารกิจ” เซียวเฟิงไม่ได้ปิดบัง และการทำภารกิจก็เป็นข้อแก้ตัวที่ดีเช่นกัน
“เข้าใจแล้ว เป็นภารกิจที่สำคัญมากสินะ? คุณถึงไม่มีเวลาลงดันเจี้ยน แต่ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับวิหารแห่งแสงที่คุณพูดถึงเลย คุณแน่ใจนะว่ามันอยู่ในเมืองหลัก” หลีเซียนหยุนพยักหน้าและคิดว่าภารกิจของเซียวเฟิงน่าจะเป็นภารกิจที่มีเวลาจำกัดซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก
“อะไร? เธอไม่เคยได้ยินชื่อวิหารแห่งแสงงั้นเหรอ? มันอยู่ในเมืองหลักไม่ใช่หรือไง?”
เซียวเฟิงรู้สึกประหลาดใจและเขาตระหนักว่าเขาพลาดประเด็นสำคัญไป นั่นคือเขตฮันกึลนั้นแตกต่างจากเขตฮัวเซีย วิหารแห่งแสงก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีทั่วไปในเขตฮันกึล
“อย่างน้อยก็ไม่มีสถานที่อย่างวิหารแห่งแสงในเมืองฟุสึ นายเคยได้ยินชื่อนี้หรือเปล่า? หลีเซียนหยุนครุ่นคิดแล้วหันไปถามแอปเปิ้ลโซน
“ไม่นะ มันเป็นอาคารที่ใช้งานได้จริงเหรอ?” แอปเปิ้ลโซนคิดแล้วส่ายหัว
“เดี๋ยวก่อน งั้นนักบวชจะเปลี่ยนอาชีพกันที่ไหนล่ะ?” หัวของเซียวเฟิงเริ่มปวดและจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ในฮีรอนสิ ท่านไม่ได้เปลี่ยนอาชีพที่นั่นเหรอ? โอ้ใช่ ท่านปรมาจารย์ ท่านเป็นอาชีพลับนี่นา ดังนั้นท่านจึงแตกต่างจากนักบวชทั่วไป” แอปเปิ้ลโซนพูดตามสมควร
ฮีรอน? เซียวเฟิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่ชื่ออื่นของวิหารแห่งแสง
“อะแฮ่ม ถ้าคุณต้องการหาวิหารแห่งแสง ฉันก็สามารถช่วยคุณได้ ไม่ยากเลยที่จะหาสิ่งที่เหมือนวิหารสำหรับจักรวรรดิแห่งกาลาดู ซึ่งเป็นกิลด์ที่ใหญ่ที่สุดในฮันกึล” หลีเซียนหยุนไอสองครั้งและมองขึ้นไปที่เซียวเฟิง รอให้เขาขอร้องเธอ
แต่เซียวเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะตกหลุมพรางของเธอ เขาทำเหมือนว่าเขาไม่สนใจมันเลย
“ช่างเถอะ ตราบใดที่คุณตกลงที่จะตั้งปาร์ตี้กับเราเพื่อฟาร์มดันเจี้ยน ฉันก็จะระดมพลังของกิลด์เพื่อช่วยคุณตามหามัน” หลีเซียนหยุนรอคำร้องจากเซียวเฟิงเป็นนาที แล้วก็ยอมประนีประนอม
“ก็ได้ แต่ขอคัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมืองให้ฉันก่อน ฉันลืมเติมมันหลังจากใช้หมดแล้ว” เซียวเฟิงกล่าวโดยถามหาไอเทมสำหรับวาร์ปเร็ว
อันที่จริง คัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมืองเป็นจุดประสงค์ของเซียวเฟิง เขาไม่คาดหวังว่าคนของจักรวรรดิแห่งกาลาดูสามารถช่วยเขาหาวิหารแห่งแสงได้ แต่เขาจะยอมขาดทุนอะไรอีกแล้วถ้าเขาจะได้ความช่วยเหลือจากกิลด์ใหญ่ ๆ ผ่านการช่วยให้พวกเขาลงดันเจี้ยนครั้งเดียว
“แค่เรื่องเล็ก ๆ”
หลีเซียนหยุนส่งคำขอแลกเปลี่ยนให้กับเซียวเฟิงซึ่งมีคัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมืองของเมืองฟุสึสองใบ ยิ่งไปกว่านั้น เธอส่งคำขอเป็นเพื่อนให้เขาอีกครั้งแล้วมองไปที่เซียวเฟิงอย่างชาญฉลาด
เซียวเฟิงไม่อยากสร้างปัญหาให้มากกว่านี้ ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ตราบใดที่เขาได้คัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมืองมา เขาจึงตอบรับคำขอเป็นเพื่อนโดยไม่ใส่ใจ หากจักรวรรดิแห่งกาลาดูเกิดพบวิหารแห่งแสงเข้าจริง ๆ เขาจำเป็นต้องได้รับแจ้งผ่านหลีเซียนหยุนอยู่ดี
“เฮ้…เฮ้! ไปกันเถอะ! ปาร์ตี้ของฉันรวมตัวกันแล้ว ฉันจะให้นักบวชออกคนหนึ่งจะได้มีที่ว่างให้คุณ” หลีเซียนหยุนยิ้มด้วยความพึงพอใจและเชิญเซียวเฟิงเข้าร่วมปาร์ตี้
“แล้วฉันล่ะ!” เมื่อเห็นเซียวเฟิงถูกหลีเซียนหยุนพาตัวไป แอปเปิ้ลโซนก็ถามด้วยความคับข้องใจ
“นายแค่ต้องฟาร์มบอสลำดับสองนี่ นายคิดจะผ่านดันเจี้ยนด้วยสมาชิกไร้สังกัดพวกนั้นจริง ๆ เหรอ?” หลีเซียนหยุนสวนกลับ ด้วยเหตุนี้ แอปเปิ้ลโซนจึงไม่มีทางเลือก เว้นแต่จะจากไปอย่างหมดหนทาง
เซียวเฟิงต้องเข้าปาร์ตี้ของหลีเซียนหยุนเพื่อเข้าสู่ดันเจี้ยนดินแดนแห่งอสูรหิน มันจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจะผ่านได้
แต่ ณ วิลล่าในขณะนี้ ในห้องของหลิวเฉียงเหว่ย เธอ เฉียนโตวโตว และซือเยี่ยจิ๋ง ไม่ได้เข้าสู่ระบบ แต่รวมตัวกันด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“เธอเห็นไหมว่าตอนนี้จืออี้เธอหยิ่งผยองมาก? ทำไมพี่เซียวถึงพาเธอกลับมา! แถมเขายังปกป้องเธอมากอีกด้วย!” เฉียนโตวโตวกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาได้พบกันในเกมบ่อยนักเลย พวกเขาใกล้ชิดหลังจากที่ไอ้สารเลวนั่นออกเดินทางครั้งนี้งั้นเหรอ?” ซือเยี่ยจิ๋งกัดฟันและวิเคราะห์
“แต่เขาก็ไม่ควรปกป้องเธอขนาดนี้! ฮือ ๆ! เขาลืมเราหลังจากมีคนรักใหม่!” เฉียนโตวโตวแกล้งร้องไห้บนหมอนของหลิวเฉียงเหว่ย
“ฉันก็สังเกตว่ามันแปลก ๆ แม้ว่าไอ้บ้านั่นจะไร้ยางอาย แต่เขาก็ไม่เคยมีอารมณ์ที่ดีต่อผู้หญิง เขาจะทำตัวดีกับหญิงป่าคนนั้นได้ยังไง? ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงป่าคนนั้นจะมีเสน่ห์มากกว่าเรา…มากกว่าพี่เฉียงเหว่ย” ซือเยี่ยจิ๋งก็สับสน
“ฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะเธอกับเซียวเฟิงมี…เซ็กส์กันแล้ว” หลิวเฉียงเว่ยลังเล
“อะไร? จืออี้มีเซ็กส์กับพี่เซียว?” เฉียนโตวโตวเงยหน้าขึ้นทันที และมองอย่างประหม่าที่หลิวเฉียงเหว่ยในขณะที่หน้าของซือเยี่ยจิ๋งดูตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
“มันน่าจะเป็นความจริง และมันเกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน ระหว่างทางที่เซียวเฟิงพาเธอกลับมา” หลิวเฉียงเหว่ยจำฉากตอนที่เธอได้พบกับจืออี้ที่ทางเข้าวิลล่าได้และตอบด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง
“มันมากเกินไปแล้ว! เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า? ตอนนี้จืออี้ถึงได้เปรียบนัก! เธอกลายเป็นผู้หญิงของพี่เซียวหลังจากที่มีเซ็กส์กับเขา ในขณะที่เรากลายเป็นคนนอกงั้นเหรอ? ดังนั้นพี่เซียวถึงได้ปกป้องเธอ!” เฉียนโตวโตวกัดฟันของเธอ
“ไอ้บ้า! ไอ้สารเลว! ไร้ยางอาย! เดรัจฉาน! สวะ!” ซือเยี่ยจิ๋งดุด่าอย่างขุ่นเคือง
“ไม่! เราจะถอยไม่ได้! เราต้องฟันฝ่าความสัมพันธ์นี้กับพี่เซียว! ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะได้สถานะของเรากลับคืนมา! มิฉะนั้น พวกเราจะถูกจืออี้กดขี่ไปตลอด!” เฉียนโตวโตวกำหมัดของเธอ และลุกขึ้นพูดอย่างหนักแน่น
“หา?” ซือเยี่ยจิ๋งตะลึงเมื่อได้ยิน
“เธอไม่เต็มใจเหรอจิ๋งจิ๋ง อย่าบอกนะว่าเธอไม่สนใจพี่เซียว เราเป็นพี่น้องกัน คิดว่าจะหลอกพวกเราได้เหรอ?” เฉียนโตวโตวมองไปที่ซือเยี่ยจิ๋ง
“ฉัน…ฉัน…” ซือเยี่ยจิ๋งรีบหันหน้าหนีและพูดตะกุกตะกัก
แต่พอนึกถึงความทรมานที่เธอเจอที่โต๊ะอาหารเพราะเซียวเฟิงเมื่อครู่ เช่นเดียวกับฉากที่ถูกจืออี้รังแกในทางเดิน เธอก็กัดฟันและตัดสินใจ
“ตกลง! ฉันจะเสี่ยงทุกอย่าง! อย่างแย่ที่สุด ฉันก็จะโดนไอ้เวรนั่นแกล้ง! ก็แค่คิดว่าหมาแกล้งแล้วกัน!” อย่างไรก็ตาม หลังจากพูดประโยคนั้น เสียงของซือเยี่ยจิ๋งก็อ่อนลงอีกครั้ง “แต่…แต่เอเรบัสบอกว่าไอ้สารเลวนั่นมีความปรารถนาในด้านนั้นมากไม่ใช่เหรอ? เราจะทนไม่ได้และอาจเป็นอันตรายต่อเรา”
“ไม่ต้องกลัว! เรามีกันตั้งสามคน! เราจะทำให้เขาพอใจไม่ได้เหรอ? นอกจากนี้ เรามีทั้งมือและปาก หากเรื่องเลวร้ายมาถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด เราต้องทุ่มสุดตัวและเสียสละตัวเอง!”
เฉียนโตวโตวให้กำลังใจพวกเธอ แต่คำพูดที่ชัดเจนของเธอทำให้หูของซือเยี่ยจิ๋งและหลิวเฉียงเหว่ยแดงขึ้น
“พี่หลิว พี่คิดว่าไง?” เฉียนโตวโตวถามหลิวเฉียงเหว่ยอีกครั้ง