ตอนที่ 1634 อวิ๋นรั่วสุ่ย (2)
“เด็กน้อย พวกเราเองก็จะไปนครอนันต์เหมือนกัน เหตุใดพวกเจ้าไม่มากับพวกเราล่ะ”
อวิ๋นรั่วสุ่ยหยุด ใบหน้าฉายแววหวาดระแวงเล็กน้อย
นางแค่ถามทางไป ทำไมพี่สาวท่านนี้ถึง…อยากช่วยมากขนาดนี้
เยี่ยจวินแอบดึงแขนเสื้อของอวิ๋นรั่วสุ่ย ทั้งคู่ถอยหลังไปสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่างกับคนพวกนี้
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ พวกเราจะไปหาคนอื่น สุ่ยเอ๋อร์ ไปกันเถอะ”
นางจับมือเล็กๆ ของอวิ๋นรั่วสุ่ยแล้วเดินอ้อมสตรีที่ดูยั่วยวนไปเพื่อเดินต่อ
หญิงสาวและชายหนุ่มในชุกปักดิ้นทองก็มองหน้ากันแล้วยืนขึ้นเพื่อขวางทางทั้งคู่เอาไว้
“เด็กน้อย โลกนี้อันตรายนัก ถ้าพวกเจ้าเดินทางไปนครอนันต์กันเองก็จะอันตรายเกินไป ให้พวกเราพาไปเถอะ”
เด็กผู้หญิงตัวน้อยสองคนนี้งดงามมากแม้จะยังอายุน้อย นางจะต้องขายทั้งคู่ได้ในราคาดีแน่นอน
เยี่ยจวินขมวดคิ้ว นัยน์ตาเป็นประกายวาดระแวง “พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่ อย่าคิดที่จะลักพาตัวพวกเรานะ! ถึงแม้พวกเราจะยังเด็กแต่ก็ไม่ถูกพวกเจ้าหลอกหรอก”
ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูยั่วยวนเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของนางและดวงตาก็ฉายแววละโมบ
“ฮะๆ ให้ข้าได้พูดเถอะว่าเด็กที่หนีออกจากบ้านก็ต้องถูกลักพาตัว! ฉลาดเสียที! เด็กน้อย! เร็วเข้า มัดพวกนาง ข้าจะเอาพวกนางไปขายให้ได้ราคาดีๆ”
อวิ๋นรั่วสุ่ยแอบอยู่หลังเยี่ยจวินอย่างขี้ขลาด ดวงตากลมที่หวาดกลัวเต็มไปด้วยน้ำตา นางกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ใบหน้าหวาดกลัวของนางดูน่าสงสารมาก
“สุ่ยเอ๋อร์ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
นางอายุมากกว่าอวิ๋นรั่วสุ่ยหนึ่งปีดังนั้นนางจึงเป็นเหมือนพี่สาว นางจะต้องปกป้องน้องสาวของนาง
“แม่นางหรูอี้ เด็กผู้ชายที่เราจับมาก่อนหน้านี้ก็หน้าตาดูดีเหมือนกัน เขาน่าจะอายุเท่าๆ กับเด็กผู้หญิงที่ชื่อเยี่ยจวิน ถ้พวกเราขายพวกเขาทั้งสามคนออกไปพร้อมกัน พวกเราก็น่าจะรวยกันเลยขอรับ”
เด็กผู้ชายงั้นหรือ
เยี่ยจวินหยุดแล้วดวงตาก็เป็นประกาย พี่ชายของนางก็แอบออกมาจากตระกูลเยี่ยเมื่อหลายวันก่อนเพื่อตามหาบิดามารดา พี่รองและภรรยา ส่วนพวกนางก็หนีออกมาเพื่อตามหาเขา
หรือว่า…พี่ชายของนางก็ถูกคนชั่วพวกนี้จับไปเหมือนกัน
“ท่านพี่จวิน” อวิ๋นรั่วสุ่ยพูดทั้งน้ำตาว่า “พวกเราต้องไม่โดนคนพวกนี้จับไปนะเจ้าคะ ข้ากลัวเหลือเกิน…”
เยี่ยจวินลูบมือเล็กๆ ของอวิ๋นรั่วสุ่ยเบาๆ เพื่อปลอบโยน นางก้มหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายเย็นชาแล้วพูดกับอวิ๋นรั่วสุ่ยด้วยเสียงเบามากๆ ว่า “สุ่ยเอ๋อร์ ข้าสงสัยว่าคนพวกนี้อาจจะจับพี่ชายของข้าไป”
“ท่านพี่เสี่ยวเสียเหรอ”
ดวงตาของอวิ๋นรั่วสุ่ยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าเล็กๆ สีชมพูของนางแสดงออกถึงความตะลึง
“ท่านหมายถึง ท่านพี่เสี่ยวเสียอยู่ในมือพวกเขาหรือเจ้าคะ”
“ข้าแค่คาดเดา ดังนั้น…”
ถึงแม้ว่าเยี่ยจวินจะพูดไม่จบแต่อวิ๋นรั่วสุ่ยก็รู้ว่านางต้องการจะบอกอะไร…
“เด็กน้อย เจ้าเลือกมาว่าจะไปกับข้าดีๆ หรือจะให้ข้ามัดแล้วแบกเจ้าไป” หรูอี้ถามช้าๆ พร้อมยิ้มเยาะ
เยี่ยจวินบีบมือเล็กๆ ของอวิ๋นรั่วสุ่ยอีกครั้งเพื่อให้ตัวเองใจเย็น
จากนั้นนางก็เงยหน้า นางดูกล้าหาญเหมือนจวินเฟิ่งหลิง
“ข้าไปกับเจ้าแต่ข้าขอแนะนำว่าเจ้าอย่าแตะต้องน้องสาวข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าคงทนรับผลที่ตามมาไม่ได้หรอก”
รอยยิ้มของหรูอี้ไม่ได้ดูเย็นเยียบเหมือนเมื่อครู้แล้ว “ดี เจ้าตัดสินใจถูกแล้ว มาเร็ว พาพวกนางไป!”
ตอนที่ 1635 อวิ๋นรั่วสุ่ย (3)
อวิ๋นรั่วสุ่ยและเยี่ยจวินหนีออกจากบ้าน! ข่าวนี้สร้างความวุ่นวายไปทั่วแดนลับแล
เพราะว่าอวิ๋นรั่วสุ่ยและเยี่ยจวินเป็นคนจากตระกูลเยี่ย!
เป็นคนจากตระกูลเยี่ยแล้วอย่างไร ตระกูลเยี่ยคือตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นเฟิงอวิ๋น! อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวก็มาจากที่นี่ ส่วนเยี่ยเสียก็เป็นเด็กอัจฉริยะจากตระกูลเยี่ยเหมือนกัน เขาเป็นอัจฉริยะคนแรกของตระกูลเยี่ยเมื่อรวมกับสถานะชนชั้นสูงของเขา ผู้เฒ่าเยี่ยจึงรักและเอ็นดูเขามาก
ถึงแม้ว่าเยี่ยจวินจะไม่ได้มีพรสวรรค์เท่าเยี่ยเสียแต่ผู้เฒ่าเยี่ยก็ยังคาดหวังในตัวนางเพราะนางมีเหตุผลและฉลาดเฉลียว
ส่วนอวิ๋นรั่วสุ่ยนั้น…
ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเยี่ยแต่นางก็เป็นญาติของอวิ๋นลั่วเฟิง ทุกคนในตระกูลเยี่ยเองก็รักใคร่เด็กผู้หญิงที่สดใสและน่าเอ็นดูมากเหมือนกัน
ดังนั้นแล้ว…
ผู้เฒ่าเยี่ยจึงเกือบจะล้มป่วยเมื่อรู้ว่าพวกเขาหนีออกจากบ้านดังนั้นข่าวนี้จึงสร้างความวุ่นวายให้ทั้งแดนลับแล
…
ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงร่อนลงมาถึงพื้นเป็นยอดเขา เสี่ยวโม่ก็ติดตามนางมาติดๆ
ในที่สุดนางก็กลับมาถึงแดนลับแลและความคิดมากมายก็อันแน่นเต็มความคิดในศีรษะนาง
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าทางเชื่อมมิติของตระกูลจวินจะมาพาถึงนครอนันต์ได้เลย ในเมื่อข้าก็มาถึงที่นี่แล้ว ข้าจะแวะไปหาสหายเก่าทั้งหลายเสียหน่อย”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มและมองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นคนคนหนึ่งนอนสลบอยู่ที่พื้นหญ้า
“หืม?” นางขมวดคิ้วและหันไปมองเด็กชายในชุดผ้าไหมปักดิ้นทองที่ชุ่มไปด้วยเลือด เพราะอะไรบางอย่างทำให้นางเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ
บนพื้นหญ้า ร่างกายของเด็กชายตัวน้อยที่นอนสลบอยู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ชุดผ้าไหมของเขาขาดรุ่งริ่งและใบหน้าเล็กๆ ซีดขาวของเขาก็เปื้อนเลือด ดวงตาของปิดสนิทและเขาก็นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนพื้นหญ้า
“เสี่ยวโม่ เด็กน้อยนี่ยังมีชีวิตอยู่” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดขึ้นก่อนจะเลิกคิ้ว
“นายหญิง ท่านจะช่วยเขาหรือ” เสี่ยวโม่หยุดก่อนจะถามอยากสงสัย
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไรแต่ก้มลงแล้วหยิบแผนที่ที่เด็กชายตัวน้อยกำไว้แน่น นางคลี่แผนที่ออกก็เห็นจุดสีแดงถูกจุดไว้บนแผนที่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหอแพทย์
“จุดหมายของเขาคือหอแพทย์” อวิ๋นลั่วเฟิงครุ่นคิด “ในเมื่อเขาตั้งใจจะไปหอแพทย์ ข้าก็ต้องช่วยเขาเสียหน่อย”
หลายปีมานี้หอแพทย์ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และคนจำนวนมากก็มาเพื่อสมัครเข้าร่วม ไม่ว่าเด็กคนนี้จะประสงค์ร้ายต่อหอแพทย์หรือไม่ ตอนที่เขาตื่นขึ้นมา นางก็คงจะรับรู้ความตั้งใจของเขาเอง
เมื่อคิดได้อย่างนั้น อวิ๋นลั่วเฟิงก็หยิบเม็ดยาสีดำออกมาจากแขนเสื้อแล้วใส่เข้าไปในปากของเด็กชายอย่างอ่อนโยนก่อนจะกรอกน้ำตามเข้าไป
อึก!
เม็ดยาไหลลงท้องเด็กชายไปพร้อมน้ำจากนั้นเพียงพริบตาเดียวบาดแผลบนร่างของเขาก็สมานกัน ไม่นานเด็กชายตัวน้อยที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าก็ลืมตาขึ้นช้าๆ
ดวงตาอะไรกันนี่
ทั้งใส กระจ่างและบริสุทธิ์เหมือนสายน้ำ เจ้าสามารถเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาของเขา
“ท่านช่วยข้าไว้งั้นหรือ” เสียงของเด็กชายดูนุ่มนิ่มเหมือนมาร์ชเมลโลว์ทั้งอ่อนโยนและทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจ
อวิ๋นลั่วเฟิงโบกแผนที่ในมือไปมา “เจ้าตั้งใจจะไปหอแพทย์ใช่หรือไม่”
เมื่อเด็กชายตัวน้อยได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองพวกเขาอย่างหวาดระแวงทันที “พวกท่านต้องการอะไร”
“ไม่มี ข้าแค่อยากรู้ชื่อเจ้าเฉยๆ แล้วก็…อยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องการไปที่หอแพทย์”
“ข้า…” เด็กชายตัวน้อยก้มหน้า “ข้าชื่อเยี่ย…”
ตอนที่เขากำลังจะเอ่ยชื่อตัวเองเขาก็นึกได้ถึงชื่อเสียงของตัวเองที่มีในแดนลับแลดังนั้นเขาจึงโกหกออกไป “ข้าชื่อหลินเสียและข้าก็อยากไปที่หอแพทย์เพราะอยากจะเข้าร่วมกับที่นั่น”