บทที่ 239 เต๋ารู้แจ้งอันน่าตื่นตะลึง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 239 เต๋ารู้แจ้งอันน่าตื่นตะลึง

บทที่ 239 เต๋ารู้แจ้งอันน่าตื่นตะลึง

เฉินซีนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าศิลาทดสอบเต๋า แต่ก็ไม่ได้ดึงความสนใจจากผู้บ่มเพาะคนอื่นมากนัก เนื่องจากไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำที่ด้อยกว่าพวกตนถึงหนึ่งขอบเขตเต็มจะมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจได้อยู่แล้ว

พวกเขากำลังคุยกันอยู่

เป็นหัวข้อที่ว่าพวกเขาจะรับมือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหนีในบททดสอบที่สามเพื่อชิงสมบัติสุดท้ายอย่างไร หรือไม่บางคนก็กำลังยินดีกับเยว่ฉี หวังจะสานสัมพันธ์กับม้ามืดที่ทำเอาทุกคนตกตะลึงเช่นนี้ไว้บ้าง ยอดอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเช่นนี้อาจมีโอกาสกลายเป็นมังกรทะยานขึ้นฟ้าในวันหนึ่งก็เป็นได้ ดังนั้นฉวยโอกาสทำความรู้จักไว้ก่อนจะถึงเวลานั้น ต่อไปอาจมีประโยชน์ หรือบางกลุ่มก็กำลังคาดเดาว่าโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าทั้งเก้ามีเต๋าแห่งการรู้แจ้งประเภทใดบรรจุอยู่บ้าง เป็นมหาเต๋าหรือเต๋ารอง?

ทั้งหมดนี้เป็นหัวข้อที่ทุกคนสนใจเป็นอย่างมาก

ดังนั้นเฉินซีที่ได้ทดสอบเป็นคนสุดท้ายจึงไม่มีใครให้ความสนใจ

แต่เฉินซีไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ตอนนี้เขากำลังหลับตา แสงสีดำที่ส่องจากศิลาทดสอบเต๋าพุ่งเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกของเขา

ครู่ต่อมา เขาก็รู้สึกว่าฟ้าดินหมุนอยู่เบื้องหน้า ในจังหวะที่กำลังสับสน เขาก็มาถึงโลกแห่งความวุ่นวายแล้ว โลกแห่งนี้ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ไร้ฟ้าและดิน ทุกอย่างดูเหมือนไม่ชัดเจนราวกับเป็นยุคดั้งเดิม ก่อนที่สวรรค์และโลกจะถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากนั้นเฉินซีก็รู้สึกถึงมวลพลังอันหลากหลายที่กำลังพัฒนาและดำรงอยู่ในโลกแห่งนี้ พวกมันมีความหลากหลายและซับซ้อนดั่งทางช้างเผือก แต่ละอย่างไม่คล้ายคลึงกันเลย

เฉินซีตกใจนัก มวลพลังเหล่านี้ได้พัฒนาจนกลายเป็นรูปลักษณ์เต๋ารู้แจ้งประเภทต่าง ๆ!

ใช่แล้ว! เต๋ารู้แจ้ง!

มวลพลังอันมากหลายกลายเป็นตัวแทนของเต๋ารู้แจ้งที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของสวรรค์และโลก สิ่งเหล่านี้คือมหาเต๋ารู้แจ้งนับไม่ถ้วน!

‘ทุกสิ่งอย่างถูกสร้างขึ้นในความโกลาหล… หยินและหยางยังคงเป็นหนึ่งเดียว สวรรค์และโลกไม่มีอยู่จริง มันถูกเรียกว่าจุดกำเนิดของโลก จุดสิ้นสุดของจักรวาล ไม่มีอะไรในที่สถานที่นี้เลย มีเพียงเต๋ารู้แจ้งที่แสดงถึงขีดจำกัดของมหาเต๋าเท่านั้นที่พัฒนาอยู่ที่นี่… อาจเป็นไปได้ว่าข้ากำลังอยู่ในความโกลาหลที่กำลังจะพัฒนาเป็นต้นกำเนิดโลกอย่างนั้นหรือ?’ เฉินซีมองรอบกายด้วยความตกตะลึง

ครืน! ครืน!

ตามมาด้วยเสียงพิเศษที่ราวกับเป็นเสียงจากธรรมชาติ ลำแสงห้าเส้นพลันปรากฏ ส่องลงมายังโลกแห่งความโกลาหลนี้ สีทอง สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดง และสีเหลือง นับเป็นตัวแทนของมหาเต๋าทั้งห้า อันได้แก่เหล็ก พฤกษา วารี เพลิง และพิภพ

เต๋ารู้แจ้งทั้งห้าเชื่อมต่อกันเป็นวงกลมและหมุนวนอย่างไม่หยุดยั้ง จนเกิดเป็นวงแสงสลัวคล้ายหยินหยางบรรจบ

แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับมวลพลังสูงส่งจำนวนมาก ส่องสว่างอยู่ในโลกแห่งความโกลาหล

โลกทั้งใบไม่ได้เป็นสีเทาและวุ่นวายอีกต่อไป แต่กลับเปื้อนสีทั้งห้าที่เปล่งประกายและระยิบระยับ ภูเขา แม่น้ำ พืช สัตว์ ลาวา ผืนโลก แร่ธาตุ และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายพลันก่อกำเนิดเป็นรูปร่าง สอดคล้องกับวงห้าธาตุที่เป็นหลักการเบื้องหลังการพัฒนาของทุกสรรพสิ่งในใต้หล้านี้!

ปัง!

แสงศักดิ์สิทธิ์อีกดวงหนึ่งพุ่งออกมาและกำเนิดรูป มันคือเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้า ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ราวกับเป็นเสียงแรกหลังจากโลกถือกำเนิด เสียงของมันดังลั่นและสั่นสะเทือนฟ้าดิน

เมื่อเสียงฟ้าร้องในวสันตฤดูดังขึ้น สิ่งมีชีวิตในโลกแห่งนี้ก็ตื่นขึ้น!

ในขณะนี้ สวรรค์และโลกที่เงียบสงบก็มีชีวิตชีวาขึ้น มวลพลังของสิ่งมีชีวิตถือกำเนิด ทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดได้โผล่ออกจากเปลือกเพื่ออาบแสงจากฟ้าและดิน กลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความงดงาม

หลังจากนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่เป็นตัวแทนของหยินและหยางก็พุ่งขึ้นสู่ฟ้า จากนั้นฟ้าดินเกิดตะวันและจันทราลอยเด่น กลางวันและกลางคืนหมุนเวียนสับเปลี่ยน สิ่งมีชีวิตตื่นขึ้นและใช้ชีวิตยามกลางวันและพักผ่อนเมื่อยามราตรีคืบคลาน

จากนั้น ดวงดาราจำนวนมากก็ปรากฏขึ้น เพิ่มความลึกซึ้งและความกว้างใหญ่ให้กับโลกแห่งนี้

ท้องฟ้าสีน้ำเงินกว้างใหญ่พลันปรากฏ นำพาสีสันมาให้ท้องฟ้าที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่ ลมกระโชกไร้รูปปรากฏขึ้น กำเนิดเป็นความหลากหลายและอิสระแห่งใต้หล้า

เส้นทางสว่างด้วยแสงเพลิง มันถูกปกคลุมไปด้วยดอกปารมิตา เป็นเส้นทางซึ่งนำเหล่าสิ่งมีชีวิตสู่สถานที่พักผ่อนแห่งสุดท้าย

ทะเลที่เต็มไปด้วยโคลนแห่งความขมขื่นและการลืมเลือนปรากฏขึ้นเพื่อตัดสินความผิดบาปและความชั่วร้ายทั้งหมดในใต้หล้า

เต๋ารู้แจ้งสิบสามประเภทได้สร้างโลกขึ้น แม้ว่าจะยังมีสถานที่บางแห่งที่ยังไม่สมบูรณ์และไม่ชัดเจนอยู่บ้าง แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจและความรู้ในมหาเต๋าที่มีต่อฟ้าดินของเฉินซี

ทว่าเฉินซีเองก็ยังต้องประหลาดใจ เพราะมันยังไม่จบเท่านี้ หลังจากเต๋ารู้แจ้งแห่งการลืมเลือนแล้ว จากนั้นก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์อีกเส้นพุ่งออกมาอีก

การปรากฏของแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกบังเกิดมวลพลังที่ไม่อาจอธิบายได้ มันเป็นตัวแทนเส้นสายบนใบไม้พืชพรรณ คือริ้วตามรอยหิน คือรูปกายแห่งสิ่งมีชีวิต และคือหลักแห่งใต้หล้า ทุกสิ่งในโลกล้วนมี ‘ความจริง’ ที่ลึกซึ้งไร้ขอบเขต และเพราะมี ‘ความจริง’ นี้ตั้งอยู่ จึงเกิดเส้นทางให้สิ่งมีชีวิตเดินตามเพื่อแสวงหาเต๋าสวรรค์

แสงศักดิ์สิทธิ์นี้คือสิ่งแทนมหาเต๋าแห่งยันต์อักขระ!

จนถึงตอนนี้ เฉินซีเองก็ยังไม่อาจเชี่ยวชาญมหาเต๋านี้เลย เห็นได้ชัดว่านี่อาจเป็นเต๋ารู้แจ้งที่ซ่อนอยู่ ซึ่งศิลาทดสอบเต๋าสามารถตรวจจับได้

‘เมื่อเพิ่มเต๋าแห่งยันต์อักขระเข้ามา ข้าก็มีเต๋ารู้แจ้งสิบสี่ประเภทแล้ว ซึ่งจะเหนือกว่าหลินโม่เซวียน แต่เทียบชั้นได้กับหลิวเฟิ่งฉือแล้วกระมัง เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะต้องได้โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าหนึ่งในเก้าเม็ดมาครองแน่!’ เฉินซีถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว แสงศักดิ์สิทธิ์อีกเส้นก็พุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง…

เฉินซีกำลังสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเต๋ารู้แจ้งภายในโลกแห่งความโกลาหล โดยไม่สนใจว่าเวลาผ่านพ้นไปนานเท่าใด แต่โลกภายนอกนั้น เพิ่งผันผ่านไปพริบตาเดียวเท่านั้น

ครืน! ครืน! ครืน!

เกิดคลื่นเสียงที่รวดเร็วดั่งคลื่นน้ำดังขึ้นอย่างต่อเนื่องออกมาจากศิลาทดสอบเต๋า สีหน้าของทุกคนที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสพลันกลายเป็นแข็งค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมองว่าต้นเสียงมาจากที่ใด

จากนั้นทุกคนก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

พวกเขาเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าเส้นปรากฏขึ้นบนศิลาทดสอบเต๋าสีดำสนิท ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกใจในพลัน เพราะในระหว่างการทดสอบเต๋าก่อนหน้านี้ เต๋ารู้แจ้งของทุกคนปรากฏขึ้นทีละอย่าง ไม่มีใครเหมือนเฉินซีที่เต๋ารู้แจ้งทั้งห้าประเภทปรากฏขึ้นในทันทีพร้อมกันเช่นนี้

มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

ในเชิงปฏิบัติ ทุกคนรู้แก่ใจว่าเต๋ารู้แจ้งทั้งห้านี้เป็นสิ่งเติมเต็มกันและกัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เต๋ารู้แจ้งทั้งห้านี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างไม่อาจแยกจากกันได้!

ใต้หล้ามีเต๋ารู้แจ้งอนันต์ แต่เต๋าที่เชื่อมต่อกันอย่างเต๋ารู้แจ้งห้าธาตุและเต๋ารู้แจ้งหยินหยาง ทั้งหมดล้วนเป็นอิสระต่อกัน ทว่าก็เติมเต็มให้กันและกัน

หากผู้บ่มเพาะสามารถเชี่ยวชาญเต๋ารู้แจ้งที่มีความเชื่อมโยงกันเช่นนี้ได้ ย่อมมีพลังแข็งแกร่งกว่าเต๋ารู้แจ้งประเภทเดี่ยวเป็นไหน ๆ ทั้งยังเข้าใจแก่นแท้แห่งเต๋ารู้แจ้งได้ลึกล้ำและมากกว่าอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกฎที่ได้รับการยอมรับอย่างเปิดเผยในโลกแห่งการบ่มเพาะว่า มีเพียงมหาเต๋าเท่านั้นที่จะสามารถเชื่อมโยงกับมหาเต๋าอื่นเช่นนี้ได้!

เต๋ารู้แจ้งเหล่านี้จึงแตกต่างกับเต๋ารู้แจ้งที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน สิ่งนี้คือความสัมพันธ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากแก่นของเต๋ารู้แจ้ง ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

“เด็กคนนี้เข้าใจมหาเต๋าถึงห้าประเภทเชียว! นี่มัน… นี่มันใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำสามารถทำได้หรือ?”

“เต๋ารู้แจ้งห้าประเภทที่เติมเต็มกันและกัน หรือจะเป็นเต๋ารู้แจ้งห้าธาตุ? หากเป็นเช่นนั้นจริง พรสวรรค์ความเข้าใจของเด็กคนนี้ก็สูงมากพอจะเป็นยอดอัจฉริยะในหน้าประวัติศาสตร์เลยกระมัง!”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”

ทุกคนเบิกตากว้าง สีหน้าดั่งเห็นผี ในจังหวะนั้น พวกเขาพลันได้รู้ว่าเจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำที่ทดสอบเต๋าเป็นคนสุดท้าย ไร้ผู้ใดสนใจ แต่กลับมีเต๋าแห่งการรู้แจ้งระดับสูงมาก กระทั่งเหนือกว่าใครในที่นี้ทีเดียว!

ที่พวกเขาคิดเช่นนี้เพราะมันคือมหาเต๋าห้าประเภท ไม่ใช่เต๋ารอง

การทำความเข้าใจในเต๋าเป็นเรื่องที่ยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในขณะที่การทำความเข้าใจมหาเต๋านั้นยากเย็นกว่าเต๋ารองมากกว่าหลายเท่า เป็นเรื่องของคุณภาพที่แตกต่างกัน และไม่ใช่สิ่งที่จะเอาจำนวนมาเทียบชั้นกันได้

ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีข้ามพ้นทัณฑ์สวรรค์ หากเชี่ยวชาญมหาเต๋าหนึ่งประเภทก็มีโอกาสในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์สูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้บ่มเพาะคนอื่นที่เชี่ยวชาญเต๋ารองสิบประเภท นี่คือความแตกต่างของการรู้แจ้งมหาเต๋า!

‘ตอนนี้ข้าครอบครองเพียงสี่มหาเต๋าและเก้าเต๋ารอง ศิลาทดสอบเต๋าตรวจพบเต๋ารองอีกสาม ทำให้ข้าขึ้นสู่อันดับที่หนึ่งได้ แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเชี่ยวชาญมหาเต๋าถึงห้าประเภท ความเข้าใจของคนผู้นี้ช่างสูงส่งเสียจนเทียบได้กับศิษย์พี่ใหญ่เลยกระมัง’ นัยน์ตางดงามของเจิ้นหลิวชิงเกิดระลอกคลื่นดูงามงด แต่ก่อนนางแค่สงสัยเรื่องเฉินซีเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางได้นับว่าเขาเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่ความสนใจและจับตามองแล้ว โดยเฉพาะพรสวรรค์อันน่าตื่นตาของเฉินซีที่ยิ่งทำให้นางนึกถึงศิษย์พี่ใหญ่ของนางผู้ถูกยกย่องว่าเป็นยอดอัจฉริยะเมื่อหลายพันปีก่อนของหอวารีหมอก

ศิษย์พี่ใหญ่กำลังปิดด่านบ่มเพาะเพื่อเตรียมเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งที่จะจัดขึ้นในอีกห้าปีต่อจากนี้ หากคนผู้นี้สามารถทะลวงขอบเขตแกนทองคำหยินหยางได้ เช่นนั้นก็มีโอกาสได้พบศิษย์พี่ใหญ่ในการชุมนุมดาวรุ่งได้เช่นกัน

‘น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป หากมีรากฐานอยู่ที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสมบูรณ์แบบก็อาจสามารถประชันฝีมือกับศิษย์พี่ใหญ่ของข้าได้สักพักหนึ่ง หรือหากถอยให้สักก้าวหนึ่ง ถึงเขาจะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางก่อนการชุมนุมดาวรุ่งที่จะมาถึงและเข้าร่วมการชุมนุมนั่นได้ ก็เกรงว่าจะไม่สามารถเอาชนะข้าได้ด้วยซ้ำไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์พี่ใหญ่เลย…’ เจิ้นหลิวชิงถอนใจออกมาหลายครา ในใจเกิดอารมณ์โศก นางเสียใจที่พลังบ่มเพาะของเฉินซีต่ำเกินไป

ทว่าสีหน้าของหวงฝู่ฉงหมิงกับคนอื่น ๆ กลับดำมืดลง ซึ่งแตกต่างจากเจิ้นหลิวชิงที่มีสีหน้าชื่นชมเฉินซี ในใจพวกเขา เฉินซีก็แค่มดตัวหนึ่งที่โชคดี ไม่ได้ดีเด่พอให้พูดถึง แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้พวกเขาคิดว่าหรือศิลาทดสอบเต๋าจะพังไปแล้วหรือไม่?

นั่นมันห้ามหาเต๋าเชียวนะ!

เจ้าเด็กบัดซบรนหาที่ตายนั่นจะมีมันได้หรือ?

“ฮึ่ม!” เมื่อเยว่ฉีเห็นความสนใจที่ตนต้องอดทนใช้เวลาถึงสิบปีในการได้มาถูกเฉินซีแย่งไปในพริบตา ความไม่พอใจก็พุ่งออกมาจากภายใน เขารู้สึกแขยงกว่ากินแมลงเสียด้วยซ้ำ แล้วเขาก็คำรามเสียงเย็น พยายามจะเรียกร้องความสนใจจากคนบางคน แต่น่าเสียดายที่จิตใจของทุกคนในห้องโถงนั้นจดจ่ออยู่กับเฉินซี ดังนั้นใครจะมามีเวลาสนใจเขากัน?

สิ่งนี้ยิ่งทำให้เยว่ฉีเกลียดเฉินซีมากยิ่งขึ้น

แต่ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไร แสงศักดิ์สิทธิ์บนพื้นผิวของศิลาทดสอบเต๋าก็ไร้สัญญาณจะหายไป และหลังจากได้เห็นห้าเต๋ารู้แจ้งแล้ว ทันใดนั้นก็ปรากฏเต๋ารู้แจ้งขึ้นมาอีกสองประเภท!

ภาพนี้มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ?

มันแสดงให้เห็นว่าเฉินซีเชี่ยวชาญเจ็ดมหาเต๋าแล้วอย่างไรเล่า!

“สวรรค์! ไอ้ตัวประหลาดนี่มาจากที่ใดกัน? เจ็ดมหาเต๋า! มีอัจฉริยะที่น่าเกรงขามเช่นนี้ด้วยหรือ?” มีคนไม่อาจทนความตกใจได้อีก ร้องขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

แม้คนอื่นจะไม่ได้พูดออกมา ทว่าสีหน้าตื่นตะลึงของพวกเขาก็เผยความรู้สึกให้ได้เห็นแล้ว และไม่อาจสำรวมอารมณ์สงบไว้ได้อีกต่อไป

เพราะในสายตาพวกเขา แสงศักดิ์สิทธิ์บนศิลาทดสอบเต๋ายังคงปรากฏขึ้นไม่หยุด แปด เก้า สิบ… ไม่นาน มันก็มากกว่าเซวี่ยเฉิน ไปจบลงที่แสงศักดิ์สิทธิ์สิบสามเส้น จำนวนเช่นนี้เทียบเท่ากับหลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ เผยจง และคนอื่น ๆ เลยทีเดียว!

อย่างไรก็ดี นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการทดสอบ…