จ้าววิหารเทพแมงมุมประเมินกัวอวี่ชิง
พูดตามตรง เขาตกตะลึงที่กัวอวี่ชิงแก้พิษแมงมุมมารในร่างของเทพธิดาสงครามได้อย่างง่ายดายในชั่วพริบตา
ระดับความน่ากลัวของเผ่าแมงมุมมาร เขารู้ดีเป็นที่สุด
ต่อให้เป็นครึ่งเทวะ หากพิษแมงมุมมารเข้าสู่ร่างกายเมื่อใด เกรงว่าก็ต้องใช้เวลาวันสองวันถึงจะขจัดพิษได้หมด แต่ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมผมยาวคนนี้ กลับใช้เวลาแค่พริบตาขับพิษแมงมุมมารในกายของเทพธิดาแห่งสงครามได้ การรักษาให้ผู้อื่นซับซ้อนกว่ากำจัดพิษให้ตัวเอง แต่ชายคนนี้กลับทำได้สบายๆ เช่นนี้…หรือว่า เขาจะเป็นขั้นเทวะ?
ขั้นเทวะในที่ราบทุ่งหญ้ามีเพียงผู้เดียวเท่านั้น
นั่นก็คือจ้าววิหารเทพหมาป่า
แต่คนคนนี้ไม่ใช่ชัดๆ
“ท่านเป็นใคร?” จ้าววิหารเทพแมงมุมมองประเมินกัวอวี่ชิง ทีท่าระแวดระวังไปหมด และยังเหนี่ยวนำกลิ่นอายมารที่ซ้อนเร้นในกายออกมาเงียบๆ
กัวอวี่ชิงตบไหล่ของเทพธิดาสงครามเบาๆ ให้นางลุกขึ้นยืน ก่อนจะถาม “พวกบิดาของเจ้า…ฝังอยู่ที่ใด?”
ไปแล้วจะหวนกลับมาเมื่อใด เมื่อหวนคืนแล้วจงอย่าได้ลังเล
ในเมื่อผิดคำสาบาน กลับมาที่ราบทุ่งหญ้าแล้ว เรื่องบางเรื่องอย่างไรเสียก็ต้องไปทำ ที่บางหนแห่งก็ต้องกลับไปดู
เทพสงครามหญิงลุกขึ้นยืนช้าๆ กลั้นน้ำตาเอาไว้ และเอ่ยถึงสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นพลันนึกอะไรขึ้นได้ “ท่านอา รีบช่วยเถี่ยมู่เจินเผ่ายิงจันทร์เถิด เขาน่ากลัวว่า…” ใจของนางยังคงมีความหวังเสี้ยวสุดท้ายอยู่
“ข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน” หลี่มู่กล่าว
เขารู้จักเถี่ยมู่เจิน
กัวอวี่ชิงพยักหน้าให้
หลี่มู่สำแดงวิชาดาบเหินหาว แสงดาบใต้เท้าหมุนวน ก่อนพุ่งผ่านท้องฟ้าหายไปจากที่เดิมในพริบตา
จ้าววิหารเทพแมงมุมไม่ได้ขัดขวาง
เพราะเขาพบว่าตนถูกรัศมีอำนาจอันน่าครั่นคร้ามราวเขาหิมะทะเลเมฆตรึงเอาไว้ เขามีความรู้สึกว่าหากตนตุกติกอะไรแล้วละก็ พลังอำนาจนี้จะบดขยี้เข้ามาดุจทำลายล้าง และฉีกเขาให้แหลกละเอียด…เป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่น่ากลัวมาก
กลิ่นอายพลังกลุ่มนี้มาจากชายวัยกลางคนแปลกหน้าใบหน้าเหลี่ยมคนนั้น
เรื่องนี้เขาแน่ใจยิ่ง
ตอนนี้ จ้าววิหารเทพแมงมุมแน่ใจได้ว่าชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นผู้นี้เป็นขั้นเทวะ
เทวะในปัจจุบัน ที่เปิดเผยตัวมีไม่กี่คน แต่ที่ไม่เผยตัวก็ต้องมีแน่นอนเช่นกัน เทวะไร้สังกัดบางคน ปกติไม่แก่งแย่งชิงดีดั่งกระเรียนป่ารักอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีตัวตน ดังนั้นจู่ๆ มีขั้นเทวะแปลกหน้าโผล่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องรับไม่ได้อะไร
ในใจของจ้าววิหารเทพแมงมุมถึงแม้จะหวาดเกรง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัว
เพราะตอนนี้พลังของเขาเพิ่มพุ่งพรวด ขาดแค่ก้าวสุดท้ายเท่านั้นก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะได้โดยสมบูรณ์แล้ว ทั้งยังมีไพ่ตายและกลอุบาย ต่อให้จ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่าไล่ล่าสังหารหลายครั้งเขาก็หนีรอดมาได้ ถึงแม้ขั้นเทวะไร้ชื่อเบื้องหน้าคนนี้จะน่ากลัว ทว่าจะเปรียบกับจ้าววิหารเทพหมาป่าหนึ่งในเก้ายอดคนใต้หล้าได้อย่างไร?
ต่อให้สู้ไม่ได้ เขาก็เชื่อว่าตัวเองหนีไปได้
อีกทั้งใจเขาก็แอบอยากจะลองดูแทบทนไม่ไหว
เขาห่างจากการทะลวงขั้นแค่ก้าวเดียวเท่านั้น หากสู้กับเทวะไร้ชื่อเบื้องหน้าผู้นี้และเหยียบเลือดเทวะทะลวงขั้น นั่นไม่ใช่เรื่องที่เยี่ยมยอดหรอกหรือ?
“ข้าขอเตือนท่านว่าอย่าได้เที่ยวสอดมือจะดีกว่า” จ้าวแห่งวิหารเทพแมงมุมเอ่ยปาก พูดแฝงการข่มขู่และท้าทาย “นี่คือเรื่องภายในของเผ่าที่ราบทุ่งหญ้าเรา”
กัวอวี่ชิงมองทางเขา แล้วถามขึ้นว่า “เจ้าคิดอยากได้วิชาสัมผัสจิตดุจธนูกับธนูเหนี่ยวตะวัน?”
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว ถึงสัมผัสจิตดุจธนูและธนูเหนี่ยวตะวันจะเป็นแค่ของธรรมดา แต่อย่างไรเสียก็เป็นของล้ำค่าที่คนเลี้ยงสัตว์แห่งที่ราบทุ่งหญ้านับถือบูชา และก็เป็นหนึ่งในวิชากับของล้ำค่าของวิหารเทพหมาป่า ตอนนี้กฎแห่งฟ้าผันเปลี่ยน วิหารเทพแมงมุมของข้าผงาดขึ้นแทนที่วิหารเทพหมาป่า ของโบราณล้าหลังแบบนี้ควรให้ข้ายึด ผนึก และสะกดเอาไว้” เจ้าวิหารเทพแมงมุมตัวเล็กเตี้ย สูงไม่ถึงห้าฉื่อด้วยซ้ำ แต่น้ำเสียงแฝงรอยเย้ยหยันดูถูกต่อชีวิต
ท่าทีเช่นนี้ทำให้เหล่านักรบเผ่ายิงจันทร์ที่เลื่อมใสศรัทธาวิหารเทพหมาป่าต่างถลึงตามองอย่างโกรธแค้น
“ของธรรมดา?”
กัวอวี่ชิงยื่นมืออกไป ธนูเหนี่ยวตะวันที่อยู่บนพื้นลอยมาอยู่ในมือของเขา
ฝ่ามือลูบเบาๆ ไปยังธนูเทพที่เคยคุ้นยิ่งนัก ใบหน้าของเขาฉายแววคิดถึง ทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตผ่านไปแล้ว ตอนนี้สิ่งของคงอยู่คนเปลี่ยนแปลง เจ้าของของธนูคันนี้ทอดทิ้งและส่งต่อมา มันถึงได้ตกมาอยู่ในที่ราบทุ่งหญ้า มิฉะนั้นคงยังเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเทพหมาป่า จะมาถูกคนต่ำช้าอย่างพวกวิหารเทพแมงมุมดูถูกได้อย่างไร
“เจ้าอยากได้ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ไม่ใช่รึ? เบิกตาให้กว้าง ดูให้ดีๆ”
กัวอวี่ชิงเหนี่ยวธนูอย่างเนิบช้า
สายธนูดุจลำแสงสีทองไหลวนท่ามกลางฝ่ามือของเขา บนธนูสีเหลืองมีอักขระแปลกประหลาดหมุนวน เพียงชั่วพริบตา ปราณฟ้าดินในบริเวณหลายร้อยลี้ไหลรวมมายังธนูเหนี่ยวตะวันดุจน้ำวน ลูกธนูสีทองพราวพร่างก่อตัวขึ้นบนสายธนูราวกับวัตถุจริง ปลายธนูมีประกายแสงสีทองละมุนหมุนวนอยู่…
เขาปล่อยมือ
ลูกธนูสีเหลืองทองพลันหายไป
จ้าววิหารเทพแมงมุมพลันรู้สึกไม่ดีขึ้นทันใด ความหวาดกลัวสุดหัวใจแผ่ลามมา ขณะเขาอ้าปากอยากจะพูดอะไร ก็รู้สึกทันทีว่าไม่ถูก ครั้นก้มหน้าลงดู ขวัญก็หายกระเจิดกระเจิง
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างตั้งแต่คอลงไปหายไปอย่างเงียบงันไร้ร่องรอยดุจหิมะหลอมละลายในน้ำพุร้อน และเขาที่เป็นครึ่งขั้นเทวะกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
“เจ้า…” จ้าววิหารเทพแมงมุมรู้สึกว่าน่าสะพรึงกลัวสุดขีดโจมตีเข้ามา
ใบหน้าสงบเยือกเย็นของเทพธิดาแห่งสงครามเผยความตื่นเต้นรางๆ
นางรู้ นี่คือการสำแดงเดชตามปกติของท่านอา
เพราะเงาร่างของชายผู้นี้เคยทำให้สรรพชีวิตทั่วทั้งที่ราบทุ่งหญ้าต้องหมอบกราบอยู่แทบเท้า
เหล่านักรบเผ่ายิงจันทร์ที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นภาพนี้ก็ต่างกู่ร้องยินดีอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นฉากหนึ่งที่สะท้านวิญญาณของพวกเขา จ้าววิหารเทพแมงมุมที่เที่ยววางอำนาจบาตรใหญ่กำเริบอวดดีในที่ราบทุ่งหญ้า กลับถูกสังหารในกระบวนท่าเดียว?
นี่เป็นปาฏิหาริย์ชัดๆ
พวกเขามองยังกัวอวี่ชิง แววตาแฝงด้วยความเคารพและเลื่อมใสบูชา
ผู้ที่นักรบแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเคารพบูชามากที่สุดก็คือผู้แข็งแกร่ง
กัวอวี่ชิงเอ่ยเรียบๆ ว่า “ดูชัดแล้วหรือยัง?”
ศีรษะของจ้าววิหารเทพแมงมุมลอยอยู่กลางอากาศ ตะโกนลั่นด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “เจ้าลอบโจมตีอย่างนั้นรึ…”
เขาอ้าปากพ่นใยแมงมุมเป็นกลุ่มๆ ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ใยแมงมุมสีเขียวมรกตม้วนพันกลางอากาศ เหมือนถักทอร่างใหม่ขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น เลือดหยดหนึ่งผสานเข้าไปในร่างใยแมงมุมร่างนี้ ร่างกายของจ้าววิหารเทพแมงมุมฟื้นกลับคืนมาแล้ว “กายของข้าคือกายอมตะ”
เสียงโห่ร้องของเหล่านักรบเผ่ายิงจันทร์หยุดชะงักทันที
ขนาดนี้ยังไม่ตายอีก?
ปีศาจตัวนี้ฆ่าไม่ตายจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
ใจของพวกเขาหนักอึ้ง
จ้าววิหารเทพแมงมุมหัวเราะอย่างโดดเหี้ยมและได้ใจ กล่าวว่า “ข้าได้รับความสำคัญและการปกป้องจากเทพแมงมุม ได้รับโลหิตเทพมา เป็นร่างอมตะนานแล้ว ข้าฆ่าไม่ตาย…อ๊าก…”
ยังเอ่ยไม่ทันจบ
ประกายแสงสีทองอีกสายยิงเข้ามา
ร่างที่เพิ่งจะก่อขึ้นของจ้าววิหารเทพแมงมุมถูกหนึ่งธนูยิงกระจุยอีกครั้ง
“กายอมตะ?” กัวอวี่ชิงส่ายหน้า “ต่อให้เป็นเทพแมงมุมที่เจ้าว่าก็ไม่ใช่จะไม่ตาย โลหิตเทพหยดเดียวจะปกป้องเจ้าได้หรือ?” จิตธนูไหลวน เขายิงไปอีกดอก ระเบิดศีรษะจ้าววิหารเทพแมงมุม ร่างที่บอกว่าเป็นร่างอมตะกลายเป็นเถ้าธุลีจากวิชาธนูนี้
พลังระดับทำลายล้างจำกัดทิ้งไปโดยสมบูรณ์
กลางท้องฟ้า เลือดสีเขียวหยดหนึ่งลอยขึ้นมา
โลหิตเทพแมงมุมมาร
วิญญาณของจ้าววิหารเทพแมงมุมปรากฏเป็นภาพมายาออกมาจากในเลือด ทั้งโกรธแค้นทั้งหวาดกลัว ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า “เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่? นี่คือวิชา ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ทำไมเจ้าถึงใช้ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ได้…หรือว่าเจ้าเป็น? ”
เขาพลันนึกถึงชื่อหนึ่งที่หายไปจากที่ราบทุ่งหญ้ามานานหลายปีขึ้นได้ และพลันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “อ๊า ข้ารู้แล้ว เจ้า…เจ้าคือต้าเจ๋อเปี๋ยแห่งที่ราบทุ่งหญ้า…เจ้าคือจ้าววิหารเทพหมาป่ารุ่นที่แล้ว…”
เขารู้แล้ว แต่รู้สำนึกช้าเกินไป
หากรู้ว่านี่คือเทพเทวะแล้วละก็ เกรงว่าในเสี้ยวขณะที่อีกฝ่ายถือธนูเหนี่ยวตะวัน เขาก็หันหลังโกยอ้าวแล้ว
ตอนนี้ กัวอวี่ชิงเหนี่ยวสายธนูเหนี่ยวตะวันอีกครั้ง
“ไม่ ไว้ชีวิตข้าเถอะ…” จ้าววิหารเทพแมงมุมอ้อนวอน
เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวที่แฝงอยู่ในธนูดอกนี้ มันมากพอที่จะทำให้ร่างวิญญาณของเขาสลายไปในพริบตา
หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา เขามอบความตายให้กับผู้อื่นไม่รู้ต่อเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ความตายกำลังมาเยือนเขาแล้ว เขาถึงค่อยสัมผัสได้อย่างแท้จริงว่าความรู้สึกแบบนี้น่ากลัวเป็นที่สุด ความหวาดกลัวราวคลื่นน้ำท่วมเขาจนจมมิด
“ข้าเจ็บใจนัก จ้าววิหารเทพหมาป่ารุ่นปัจจุบันยังฆ่าข้าไม่ได้ ทำไมเจ้า…” เขาตะโกนเสียงแหลมอย่างเจ็บใจ
กัวอวี่ชิงตอบ “นั่นเป็นเพราะเขาแค่เหงาเกิน เลยอยากจะเล่นแมวจับหนูกระมัง”
พูดจบ ธนูดอกที่สามก็ถูกยิงออกไป
พลังทำลายล้างสีทองไหลเวียนอย่างเงียบงัน ร่างวิญญาณของจ้าววิหารเทพแมงมุมที่หลบซ่อนอยู่ในโลหิตเทพแมงมุมมารถูกฉีกทึ้งดั่งกลีบดอกไม้ที่หลุดร่วงลงจากกิ่ง
“อ๊ากกก เทพแมงมุมช่วยข้าด้วย..ไม่ ข้าไม่อยากตาย…” จ้าววิหารเทพแมงมุมส่งเสียงร้องน่าเวทนา
สุดท้ายเขาก็ตายไปด้วยความเจ็บแค้นใจ “จ้าววิหารเทพหมาป่าจะไปเป็นเพื่อนข้า ฮ่าๆๆ”
เขาส่งเสียงสาปแช่งครั้งสุดท้ายของชีวิต
กัวอวี่ชิงส่ายหน้า
จ้าววิหารเทพแมงมุมในอดีตเป็นเพียงแค่สาวกที่นับถือบูชารูปสัญลักษณ์มารร้าย อยู่ในที่ราบทุ่งหญ้าก็ไร้ตัวตน จ้าววิหารเทพแมงมุมผู้นี้บังเอิญได้รับพลังจากเทพปีศาจนอกพิภพ ก็กระโดดออกมากำแหงอวดดี เป็นแค่คนชั่วช้าน่าขันเท่านั้น คนพรรค์นี้จะเป็นคู่มือของเจียงชิวไป๋จ้าววิหารเทพหมาป่าคนปัจจุบันได้อย่างไร หากเจียงชิวไป๋คิดสังหารคนคนนี้จริง ก็เป็นแค่เรื่องชั่วเสี้ยวความคิดเท่านั้น
แต่เจียงชิวไป๋เหมือนจะไม่ค่อยกระตือรือร้นเรื่องในที่ราบทุ่งหญ้าสักเท่าไหร่
มิฉะนั้นจะทนปล่อยให้คนแบบนี้สร้างปัญหาใหญ่โตให้กับที่ราบทุ่งหญ้าได้อย่างไร
กัวอวี่ชิงมอบธนูเหนี่ยวตะวันให้กับเทพธิดาสงคราม
นักรบเผ่ายิงจันทร์ด้านข้างตกอยู่ในความตื่นตะลึง นิ่งอึ้ง และบ้าคลั่ง
พวกเขาอึ้งตะลึงกับคำพูดที่จ้าววิหารเทพแมงมุมกล่าวเมื่อครู่
ชายหน้าเหลี่ยมเบื้องหน้าคนนี้ เขาก็คือ…ต้าเจ๋อเปี๋ยแห่งที่ราบทุ่งหญ้าในอดีตอย่างนั้นหรือ?
ตำนานวิถียุทธ์ที่เผ่าใหญ่ต่างๆ ในท้องทุ่งหญ้าต่างนับถือบูชาราวเทพ?
นั่นคือบุคคลที่ชายในที่ราบทุ่งหญ้าไม่รู้กี่คนยินดีที่จะสละชีพเพื่อเขาเชียวนะ
แต่ว่า ไม่ได้บอกว่าเขาตายไปแล้วหรอกหรือ?
ไกลออกไป ประกายแสงส่องกะพริบ หลี่มู่อุ้มร่างไร้วิญญาณของเถี่ยมู่เจินกลับมา
………………………………