ตอนที่275 ฝังไว้ที่นี่เป็นการชดใช้

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่275 ฝังไว้ที่นี่เป็นการชดใช้

อาลีหยิบมือที่ขาดออกของหัวเซียงชานขึ้นมาและยื่นให้จ้าวเฉียน เขากล่าวว่า

“คุณชาย ตัดทิ้งเรียบร้อยแล้วครับ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และเอ่ยถามหัวเซินซวนไปว่า

“ผมให้โอกาสคุณล้างแค้นโดยการต่อสู้กันอย่างยุติธรรม และนี่เป็นราคาที่คุณสมควรต้องจ่ายแล้ว!”

พวกผู้คนตระกูลหัวรีบอุ้มหัวเซียงชานไปส่งโรงพยาบาลทันที และเป็นหัวเซินซวนที่ตะโกนเสียงออดอ้อนกับจ้าวเฉียนว่า

“หลานชาย ส่งมือที่ขาดมาเถอะนะ”

จ้าวเฉียนส่ายหัว เค้นเสียงกล่าวตอบทีละคำอย่างเยือกเย็น

“ไม่ มี วัน!”

หัวเซินซวนคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ถ้าตอนนี้ทุกอย่างที่แกก่อลงไปยังไม่สายที่จะแก้ไข! แต่ถ้ามัวช้าอยู่แบบนี้แกจะต้องเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป! พวกเราตระกูลหัวจะตามล่าแกสุดล่าฟ้าเขียว!”

จ้าวเฉียนหัวเราะพลางกล่าวตอบไปว่า

“ตั้งแต่วินาทีที่ผมรู้ว่า หลุมฝังศพของคุณย่าถูกทำลาย พวกเราก็อยู่ร่วมฟ้าเดียวกันไม่ได้แล้ว! ตระกูลหัวของคุณทำอะไรได้บ้าง! ถ้าเก่งจริงอย่างที่ปากว่าหลานชายคงไม่ต้องพิการแบบนี้หรอก! ฮ่าฮ่าๆ…”

หัวเซินซวนยังคงตะโกนไม่หยุดหย่อน

“เอามือหลานฉันคืนมา!”

จ้าวเฉียนเองยังคงตอบเหมือนเดิม

“ไม่! อาลี เอามือหมอนี่ไปฝังไว้หน้าหลุมศพของคุณย่า”

อาลีตอบกลับด้วยความเคารพ

“เข้าใจแล้วครับ!”

จ้าวเฉียนตะโกนส่งเสียงให้พวกข้างหลังว่า

“พวกเรา! กลับ!”

ผู้คนนับหลายร้อยชีวิตเคลื่อนพลถอยออกไปทันที ส่วนพวกตระกูลหัวก็ได้แต่ยืนมองจ้าวเฉียนจากออกไป

หัวเซินซวนแทบจะร้องไห้เป็นสายเลือด ถ้าได้มือของหลานชายที่ถูกตัดคืนมา ยังพอมีโอกาสต่อกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่ตอนนี้จ้าวเฉียนกลับพรากมันไปเสียแล้ว เขาร้องห่มร้องไห้ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

“เอามือของเซียงชานคืนมา! เอามือของเซียงชานคืนมา!”

ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้ดังออกมา ผู้คนของตระกูลหัวยังไม่ทันตอบสนอง แต่เป็นกลุ่มคนของจ้าวเฉียนที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ในทันใด พวกเขาหวดแท่งเหล็กตีใส่พื้นเสียงดัง หันมาเหลือบมองคล้ายจะหาเรื่อง

“พวกมึงยังไม่เข็ดใช่ไหม?!”

มีหนึ่งย่อมมีสอง ผู้คนนับร้อยหันควับมองโดยพร้อมเพรียง ทำให้สมาชิกตระกูลหัวกลัวจนแข้งขาอ่อนยวบ ทำได้เพียงมองดูมือของหัวเซียงซวนถูกขโมยไปทั้งแบบนั้น

หัวเซินซวนโทรเรียกคนในสำนักงานเขตเพื่อขอความช่วยเหลือโดยด่วน วานให้ไปหยุดจ้าวเฉียนและชิงมือของหัวเซียงชานกลับมา

แต่อย่างไร อวีกุ้ยเฟิงได้ทักทามบรรดาเจ้าหน้าทุกระดับไว้เรียบร้อยนานแล้ว พวกเขาที่รับรายงานทำได้เพียงหลับตาข้างหนึ่ง ตบปากรับคำไปส่งๆ และทำตามที่อีกฝ่ายไหว้วานไว้ คือการส่งคนออกไป แต่จะจับตัวจ้าวเฉียนกลับมาได้หรือไม่ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง

จ้าวเฉียนขอให้พวกลูกเรือและกลุ่มรปภ.แยกย้ายออกไป ส่วนเขาก็พาพวกบอดี้การ์ดกลับไปที่หลุมศพของคุณย่า

หลุมศพของคุณย่าถูกทุบทำลายและรื้อออกเละเทะ ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงทำความสะอาดให้พอกลับมาดูได้ จากนั้นก็วานให้อาลีฝังมือของหัวเซียงชานลงข้างๆหลุมศพของคุณย่า ถือซะว่าเป็นการชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป

หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น จ้าวเฉียนก็สั่งการต่อว่า

“เกณฑ์คนมาปกป้องหลุมศพมากกว่านี้ แล้วเพิ่มเวรยามเฝ้าไว้ก่อนช่วงนี้ ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นให้รีบถอยกลับมาทันทีและรีบรายงานครอบครัวฉันโดยเร็วที่สุด เข้าใจไหม?”

บอดี้การ์ดพวกนั้นอยู่ดูแลหลุมฝังศพต่อไป ส่วนจ้าวเฉียนก็เดินทางกลับบ้าน เข้าทักทายทุกคนทันที

จ้าวฝู่เอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า

“เป็นยังไงบ้าง โอเคไหม?”

จ้าวเฉียนส่ายหัวเล็กน้อย

อวีกุ้ยเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า

“ไม่เป็นไรลูก วันนี้เป็นคืนเทศกาลไหว้พระจันทร์ ถึงเวลาฉลองกันแล้ว อย่าไปปั้นหน้าอมทุกข์อยู่เลย ทุกคนรอทานข้าวเย็นกันอยู่”

หวานเจียงเดินเข้ามาควงแขนของจ้าวเฉียนอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอะไร

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา จ้าวเฉียนไม่มีอารมณ์กินข้าวกินปลาอะไรเลย แต่เขาเองก็ทราบดีอยู่ในใจ ถ้าเขาไม่ทานอะไรเลยอาจทำให้งานเลี้ยงปีนี้กร่อย และทุกคนจะไม่มีอารมณ์ทานอะไรเช่นกัน

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงฝืนยิ้มและเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ทักทายญาติๆอย่างที่ควรจะเป็น

จ้าวหรงเอ่ยทักจ้าวเฉียนขึ้นว่า

“ไอ้ลูกหมา เป็นยังไงบ้าง? หลุมศพย่าแกซ่อมแล้วรึยัง?”

จ้าวเฉียนรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“เรียบร้อยแล้วครับ ผมโทรให้ช่างมาซ่อมแซมหลุมศพใหม่ให้กับคุณย่า แล้วพรุ่งนี้คงเสร็จเรียบร้อยดี”

จ้าวหรงพยักหน้า ดวงตาคู่ชราของเขามีน้ำใสๆไหลรินออกมาพลางตอบไปว่า

“ย่ากับฉันต้องปากกัดตีนถีบมาด้วยกันตลอดชั่วชีวิต อย่างน้อยที่สุดตอนที่ย่าจากไปแล้ว ปู่ก็อยากให้ย่าหลับสบายในสถานที่ดีๆ แกต้องดูแลย่าให้ดีเข้าใจไหม? ห้ามปล่อยให้ใครไปรบกวนเด็ดขาด”

จ้าวเฉียนเองก็ร้องไห้เช่นกัน เขาพยักหน้าและให้คำมั่นสัญญากับปู่ว่า

“ไม่ต้องกังวลครับปู่ ผมจะปกป้องคุณย่าให้ถึงที่สุด ผมไม่ยอมปล่อยให้ใครมารบกวนคุณย่าได้อีกแล้ว”

จ้างหรงพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งและกล่าวขึ้นว่า

“นั่งลงเถอะ นั่งลง หลานก็กินข้าวให้อิ่มนะ เสี่ยวฝู่ เข็นฉันกลับห้องที วันนี้ฉันอยากกินข้าวกับแม่แก”

จ้าวฝู่พยักหน้าและรีบเข็นคุณพ่อของเขากลับไปในห้องอย่างรวดเร็ว

จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกหนึ่งและตะโกนเสียงดังฟังชัดว่า

“ทุกคนนั่งลงและกินข้าวกันเถอะ! วันนี้เป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ ขอให้ทุกคนมีความสุขกันนะ หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เราจะมากินขนมไหว้พระจันทร์กัน”

ผู้สืบทอดสกุลจ้าวกล่าวถึงขนาดนี้ย่อมไม่มีใครกล้าขัดขืน ทุกคนนั่งลงและรับประทานอาหารกันทันที

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกตำรวจก็มาถึง ซึ่งเป็นอวีกุ้ยเฟิงกับจ้าวเฉียนที่ออกไปหาพวกเขา ทางด้านคนอื่นๆยังกินต่ออย่างกล้าๆกลัวๆ แต่หวานเจียงไม่สามารถทนกินต่อไปได้ จึงรีบวิ่งออกไปหาจ้าวเฉียนโดยเร็ว

หัวหน้าสำนักงานเขตนำคนมาหารือด้วยเป็นนการส่วนตัว ตำรวจบอกพวกเขาว่า ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้กลายมาเป็นเรื่องใหญ่ ทางที่ดีก็ควรคืนมือของหัวเซียงชานกลับไปให้แก่ครอบครัว นี่จะทำให้ผลกระทบที่จ้าวเฉียนจะได้รับเบาบางที่สุด

แต่จ้าวเฉียนก็แน่วแน่เป็นอย่างยิ่ง เขาตอบกลับไปทันทีว่า

“มือของหัวเซียงชานจะต้องถูกฝังอยู่ในนั้นตลอดไป! มันกล้าทำลายหลุมศพคุณย่าฉัน นี่ถือเป็นราคาที่มันสมควรจะจ่ายแล้ว!”

“แล้วคุณก็ตัดมือเขาไปแล้ว นี่ยังไม่พออีกเหรอ?”

จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบกลับไปว่า

“แน่นอนว่าไม่พอ! ฉันต้องการเอามือของมันไปฝังข้างหลุมศพคุณย่าเป็นการชดใช้!”

“แต่ถ้าทำแบบนี้การจะสรุปสำนวนคดีจะยากมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลจะถลำลึกจนไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีกแล้วนะครับ ตอนนี้พวกเรายังพอยื้อเวลาออกไปได้ แต่ถ้าตระกูลหัวยังคงเอาตามเซ้าซี่อยู่แบบนี้ คงได้ไม่นานแล้วนะครับ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวคุณ คุณเองก็คงไม่ยอมความจริงไหมครับ?”

นี่ถือเป็นปัญหาของจ้าวเฉียนเช่นกัน เพราะตอนนี้แม้แต่ตระกูลหัวยยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของตระกูลจ้าวว่ายิ่งใหญ่ขนาดนไหน และเขาต้องการให้ทุกอย่างยังคงเป็นแบบนี้ เพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรตามมาในอนาคต

หากกล่าวกันตามความจริง ลำพังความแข็งแกร่งของตระกูลจ้าว มันก็มากพอที่จะโค่นล้มตจระกูลหัวแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเคลื่อนไหวขึ้นจริงก็เท่ากับว่า เป็นการเปิดเผยตัวตนสู่สาธารณะเช่นกัน ซึ่งทุกคนในตระกูลจ้าวเคยชินกับการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ใครบ้างอยากจะชักนำปัญหาเข้ามาหาตัวเองโดยไม่มีเหตุผล?

อวีกุ้ยเฟิงเองก็ยืนเคียงข้างสนับสนุนลูกชายเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร เพราะท้ายที่สุดนี้ ทุกสิ่งอย่างของตระกูลจ้าวจำต้องส่งมอบต่อให้กับจ้าวเฉียน ดังงนั้นการปล่อยให้เขาแก้ไขปัญหาเพียงลำพังนับเป็นเรื่อองไม่เลวเลย

จ้าวเฉียนลังเลอยู่เล็กน้อย ในความคิดของเขา เขาไม่มีทางคืนมือของหัวเซียงชานกลับคืนไปเด็ดขาด แต่อีกด้านหนึ่งถ้าทำแบบนั้นหัวเซินซวนคงไม่เลิกตามรำควานแน่นอน

หากถอนรากถอนโค่นตระกูลหัวไปตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ตัวตนของตระกูลจ้าวเองก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน

นั้นอาจส่งผลไปถึงบริษัทของจ้าวฝู่ บริษัทเอกชนทุกหนแห่งจะเพ่งเล็งมาที่นี่ รวมไปถึงบริษัทนายทุนของต่างชาติเช่นกัน และมันอาจนำมาซึ่งปัญหายิบย่อยอีกมากมาย  

ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงภาพรวมทั้งหมดแล้ว จ้าวเฉียนจำใจต้องคืนมือของหัวเซียงชานกลับไป แต่คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะคืนกลับไปให้ฟรีๆ

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงกล่าวขึ้นว่า

“ถ้าต้องการให้ผมคืนมือมันจริงๆ คุณจะต้องขอให้หัวเซินซวนพาหัวเซียงตงมาจัดของเพื่อขอขมา นอกจากนี้ผมยังต้องการเรียกค่าชดใช้อีกร้อยล้าน ถ้าอีกฝ่ายบรรลุทุกเงื่อนไข ผมจะยอมรับคำขอของพวกตระกูลหัวสักครั้ง”