บทที่ 441
เดิมคนของเผ่าเพลิงฟ้าก็สงสัยผู้นำกองธงกล้วยไม้อยู่แล้ว กู้ชูหน่วนกล่าวพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเพลิงฟ้ายิ่งมองคนของเหล่าผู้นำกองธงกล้วยไม้เป็นศัตรูมากขึ้นเรื่อยๆ

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเอ้อระเหยลอยลมขึ้นอีกว่า“ยิ่งกว่านั้น หินก้อนใหญ่บนยอดเขาเพิ่งบังเอิญไปตกลงบนหัวของเหล่าผู้อาวุโสเผ่าเพลิงฟ้า แต่พวกเจ้าทั้งหมดอยู่บริเวณชายขอบ และพากันหลบหนีได้อย่างง่ายดาย ”

“กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน หรือสงสัยว่าข้าวางแผน?”

“ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้น ชีวิตน้อยๆของข้ายังถูกบีบอยู่ในมือของพวกเจ้าอยู่”

“เช่นนั้นก้อนหินใหญ่ก็มิใช่ไม่โดนเจ้าหรือ?”

“ข้าไม่ได้ถูกก้อนหินทับ นั่นคือข้าโชคชะตาชีวิตดี ผู้ใดจะรู้อีกสักครู่เมื่อเจ้านำทางแล้ว เจ้าจะทำลายข้าหรือไม่”

“หากวันนี้ข้าไม่สังหารเจ้า ก็ไม่ใช่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ของสิบสองกองธงบุปผาเผ่าปีศาจหรอก”

ผู้นำกองธงกล้วยไม้กล่าวด้วยความเดือดดาล ยื่นมือออกมาโดยไม่ได้คิดพิจารณาอีก จากนั้นกวัดแกว่งต้องการสังหารกู้ชูหน่วน

เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าก็ถูกทำให้โกรธเดือดดาล

บวกกับคำกล่าวพูดแต่ละประโยคที่ยั่วแหย่ของกู้ชูหน่วน เผ่าเพลิงฟ้ากับเผ่าปีศาจต่างหันหลังให้กัน เข่นฆ่ากันเอง

ผู้อาวุโสจวินกล่าวว่า“เหล่าคนชั่วของเผ่าปีศาจ ข้าเห็นพวกเจ้าเจตนามุ่งร้ายนานแล้ว พวกเจ้าเห็นพวกข้าเหล่าเผ่าเพลิงฟ้าคนมากมาย เลยอยากจะทำให้ตายทีละคน ได้ผลประโยชน์อย่างง่ายดาย กู้ชูหน่วนกล่าวพูดถูก เจ้าจงใจวางแผน”

“ต่ำช้า คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะกล้าทำร้ายหน้าข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นไม่มีอะไรจะต้องคุยแล้ว เจอของจริงเลย”

ผู้นำกองธงโบตั๋นกล่าวว่า“ข้าว่าเผ่าเพลิงฟ้าจ้องจับผิดเรา อยากจะถือโอกาสนี้กีดกันพวกเรา แล้วเขมือบเอาไข่มุกมังกรนะ มีอะไรที่จะต้องกล่าวพูดกับคนเหล่านี้ สังหารทิ้งก็สิ้นเรื่อง”

แม้ว่ารูปลักษณ์ของผู้นำกองธงกล้วยไม้จะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาเป็นห่วงใบหน้าของเขามาก เผ่าเพลิงฟ้าคนมากรังแกคนน้อยกว่า ยังทุบตีเขาที่หน้าโดยเฉพาะ บนใบหน้าของเขามีรอยเลือดอยู่บนใบหน้าของเขา เดิมเผ่าปีศาจที่มีความคับแค้นใจกับเผ่าเพลิงฟ้าอยู่นั้นก็แตกระเบิดปะทุออกอย่างสมบูรณ์

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเต็มที่ และมีเสียงดาบและหมัดกระทบกันในถ้ำเล็กๆ

รอยยิ้มที่เหี้ยมโหดของกู้ชูหน่วนแสยะขึ้นที่มุมปาก นัยน์ตามีความดูถูกเหยียดหยามคละเคล้าอยู่ด้วย

นางถือโอกาสตอนที่โกลาหล แล้วเลือกทางแยกหนึ่งวิ่งหนีไป

ไม่นาน นางจึงได้มาถึงยอดสูงสุด

และก็ได้พบกับฉากที่น่าตื่นตะลึง

มันเป็นสระโลหิตหินหนืดขนาดใหญ่ มีเสาแท่นดอกบัวขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางสระโลหิต เสาถูกแกะสลักด้วยดอกบัวหิมะบาน และก็ไม่รู้ว่ามันเป็นวัสดุอะไร แม้แต่หินหนืดทะเลโลหิตก็ไม่สามารถละลายได้

บนเสาแท่น มีไข่มุกสีครามหนึ่งเม็ดวางอยู่

ไข่มุกมีขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบ กระจ่างใส และด้านในมีมังกรฟ้าหลับอยู่อย่างแผ่วเบา

กู้ชูหน่วนใจเต้นระรัว

หรือว่านี่คือไข่มุกมังกรสีคราม?

สระโลหิตใหญ่มาก สูงจากพื้นดินหลายร้อยเมตร ปลายสระโลหิต มีหน้าผาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านล่างหน้าผามีน้ำตกห้อยอยู่ด้วย แต่น้ำตกแห่งนี้ไม่ใช่น้ำ แต่เป็นหินหนืด

น้ำตกหินหนืดจะห้อยลงมา และบรรจบกันกับหินหนืดทะเลโลหิตที่อยู่ด้านล่าง

คนปกติทั่วไปมองดูก็รู้สึกหวาดหวั่นแล้ว

พอนึกถึงอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟย ว่าจะต้องใช้ไข่มุกสีครามนี้ถึงจะรักษาหายได้ กู้ชูหน่วนเลยกัดฟัน วันนี้ไม่ว่าจะอย่างไร นางจะต้องได้ไข่มุกสีครามนี้มาครอบครอง

“ไข่มุกมังกรห่างจากพื้นผิวไกลมาก โดยพื้นฐานแล้วเอามาไม่ได้ อีกทั้งนั่นยังมีส่วนสำคัญเสาแท่นดอกบัว เว้นแต่กลไกจะหักเห ไม่อย่างนั้นก็เอาไข่มุกมังกรออกมาไม่ได้ ระยะทางที่ไกลเกินไปและไม่มีใครรู้ว่ากลไกบนเสาแท่นดอกบัวคืออะไรด้วย”

มีน้ำเสียงสดใสดังขึ้นทันที กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นมอง แต่ทว่าเงยหน้าขึ้นกลับได้เห็นชายหนุ่มสวมใส่หน้ากาก

ชายผู้นั้นแต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงิน สูงใหญ่ ดูสง่างาม ทั้งตัวดูมีเสน่ห์ พอมองดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

เป็นเขา……

คนผู้นี้คล้ายดั่งว่าเคยช่วยนาง…..

”ท่านคือนายน้อยแห่งตันหุยกู่ใช่หรือไม่?”

“ใช่ ข้าน่าหลานหลิงลั่ว ขอทำความเคารพ”ในมือของชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินถือพัดก้านดำ มีรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก ท่าทางสบายๆ หันมาทำเคารพเล็กน้อยให้กู้ชูหน่วน

แม้ฐานะเขาจะแปลกประหลาด อีกทั้งไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง แค่รอยยิ้มที่จริงใจบนใบหน้า มันก็ไม่ได้มีความร้ายกาจอันใด

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบ นอกเหนือจากเขาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าไม่มีสักคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสระโลหิตขนาดใหญ่โอ่อ่านี้เลย

“บุคคลอื่นเล่า?”นางจำได้ คล้ายดั่งว่าตันหุยกู่มีคนมาจำนวนมาก อย่างไรคงไม่ใช่ว่าถูกห้อยไว้ที่นี่แล้วหรอกนะ

“พวกเขาไปหาของ ไม่นานจะกลับมา”

“อ้อ….หาสิ่งใดหรือ?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่สามารถข้ามผ่านทะเลโลหิตไปเสาแท่นดอกบัวได้”

น่าหลานหลิงลั่วโบกสะบัดพัดไปมา แล้วมองไปทางกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่อบอุ่น

กู้ชูหน่วนลูบสัมผัสคางด้วยความคุ้นชิน

ระยะห่างไกลเพียงนี้ นางคิดไม่ออกชั่วขณะว่าสิ่งใดจะสามารถพาไปถึงเสาแท่นดอกบัวได้

เมื่อมองไปบริเวณโดยรอบนี้พบไม้ตะบองยาวกับหินแตกละเอียด เศษเหล็กเป็นต้น กู้ชูหน่วนน่าจะรู้ได้ว่าพวกเขาคิดมามากมายหลายวิธีแล้ว ก็ยังคงไม่สามารถไปถึงเสาแท่นดอกบัวได้

“ไข่มุกนี้ใหญ่เท่าไข่นกพิราบ มีพลังความเก่งกาจตามเลื่องลือจริงหรือ?”

“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าผู้คนที่มาจากทั่วแห่งหนแย่งชิงมันไปทำสิ่งใด?”

“เช่นนั้นท่านล่ะ เพราะเหตุใดท่านถึงแย่งชิงไข่มุกมังกร?”

“ข้าหรือ อยากแย่งก็แย่ง แม่สาวน้อย ไข่มุกมังกรนี้ไม่ใช่ของมงคล ข้าแนะนำเจ้าว่าให้รีบออกไปจากที่นี่เสีย หลีกเลี่ยงเกิดหายนะ”

“บังเอิญจริง สิ่งอื่นใดข้าล้วนกลัว แต่ไม่กลัวการถูกหายนะ ไข่มุกมังกรนี้ดูแล้วตระการตาอย่างมาก ทำเป็นสร้อยมาห้อยที่คอน่าจะสวยงามเหลือล้น ข้าชอบ และก็อยากจะได้มัน ทำอย่างไรดีล่ะ?”กู้ชูหน่วนกล่าวพร้อมทำตาปริบๆ

พัดของน่าหลานหลิงลั่วชะงักลง รอยยิ้มมิได้อบอุ่นเยี่ยงเมื่อครู่แล้ว เขากล่าวว่า“หากเจ้าชอบสร้อยคอ ข้าจะส่งมอบแก่เจ้าทั้งใหญ่ทั้งดีเชียวล่ะ”

“มิจำเป็น เพราะข้าก็ชอบสิ่งนี้”

“ที่นี่มีเพียงไข่มุกมังกรหนึ่งเม็ด แต่ทว่าพวกเรากลับมีสองคน เจ้าว่าควรจะทำอย่างไรดี?”

“มันจะแบ่งได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องให้ข้า ให้ผู้หญิงก่อน ส่วนชายเป็นสุภาพบุรุษ อีกอย่าง……”

กู้ชูหน่วนลากเสียงยาว คล้ายกับจะหัวเราะก็ไม่ปาน กล่าวขึ้นว่า“อีกอย่าง….อยากจะได้ไข่มุกมังกร ไม่ใช่มีเพียงแค่เราสองคน”

“พวกเขานะหรือ ไม่มีโอกาสหรอก”

น่าหลานหลิงลั่วโบกสะบัดพัดอย่างเอ้อระเหย ไม่ได้เห็นพวกเขาในสายตาเลยด้วยซ้ำ คล้ายดั่งพวกเขาในสายตาของเขาเป็นเพียงสิ่งที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไร คนที่ทำให้เขากลัดกลุ้มใจอย่างแท้จริงคือกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนอึดอัดใจ

เมื่อกล่าวพูดถึงวรยุทธ์ศิลปะการต่อสู้ เมื่อเขาเทียบกันกับผู้อาวุโสเทียนไท่ชั่งของเผ่าเพลิงฟ้าแล้ว ยังห่างกันไกล และเมื่อเทียบกับเหล่าคนผู้นำกองธงกล้วยไม้ ก็ยังแตกต่างอยู่

เขามีความมั่นใจที่หลงระเริงมาจากที่ใดกัน

“พ่อหนุ่ม ท่านหลงระเริงเหลือเกิน”

“พูดดี ล้วนเรียนรู้จากบางคน”ชายหนุ่มยิ้มอย่างละมุน เป่าลมลอยปลิวไปทางกกหูกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนถอยหลังไปหนึ่งก้าว สะกิดเกาที่กกหูอย่างแผ่วเบา

“เอาอย่างนี้ พวกเราทำตามความสามารถของแต่ละคน ผู้ใดได้รับไข่มุกมังกร ผู้ใดก็ห้ามแย่งกับฝ่ายตรงข้าม เป็นอย่างไร?”

“ได้สิ”

“ตรงไปตรงมาดี อย่ามากลั่นแกล้งผู้หญิงอ่อนแอเยี่ยงข้าล่ะ”

“ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่กลั่นแกล้งผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยสง่าเลอโฉม”

แววตาที่อบอุ่นของเขามันคลุมเครือยากที่คนจะสามารถเข้าใจได้

กู้ชูหน่วนก็คร้านที่จะสนใจเขาแล้ว นางคิดเพียงอยากจะเอาไข่มุกมังกรมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วไปจากที่นี่ จากนั้นช่วยชีวิตของอี้เฉินเฟย

บทที่ 440