ตอนที่ 191 แปลงร่าง (4)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

นางเบี่ยงกายหลบทันควัน แม้จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บถึงเอ็นถึงกระดูก แต่ยังคงถูกกรีดเป็นรอยยาว เสื้อสีเขียวที่กลางหลังย้อมด้วยเลือดสด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ซวนเซ แต่กลับคล้ายไม่รู้สึก สะบัดมือออกไปตบใส่ดาบที่กรีดหลังตนอย่างแรง พริบตานั้นคมดาบก็เข้าสู่ท้องของเจ้าของดาบ พลิกมืออีกข้างก็จบชีวิตมันในกระบี่เดียว

 

 

เหมยซูย่อมเห็นฉากนี้เต็มตา เห็นแผ่นหลังชิวเยี่ยไป๋มีคราบเลือดแดงฉาน แม้บาดแผลจะไม่ลึก แต่เขายังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามินำพากับคนหรือสิ่งที่เขาจะจับตัวไว้ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาอุตส่าห์เปลืองแรงวางแผนขนาดนี้ ย่อมมิใช่จะปล่อยให้ไอ้พวกไม่เอาไหนทำเอา ‘พญาเหยี่ยว’ ของตนพิการซึ่งนั่นสู้เด็ดชีพชิวเยี่ยไป๋แต่แรกย่อมดีกว่า!

 

 

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและสั่งรองพ่อบ้านเบาๆ

 

 

รองพ่อบ้านผงกศีรษะทันทีแล้วรีบวิ่งไปที่เรือลำน้อย พูดอะไรบางอย่างกับคนที่ท่าทางเหมือนนายทัพ แล้วทั้งสองก็ออกจากปากถ้ำอย่างรีบร้อน

 

 

ราวหนึ่งเค่อให้หลัง ชิวเยี่ยไป๋เตะใส่แม่ทัพจรยุทธ์แห่งกองหู่เวยที่มัวแต่ร้องตะโกนให้ฆ่าคนตกไปในน้ำ ขณะเตรียมจะหายใจให้หายเหนื่อยสักเฮือกแล้วค่อยสู้ต่อ กลับได้ยินเสียงห้าวของรองพ่อบ้านดังขึ้น “ชิวเยี่ยไป๋ เจ้าฟังไว้ ถ้าเจ้ายังไม่ยอมแพ้ พวกเราจะยิงคนของเจ้าให้เหมือนตัวเม่น!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ตกใจหันไปดู ก็พบว่าทั้งโจวอวี่และเหล่าเจอกูล้วนได้รับบาดเจ็บ ยังมีหยวนเจ๋อที่มิรู้เป็นอย่างไรบ้างยองกายกับมุมผนัง และถูกทหารถือธนูล้อมไว้!

 

 

“เหมยซู!” นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เตะอย่างรุนแรงใส่ศีรษะของแม่ทัพหู่เวยที่เพิ่งโผล่จากน้ำคล้ายกับเดือดดาลสุดขีด

 

 

แม่ทัพหู่เวยตาเหลือก พ่นโลหิตเป็นทางยาวและไม่ร้องอีกเลย จมลงในน้ำโดยทันที ทำเอาพวกทหารที่ล้อมอยู่ตกใจจนถอยไปก้าวหนึ่ง

 

 

เหมยซูนั่งบนบ่าของเยียนหนูอย่างสบายอารมณ์ ยิ้มอย่างนุ่มนวล “เย่ไป๋เจ้าเป็นเอกในยุทธจักร แต่กลับไม่รู้ว่าการศึกมิหน่ายอุบายหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หน้าเครียดคล้ายพยายามสะกดใจ

 

 

โจวอวี่กุมไหล่และฝืนไม่วางกระบี่ลง แล้วตะโกนใส่ชิวเยี่ยไป๋ “ใต้เท้า ไม่ต้องคำนึงถึงพวกเรา!”

 

 

เหล่าเจอกูกลับลนลานทิ้งกระบี่ “ไม่ ไม่ อย่าฆ่าข้า…พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าจะให้หมด!”

 

 

โจวอวี่บันดาลโทสะ ถีบใส่เอวของเหล่าเจอกู กระบี่ในมือพาดคอเขาไว้ “มารดามันเถิด จงหุบปากให้ข้า ไอ้หญ้าลู่ลม!”

 

 

แต่เขาด่าไม่ทันขาดคำ ธนูดอกหนึ่งก็หลุดจากแล่งเสียบทะลุแขนของโจวอวี่ เขาร้องเสียงหนักๆ คราหนึ่ง กระบี่ในมือก็ร่วงลงอย่างควบคุมมิได้

 

 

“พอแล้ว!” ชิวเยี่ยไป๋ตวาดใส่เหมยซูอย่างขุ่นแค้น

 

 

เหมยซูโบกมือให้พวกพลธนูที่น้าวศรแล้วให้ถอยออกไป ยังคงยิ้มน้อยๆ “ว่าอย่างไร คิดดีแล้วหรือยัง”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หลับตาลงแล้วคลายมือ ดาบกระบี่ร่วงลงพื้นทันที พวกทหารที่ล้อมนางไว้พากันถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวเข้าหานางช้าๆ

 

 

รอยยิ้มที่มุมปากของเหมยซูขยายขึ้นช้าๆ ยื่นมือให้ชิวเยี่ยไป๋ “ชายสี่เชิญ…”

 

 

ทว่าไม่ทันสิ้นเสียง จู่ๆ ชิวเยี่ยไป๋ก็หันไปชิงดาบของทหารที่อยู่ข้างนางเดิมทีทหารพวกนี้ระวังฝีมือของนางอยู่แล้ว ยามนี้เห็นนางจู่ๆ ก็ลงมือจึงตกใจจนหน้าถอดสี ดาบกระบี่ในมือพากันแทงใส่ชิวเยี่ยไป๋

 

 

ดูเหมือนชิวเยี่ยไป๋จะหมดแรงแล้ว และดูเหมือนจะหลบไม่พ้นเพราะระยะประชิด นางจึงไม่หลบแต่ทั้งร่างแข็งเกร็ง มือหนึ่งกุมดาบกระบี่พวกนั้นไว้อีกมือกุมหน้าท้องตนเองร่างโงนเงน เสียง จ๋อม ดังขึ้น นางถึงกับถูกพวกทหารแทงจนตกลงในน้ำ

 

 

เหมยซูตัวแข็งในพริบตา เขานึกไม่ถึงว่าจะเกิด ‘อุบัติเหตุ’ เช่นนี้

 

 

เขาเพิ่งจะรวบแหจับ ‘พญาเหยี่ยวไห่ตงชิง’ ตัวนี้ได้ กลับถูกอาวุธของพวกโง่ทิ่มจนตกน้ำ!

 

 

พริบตานั้นเหมยซูเย็นเยือกในอก ตวาดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ไอ้พวกเฮงซวย ถ้าเขาเป็นอะไรไป พวกเจ้าจงรอความตาย!”

 

 

น้ำเสียงที่นุ่มนวลเสมอมาพลันเปลี่ยนไป ฟังแล้วเสียดหูและเปี่ยมด้วยความเย็นเยียบของจิตสังหาร ทำเอารองพ่อบ้านตัวสั่นงันงกอย่างอดมิได้

 

 

พวกทหารได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครคิดถึงว่าพวกเขาถึงกับแทงคนตกน้ำได้ และผู้เป็นนายกลับโกรธกริ้วปานนี้ เมื่อครู่ยังสั่งให้ฆ่าชิวเชียนจ่งคนนี้มิใช่หรือ ทำไมถึงเปลี่ยนใจเล่า

 

 

แต่เหมยซูยามนี้ ไม่มีกะจิตกะใจจะจัดการกับพวกงี่เง่าที่ทำลายแผนของตน ตวาดต่อ “ยังไม่รีบลงไปช่วยอีก!”

 

 

พวกทหารงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพากันกระโดดลงน้ำทันที เพื่อจะไปควานหาคนที่ถูกพวกตนแทงตกน้ำ!

 

 

จากนั้นเขาก็ตบบ่าเยียนหนู เป็นเชิงให้พาเข้าใกล้ริมน้ำทันที

 

 

เยียนหนูแบกผู้เป็นนายถึงริมน้ำอย่างเงียบงัน เดิมก็เป็นยามราตรีอยู่แล้ว และยังเป็นในถ้ำด้วย แม้จะมีแสงจากคบเพลิงที่ส่องจนสว่างทั้งถ้ำ แต่ในน้ำมืดมนอนธการ เห็นแต่ระลอกน้ำเท่านั้น

 

 

ดวงตาเหมยซูฉายแววเสียดายและกลัดกลุ้มอารมณ์สับสนเห็นชัดๆ

 

 

ว่าจะได้ตัวอยู่แล้วเชียว!

 

 

ตั้งแต่รับตำแหน่งสืบทอดของตระกูลเหมยเมื่ออายุสิบหก อะไรก็ตามที่ผ่านมือเขาแทบจะไม่เคยพลาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพลาดพลั้งครั้งใหญ่เช่นครั้งนี้

 

 

เขาทนไม่ไหวจึงตบบ่าเยียนหนู ส่งสัญญาณให้วางตนลง ก้มศีรษะจะดูให้ชัด

 

 

แต่เยียนหนูเพิ่งจะก้มตัวลงเพื่อให้เขาลงจากบ่า เหมยซูเห็นระลอกน้ำดำสนิท พลันความรู้สึกไม่ปลอดภัยวาบขึ้นในหัว

 

 

ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนมีบางอย่างไม่ปกติเสียแล้ว!

 

 

พริบตานั้นทุกอย่างร้อยเรียงกันในหัวรอบหนึ่ง

 

 

หลังชิวเยี่ยไป๋ตกน้ำแล้ว ดูเหมือนขาดอะไรไปอย่าง…

 

 

ขาดอะไรหรือ

 

 

เขากวาดตาอย่างไม่ใส่ใจผ่านทหารนายหนึ่งที่กุมแผลตรงไหล่แสยะปากอย่างเจ็บปวด ความคิดพลันวาบขึ้นในสมอง เขารู้แล้วว่าขาดอะไรไป!

 

 

เลือด!

 

 

ขาดเลือด!

 

 

อาวุธที่ทหารพวกนั้นถืออยู่ ไม่มีรอยเลือดเลยสักหยด!

 

 

ฝีมือระดับชิวเยี่ยไป๋ ถึงกับถูกคนถีบตกน้ำง่ายๆ

 

 

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้

 

 

แล้วทำไมจึงต้องตกน้ำ!

 

 

ถ้าเขาจำไม่ผิด ชิวเยี่ยไป๋ว่ายน้ำเก่งมาก

 

 

สายตาของเหมยซูพลันจ้องมองบนผิวน้ำที่เป็นระลอก พริบตานั้น กลิ่นอายเย็นเยือกของไอน้ำทำให้เขารู้สึกถึงกลิ่นของอันตราย!

 

 

นั่นนะสิ ทำไมจึงตกน้ำ…ก็เพื่อรอนาทีนี้ นาทีที่เขาให้เยียนหนูปล่อยลง แล้วยืนก้มมองระลอกน้ำนี้!

 

 

“เยียนหนู อุ้มข้าขึ้น!” เหมยซูตวาด ทว่า…ไม่ทันการเสียแล้ว

 

 

เยียนหนูกำลังก้มศีรษะในท่าที่ปล่อยให้เหมยซูลงจากบ่า เห็นกับตาว่าปลายเท้าของผู้เป็นนายกำลังจะสัมผัสกับพื้น พลันได้ยินเสียงผู้เป็นนายสั่งเขา เยียนหนูร่างใหญ่โตอยู่แล้ว การเคลื่อนไหวจึงไม่คล่องแคล่วนัก จึงยั้งไว้และคิดจะแบกเจ้านายขึ้นบ่าอีกครั้ง