บทที่ 557 จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่นอน / บทที่ 558 อาจารย์พูดถูก

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 557 จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่นอน

ขณะที่กำลังพูด ประตูห้องประชุมถูกผลักให้เปิดออกเบาๆ มีเงาหนึ่งผ่านเข้ามา

“คุณหนูฉินรั่วซี”

เมื่อเห็นผู้ที่มา หัวหน้าบอดี้การ์ดทีมย่อยให้ห้องต่างรีบทำความเคารพ

หลิวอิ่งรีบยืนขึ้น เอ่ยว่า “คุณหนูฉินรั่วซีเชิญนั่งครับ”

“ไม่ต้องหรอก” ฉินรั่วซียิ้ม “ตำแหน่งที่นั่งของหัวหน้าบอดี้การ์ด ฉันไปนั่งซี้ซั้วได้ยังไง”

ฉินรั่วซีกล่าวจบ ก็นั่งลงข้างหลิวอิ่ง

ด้านหลังฉินรั่วซี มีชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาดุดันคนหนึ่ง และเป็นคนสนิทของหลิวอิ่งชื่อว่าหยวนเซิง หนึ่งในสมาชิกบอดี้การ์ดลับ

ช่วงนี้ หยวนเซิงคอยตามอยู่ข้างกายฉินรั่วซีเพื่อฝึกฝน และเป็นความต้องการของฉินรั่วซีกับหลิวอิ่ง เพื่อให้หยวนเซิงชิงตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อย 1 ในปีนี้ และเตะสืออีลงเวทีไป

“หยวนเซิง นายคอยติดตามข้างกายคุณหนูรั่วซีได้เรียนรู้ไปถึงไหนแล้ว?” หลิวอิ่งมองชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาดุดันพลางเอ่ยถามขึ้น

“หัวหน้าใหญ่ ฝีมือของคุณหนูรั่วซีเก่งมาก อีกทั้งยังสอนอย่างเป็นแบบแผน การแข่งขันชิงตำแหน่งครั้งนี้ คิดว่าคงไม่ต้องรบกวนหัวหน้า แค่ผมก็สามารถจัดการสืออีได้แล้ว” ชายหนุ่มหน้าตาเย็นชากล่าวตอบ พลางมองฉินรั่วซีด้วยสายตาเทิดทูนอย่างเต็มเปี่ยม

เพราะได้รับผลกระทบจากหลิวอิ่ง ในใจของคนเหล่านี้จึงมองฉินรั่วซีว่าเป็นว่าที่นายหญิงตระกูลซือมาตั้งนานแล้ว

“หลิวอิ่ง นายก็ไม่ต้องคิดมาด ครั้งนี้คุณเก้าแค่โมโหไปชั่วขณะ ถึงได้ให้สืออีมารับตำแหน่งแทนนาย นับว่าเป็นบทลงโทษเล็กน้อยให้กับนาย ต่อไปอย่าได้ทำผิดแบบนี้อีก หลังจากการทดสอบครั้งนี้ ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ยังคงเป็นของนาย” ฉินรั่วซีมองหลิวอิ่งพลางกล่าว

ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของหลิวอิ่งพลับแวบด้วยความมืดมน “คุณหนูรั่วซี ผมไม่เข้านายท่านเลย มีคุณอยู่ข้างนายท่านแล้วยังไม่พออีกเหรอ…ทำไมนายท่านกลับไปหลงใหลแจกันประดับได้?”

ทันใดนั้น ฉินรั่วซีขมวดคิ้ว “หลิวอิ่ง อย่าพูดจาไร้สาระ คุณเก้ามีความคิดเป็นของตัวเอง”

“ความคิด?” หลิวอิ่งส่ายศีรษะ “ก่อนหน้านี้ นายท่านฉลาดปราดเปรื่องมากแค่ไหน ภารกิจที่ของพวกเราเหล่าบอดี้การ์ดล้วนเป็นภารกิจระดับสูง แต่ว่าตอนนี้ กลับให้พวกเราไปร้านเหล้า คุ้มครองเยี่ยหวันหวั่นคนนั้น! ถ้าหากวันนั้นไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของนายท่าน เธอลงมือกับผม มีหรือที่ผมจะปล่อยเธอไว้!”

พูดมาถึงตรงนี้ แววตาเย็นชาของหลิวอิ่งเป็นประกายวาบ

“หลิวอิ่ง นายพูดมากเกินไปแล้ว” ฉินรั่วซีเอ่ย

“คุณหนู่รั่วซี! คุณน่ะหัวอ่อนเกินไปแล้ว!” หลิวอิ่งโมโห “ที่ผมพูดเป็นความจริงทั้งนั้น เยี่ยหวันหวั่นนั่นเป็นใคร เธอเอาอะไรมาสู้กับคุณ?! ถ้าหากในอนาคตให้เธอมาเป็นนายหญิงตระกูลซือจริงๆ ตระกูลซือคงโกลาหลจนฟ้าถล่มดินทลาย! เพราะว่าคุณยอม ทำให้เยี่ยหวันหวั่นนั่นเหิมเกริมขึ้นทุกวัน คุณหนูรั่วซี คุณควรจะทำให้เธอเข้าใจซักทีว่า ในตระกูลซือแห่งนี้ ใครกันแน่ที่เป็นนายหญิงตัวจริง คนที่นายท่านเป็นห่วงคือใครกันแน่ นายท่านถูกผู้หญิงคนนั้นปิดตาเอาไว้ คุณหนูรั่วซี คุณควรจะลุกขึ้นมา…”

“หัวหน้าหลิวอิ่งพูดดีมาก ก่อนหน้านี้ภารกิจของพวกเราคืออะไร ไม่กี่วันก่อน ไม่ใช่ว่านะ นายท่านให้หัวหน้าไปร้านเหล้ากับหัวหน้าเพื่อคุ้มครองผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเมาอาละวาดทำร้ายคนไปทั่ว สุดท้าย คนที่โดนลงโทษกลับเป็นหัวหน้าหลิวอิ่ง เพราะอะไร?” หัวหน้าทีมย่อย 3 พูดสนับสนุน

ฉินรั่วซีขมวดคิ้ว “หลิวอิ่ง ถ้านายโกรธ ก็ไประบายในการแข่งชิงตำแหน่งครั้งนี้ ต่อไป คำพวกนี้พูดออกมาให้น้อยหน่อย ถ้าหากคุณเก้าได้ยินเข้า แม้แต่ฉันก็ปกป้องนายไว้ไม่ได้”

“คุณหนูรั่วซี…”

หลิวอิ่งยังอยากพูดอะไรอีก กลับถูกฉินรั่วซีโบกมือตัดบท “ฉันเชื่อว่าคุณเก้าทำอะไร ย่อมมีเหตุผลของเขาแน่นอน”

………………………………………………………

บทที่ 558 อาจารย์พูดถูก

เห็นว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ฉินรั่วซียังปกป้องนายท่านขนาดนี้ เทียบกันแล้ว ความอคติที่มีต่อเยี่ยหวันหวั่นของบอดี้การ์ดทุกคนในห้องประชุมแทบจะพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

“ตอนนี้ ทีมย่อย 1 แทบจะหันไปอยู่ทางเยี่ยหวันหวั่นทั้งหมด ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ถึงเวลาต้องสะสางทีมย่อย 1 ซะแล้ว” หลิวอิ่งมองหยวนเซิง “หยวนเซิง นายติดตามเรียนรู้จากคุณหนูรั่วซีมาสักพักแล้ว ครั้งนี้อย่าทำให้คุณหนูรั่วซีผิดหวังล่ะ ตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อย 1 จะต้องคว้ามาให้ได้”

ได้ยินดังนั้น หยวนเซิงพยักหน้าแล้วรำคำอย่างจริงจัง “หัวหน้าวางใจได้ สืออีคนนั้น ไม่ได้มีความสามารถอะไรอยู่แล้ว จะจัดการเขานั้นง่ายเหมือนยกมือ”

“ดี” หลิวอิ่งพยักหน้า ลุกขึ้นยืนเดินไปทางหน้าต่าง มองไปทางห้องฝึกซ้อมของทีมย่อย 1 ที่ช่วงนี้พัฒนาขึ้นมานิดหน่อย แล้วเอ่ยด้วยสียงหัวเราะเย็นชา “สืออี…แกคิดจริงๆ หรือว่านายท่านจะริบตำแหน่งหัวหน้าบอดี้การ์ดจากฉันเพราะผู้หญิงคนนั้น? คำนับเยี่ยหวันหวั่นเป็นอาจารย์…ตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อย 1 ของแก ก็นับว่าถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว ฉันจะรอดูสิว่า แจกันดอกไม้ขวดนั้น จะสอนอะไรแกได้!”

ในขณะเดียวกัน ณ ห้องซ้อมทีมย่อย 1

“ปัง!”

“ตึ้งตั้ง!”

เงาร่างสองร่าง กระเด็นลอยไกลแล้วตกจากเวทีอย่างแรง

“อาจารย์ ขออีกที!” สืออีที่หน้าบวมตาเขียววิ่งขึ้นเวทีไปอีกครั้ง

“อะ…อา…อา…อาจารย์…ผะ…ผม…อยาก…อยากพัก…พักผ่อน…” หนุ่มหน้าใสลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างเวที เอ่ยตะกุกตะกัก

“หยุด…เจ้าติดอ่าง นายจะบอกว่า อยากพักแป๊บหนึ่งใช่ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นซับเหงื่อที่ผุดบนหน้าผาก

“ชะ…ใช่…ใช่ครับ…อาจารย์…พูด…พูดถูก!” เจ้าติดอ่างพยักหน้าเล็กน้อย

เจ้าติดอ่างไม่ใช่ชื่อของเขา แต่ว่าตั้งแต่เข้าทีมบอดี้การ์ดตระกูลซือมา ทุกคนก็เรียกเขาว่าเจ้าติดอ่าง ส่วนชื่อจริงของเขาไม่เคยมีใครถามถึง

“เจ้าติดอ่าง นายไปพักก่อน” สืออีได้แต่ทำแบบนี้

ช่วงเวลาหลายวันติดต่อกัน ทุกวันนอกจากกินข้าวอาบน้ำแล้ว สืออีกับเจ้าติดอ่างล้วนขลุกอยู่ในห้องซ้อมทีมย่อย 1 แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ห่างออกไปสักก้าว

เพียงแต่ เยี่ยหวันหวั่นเองก็ไม่ได้บ่น ตอนแรกที่เข้ามาสัมผัสศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้สนใจมากนัก พอเวลาผ่านไป เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกสนใจขึ้นมา กลายเป็นว่าตอนนี้หากวันไหนไม่ได้ฝึกจะรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา

ถึงขนาดที่ว่า สืออีกับเจ้าติดอ่างอยากจะพักสักวันหรือครึ่งวัน เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ยอมให้ทั้งสองไป

เพียงแต่ช่วงนี้สืออีกับเจ้าติดอ่างพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว นับว่าฝีมือแตกต่างไปจากก่อนที่จะคำนับเยี่ยหวันหวั่นเป็นอาจารย์เหมือนเป็นคนละคน

“อาจารย์ รับมือ!”

สืออีตะโกน แขนขวาเคลื่อนไหวอย่างอิสระกลางอากาศราวกับงู จากนั้นเป็นฝ่ามือเป็นกรงเล็บ พุ่งตรงเข้าไปที่ลำคอของเยี่ยหวันหวั่น

เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ไม่ไกล ไม่ขยับเขยื้อน

“ได้การล่ะ”

เห็นดังนั้น สืออีพลันดีใจ

จากนั้น ขณะที่ใบหน้าของสืออีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เยี่ยหวันหวั่นกลับอาศัยสัญชาตญาณหลบไปทางซ้าย ทำให้กรงเล็บของสืออีพลาดเป้า

“อะไรกัน!”

สืออีตกใจ

และฉวยโอกาสขณะที่สืออีกำลังตกใจ ขาซ้ายของเยี่ยหวันหวั่นวาดเตะออกไปราวมังกรเจียวหลง

“พลั่ก”

“โอ๊ย!”

สืออีร้องด้วยความเจ็บปวด ถูกเยี่ยหวันหวั่นเตะกระเด็นลอยออกไปราวเจ็ดถึงแปดเมตร

“สืออี นายทำอะไรน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วต่อว่า

“อาจารย์…ผม…” สืออีรู้สึกละอายใจ

“บอกแล้วใช่ไหมว่า เวลาประลองต้องตั้งใจ อย่าให้อารมณ์อื่นใดมาทำให้วอกแวก ความดีใจ ความโกรธ หรืออารมณ์ใดๆ ของนาย ต้องซ่อนเอาไว้ให้หมด นอกเสียจากการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ ถึงจะเปิดเผยออกมาได้ ไม่อย่างนั้น แค่จุดอ่อนเล็กๆ จุดหนึ่งก็เอาชีวิตนายได้!” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

อันที่จริง เรื่องพวกนี้ เธอก็พูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง

ทุกครั้งที่ประลองกับสืออีและเจ้าติดอ่าง ใจของเธอไม่มีสิ่งใดรบกวนแม้แต่น้อย มีเพียงแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถมองเห็นโอกาสชนะ และยิ่งสามารถวิเคราะห์ท่วงท่าและความคิดของศัตรูได้อย่างมีสติ

………………………………………………