ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1334 –  วันเกิดของผู้อาวุโสแห่งตระกูลอี่หวง, ศักยภาพแห่งบะหมี่ชีวิตยืนยาว

 

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตระกูลอี่หวง’ ชิงสุ่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อย เป็นเพราะพวกเขาเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ปกครองทั่วทั้งอาณาจักรแห่งนี้ อาณาจักรในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำเทียบขนาดได้กับทวีปๆหนึ่งในห้ามหาทวีปเลยทีเดียว แต่สิ่งทำสำคัญไปกว่านั้นคืออาณาจักรแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ.

 

ถ้าอี่หวงกู่หวู๋ไม่ได้เล่าถึงความเป็นมาของนาง เขาคงไม่มีเรื่องให้คิดเยอะขนาดนี้ ดังนั้นเขาคงทำอะไรไม่ได้มากมาย ส่วนตัวเขาเองไม่มีปัญหาอะไรในการรักษาให้กับคนในตระกูลอี่หวง แต่เรื่องเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถตัดสินใจเองได้ เพราะอี่หวงกู่หวู๋บอกเอาไว้ว่าอย่าไปรักษาให้กับคนในตระกูลอี่หวง แต่สิ่งที่เขาจะทำคือให้การรักษา แต่ไม่รักษาให้หายขาดทั้งหมด

 

ชิงสุ่ยและหมอปิศาจเดินออกมาจากห้องและตรงมายังห้องโถง มีชายวัยกลางคนสองคนนั่งรออยู่ที่ชั้นห้า อีกไม่นานนักชายทั้งสองคงจัดอยู่ในกลุ่มคนชราแล้ว

 

ทั้งสองสวมใส่ชุดคลุมสีม่วงลวดลายวิหคอัคคี กลิ่นอายอันทรงพลังถูกแผ่ออกมาและมีกลิ่นอายที่เหนือชั้นพุ่งออกมาอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ยและหมอปิศาจ พวกเขาทั้งสองยืนขึ้นและเผยให้เห็นรอยยิ้ม “ท่านหมอปิศาจ ท่านนี้คงเป็นหมอเทวดาชิง ช่างน่าอิจฉาจริงๆที่พวกวัยหนุ่มมีผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”

 

“ข้าไม่สมควรได้รับคำชมเชย ตระกูลอี่หวงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองอี่หวงแห่งนี้ มีผู้คนมากมายต่างอิจฉาพวกท่านทั้งสอง” ชิงสุ่ยยิ้ม พร้อมเดินต่อไปและส่งสัญญาณให้พวกเขานั่ง

 

มีคนเอาน้ำชามาออกมาให้ ซึ่งคนๆนั้นคือเหยาชูบิงนั่นเอง

 

บุคคลทั้งสองต่างส่งสัญญาณให้ชิงสุ่ยและหมอปิศาจนั่งลงเช่นกัน

 

“ข้าคืออี่หวงตูซุยและนี่คือพี่ของข้าอี่หวงตูซิง” ชายคนที่กำลังพูดอยู่มีผมสีดำแต่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยราวกับว่ามันปลิวไสวไปมาแม้จะไม่มีลมพัดผ่าน

 

ชิงสุ่ยตกตะลึงเล็กน้อย ชื่อของเขามีตัวอักษรอยู่มากมาย ในตระกูลอี่หวงในรุ่นอี่ห่วงกู่หวู๋ทุกๆคนมีนาม ‘กู่’ อยู่ในชื่อ แต่ในรุ่นถัดมามีคำว่า ‘ตู’ อยู่ในชื่อแทน อย่างไรก็ตามอี่หวงกู่หวู๋ถือว่ามีอายุน้อยที่สุดในรุ่นของนาง และนั่นทำให้นางมีอายุที่ห่างกับคนจากรุ่น ‘ตู’ อยู่มาก เป็นเพราะตระกูลอี่หวงเป็นตระกูลที่ใหญ่มากและมีผู้คนมากมาย

 

“เป็นชื่อที่ดี ข้าอยากทราบว่าเหตุใดท่านทั้งสองจึงมาที่นี่ในวันนี้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวถาม

 

“ข้าจะขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ตระกูลอี่หวงรู้สึกว่าท่านหมอเทวดาชิงมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมดังนั้นจึงอยากเชิญชวนท่านให้มาร่วมมือกับพวกเรา อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธไปได้โปรดฟังพวกข้าก่อน ท่านจะได้ทุกสิ่งที่ปราถนาตราบเท่าที่กล่าวมันออกมา ตระกูลอี่หวงจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำมันให้สำเร็จ ท่านสามารถกล่าวออกมาได้ทุกเงื่อนไขตามความพึงพอใจของท่าน” อี่หวงตูซุยยิ้มและกล่าว

 

ช่างบ้าบอสิ้นดี! เมื่อมาคิดว่าพวกเขาจะยอมทำตามทุกเงื่อนไข แต่ช่างน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเอ่ยปากออกมาแล้ว เขาจะลองคุยด้วยเสียหน่อย เมื่อถึงเวลานั้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง ตระกูลอี่หวงคงเกิดความวุ่นวายโดยอี่หวงกู่หวู๋

 

“เงื่อนไขของข้าง่ายดายนัก ช่วยข้าตามหาใครบางคน ถ้าหากพวกท่านสามารถหาตัวเขาพบ พวกเราจะพูดคุยถึงความร่วมมือต่อกัน อย่างไรก็ตามดั่งที่ข้าได้กล่าวไป ถ้าหากพวกท่านไม่สามารถหาตัวได้พบ ข้าจะไม่ทำงานกับพวกท่าน ข้าทำหน้าที่เป็นหมอ ดังนั้นข้าจะไม่ทำสิ่งที่เป็นอันตรายแก่ผู้อื่นและเป็นอิสระต่อพวกท่านที่จะเลือกรักษาใครก็ได้ ข้าให้คำมั่นว่าจะช่วยรักษาเพียงหนึ่งคนภายในหนึ่งเดือน จำนวนนี้ไม่สามารถเพิ่มเติมได้ แต่เนื่องด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าพวกท่านสามารถใช้สิทธิ์ล่วงหน้าได้” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกมา

 

คำพูดของชิงสุ่ยทำให้หมอปิศาจถึงกับต้องถอยหลังกลับ ในตอนแรกเขาคิดว่าชิงสุ่ยจะปฏิเสธมันออกไป และไม่ได้คาดคิดว่าชิงสุ่ยจะยอมรับได้ อย่างไรก็ตามหมอปิศาจเชื่อถือในตัวชิงสุ่ยและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

 

“ตราบเท่าที่บุคคลนั้นอยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ข้ามั่นใจว่าจะตามหาบุคคลนั้นให้พบได้” อี่หวงตูซุยกล่าว

 

“ข้ารู้เพียงว่าบุคคลนั้นอยู่ในสามมหาทวีปที่เหลือ อาจจะไม่ได้อยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ถ้าหากมันง่ายถึงเพียงนั้น ข้าคงไม่ยื่นข้อเสนอออกไป?”

 

อี่หวงตูซิงรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยแต่ยังคงเก็บเงียบ

 

“อ้ะ? คนๆนั้นเป็นใคร? มีข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่?” เช่น รูปวาดของเขา สถานที่คร่าวๆ ความสามารถของเขา…

 

ชิงสุ่ยหยิบรูปวาดของเหยียนจงเยว่ออกมาและชูขึ้น “เขาคือคนๆนี้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก พวกท่านเริ่มงานกันได้เลย”

 

รูปวาดของเหยียนจงเยว่ช่างคล้ายกับชิงสุ่ยยิ่งนัก แต่ก็ชัดเจนว่าพวกเขาคือคนละคนกัน ในขณะที่กำลังดูรูปวาด อี่หวงตูซิงเข้าใจในทันทีว่าบุคคลนี้มีอยู่จริง ไม่ใช่การที่ชิงสุ่ยเอารูปออกมามั่วๆแล้วให้พวกเขาออกตามหาอย่างยากลำบาก

 

“ชายในรูปวาดนั่นช่างดูคล้ายกับหมอเทวดาชิง” อี่หวงตูซุยยิ้มและกล่าว

 

“ถ้าเป็นเรื่องของสายเลือดแล้ว ข้าคงต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อ แต่ข้าไม่เคยพบเขามาก่อนและนั่นเป็นเหตุที่ข้าอยากตามหาเขา” ไม่มีความรู้สึกของสายใยอยู่ในคำพูดของชิงสุ่ยและคนอื่นอาจมองว่าพวกเขาเป็นศัตรูกันเสียด้วยซ่ำ ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกอึดอัดและไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไรออกมา

 

“นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงอยู่ที่นี่ คงจะดีมากถ้าหากพวกท่านสามารถให้ข้อมูลของเขาแก่ข้าได้” ถึงจะเป็นเรื่องยากที่ความช่วยเหลือจะมาถึงในเร็ววันนี้แต่พวกเขาก็เป็นถึงตระกูลใหญ่คงมีความสามารถในการค้นหา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์โดยไม่ต้องลงมือเอง… ราวกับเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยก่อนหินเพียงก้อนเดียว

 

“ตกลง ข้าขอยอมรับเงื่อนไขของหมอเทวดาชิง แต่ในตอนนี้มีใครบางคนในตระกูลอี่ห่วงที่กำลังรอความช่วยเหลือจากท่าน ไม่ทราบว่าท่านสะดวกหรือไม่? ”

 

“แน่นอน!”

 

ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวตอบ เขารู้ดีว่าตระกูลอี่หวงจะต้องเชื้อเชิญและคงไม่อาจปฏิเสธได้ มนุษย์ทุกคนควรจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ แต่จะดีกว่านั้นถ้าสามารถใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันได้

 

“หมอเทวดาชิง ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของผู้อาวุโสและคนๆนั้นคือคนที่ต้องการได้รับการรักษา จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากท่านสามารถเดินทางมาได้ในวันพรุ่งนี้?” อี่หวงตูซิงและกล่าว

 

ชิงสุ่ยพยักหน้า “ถ้าหากว่าเป็นวันเกิดของผู้อาวุโสแห่งตระกูลท่านแล้ว ดังนั้นข้าจะเดินทางไป”

 

เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลอี่หวงถือเป็นกลุ่มชนชั้นนำและชิงสุ่ยยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะลุกขึ้นต่อกร อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ต้องการคล้อยตามไปตลอดเช่นคนขลาด เมื่อเขาเอาตัวเขาไปเล่นด้วยแล้ว เขาจะค่อยๆดำเนินการอย่างช้าๆ ตระกูลอี่ห่วงคงจะไม่สามารถทะนงตนได้ตลอดไป

 

อี่หวงตูซุยและอี่หวงตูซิงเดินทางกลับไป มันเป็นวันเกิดของผู้อาวุโสแห่งตระกูลอี่หวงและคนๆนั้นเป็นบุคคลที่ต้องการได้รักการรักษา ชิงสุ่ยคิดไม่ตกว่าหากเขาเป็นคนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจที่มีการดำรงอยู่ในตระกูลอี่หวงหรือไม่แต่ความเป็นไปได้คงมีอยู่น้อยมาก

 

มีอีกเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยตัดสินใจเดินทางไปนั่นคือการนำมาซึ่งความมีชื่อเสียง เขาจะต้องไปเพื่อยกระดับตัวเองให้มากขึ้น เขาจำต้องทำให้ทุกคนๆรู้ถึงการมีอยู่ของเขา

 

 

วันถัดมาชิงสุ่ยและหมอปิศาจไม่ได้รีบออกเดินทางไปยังตระกูลอี่ห่วง พวกเขามาถึงในเวลาก่อนเที่ยง มีผู้คนอยู่มากมายอยู่ในที่แห่งนี้ ทุกๆคนล้วนเป็นชนชั้นสูง

 

อี่หวงตูซุยและอี่หวงตูซิงกำลังกวาดตามองหาใครบางคนอยู่และมันคือชิงสุ่ยที่ปรากฏออกมา ทุกๆคนในตระกูลรู้ดีว่าพวกเขากำลังรอแขกพิเศษบางคนอยู่

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นอี่หวงตูซุย, อี่หวงตูซิง รวมถึงคนอื่นๆในตระกูลอี่หวงต่างรีบออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ชิงสุ่ยกำลังถือสิ่งของแสดงคำอวยพรที่ถูกคลุมไปด้วยผ้าปักและไม่มีเศษฝุ่นแตะอยู่เลย

 

ชิงสุ่ยยิ้มและให้การทักทายอี่หวงตูซุยและคนอื่นๆ จากนั้นเขาเดินไปยังจุดที่มองเห็นได้ชัดที่สุด ชายชราผู้องอาจนั่งอยู่บนนั้น ชายชราผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สวมใส่รอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า เขาดูเหมือนกับภูเขาที่สูงส่งเลยทีเดียว

 

ผู้อาวุโสแห่งตระกูลอี่หวงไม่ได้ลุกขึ้นยืน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา ทุกๆคนรู้ดีว่าเขาสมควรจะนั่งอยู่ที่นั่น ซึ่งสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลอี่หวงได้แสดงมารยาทที่ดีต่อชิงสุ่ยแล้ว “ขอให้ท่านผู้อาวุโสมีอายุมั่นขวัญยืนตลอดไป!” ชิงสุ่ยยิ้มและวางสิ่งของแสดงคำอวยพรบนโต๊ะของผู้อาวุโส

 

“หมอเทวดาชิงช่างสง่างามไม่เหมือนใครจริงๆ!” ชายชรายิ้มและกล่าว

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าชายชราพยายามจะบอกว่าเขาชอบทำตัวให้เด่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจและยิ้มกลับไป “เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสแล้ว ข้าเป็นเพียงแสงสลัวๆที่เทียบกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่เฉิดฉายเท่านั้น ก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยบางคนที่อยู่ในอาการวิกฤตทำให้พวกเราต้องล่าช้า ต้องขออภัยทุกท่านจริงๆ”

 

“ชื่อเสียงของท่านในฐานะหมอช่างเป็นของจริง หมอเทวดาชิง วันนี้เป็นวันเกิดของข้าและก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของข้าเช่นกัน ท่านจะช่วยยืดอายุไขของข้าได้หรือไม่?” ชายชรายิ้มให้และกล่าวออกไปตรงๆ

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ยังคงร้อยยิ้มเอาไว้และกล่าวไปว่า “ข้าได้ให้คำอวยพรแก่ผู้อาวุโสไปก่อนหน้าแล้วนี่คือบะหมี่ชีวิตยืนยาวและสามารถกินได้เฉพาะในวันเกิดเท่านั้น เมื่อกินไปหนึ่งชามจะทำให้มีอายุยืนยาวหนึ่งปี”

 

เมื่อผู้อาวุโสจากตระกูลอี่หวงได้ยินคำกล่าวของชิงสุ่ย เขาได้เดาเอาไว้แล้วว่าคงเป็นบะหมี่อายุยืนยาว อย่างไรก็ตามเขายังไม่เชื่อในเรื่องนี้ แต่เวลาของเขามีไม่มากแล้วทำได้เพียงแค่ต้องลองกินเท่านั้น

 

ผู้อาวุโสอี่ห่วงค่อยๆเอาผ้าคลุ่มออกจากถ้วยชามอันนั้น มันเป็นชามดินเผาสีขาวที่ประดับประดาอย่างสวยงามและมีลายของวิหคอัคคีประดับอยู่ และบนฝาชามมีรูปวิหัคอัคคีตัวเล็กๆอีกตัวประดับไว้เช่นกัน

 

ดวงตาของชายชราเป็นประกาย แม้ว่าชายชราผู้นี้จะเป็นคนถือมันเอาไว้ ถ้วยชามอันนี้ก็ยังคงดูเปล่งประกายอยู่ แน่นอนมันต้องเป็นเพราะหมอเทวาดาหนุ่มผู้นี้

 

ชายชราค่อยๆเปิดฝาชามออก ไอร้อนข้างในค่อยๆเผยออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ หลายๆคนถึงกับต้องตกตะลึง เป็นเพราะบะหมี่ชีวิตยืนยาวมีอยู่เพียงไม่กี่ชามเท่านั้นที่เคยปรากฏออกมาและมีเพียงไม่กี่คนที่เคยได้ลิ้มลองมันที่หอคอยจักรพรรดิ แต่ผลลัพธ์ที่เคยได้ยินมาก็ไม่เท่าสิ่งที่ได้เห็นด้วยตาในวันนี้ นี่คือบะหมี่ชีวิตยืนยาว สัญลักษ์แห่งความมีชื่อเสียง สถานะ และฐานะอันมั่งคั่ง

 

“หอมจริงๆ!” แม้แต่ผู้อาวุโสอี่หวงก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้

 

“ท่านหมอเทวดาชิง บะหมี่ชีวิตยืนยาวนี้เป็นสิ่งอัศจรรย์จริงๆเช่นนั้นหรือ? เหตุใดท่านจึงไม่ปรุงมันออกมาเพิ่ม?” ชายชราถามอย่างสงบ

 

“ผู้อาวุโส ท่านจะทราบเองเมื่อท่านได้ลองลิ้มรส ถ้าหากท่านสามารถหาปลาชีพนิรันดร์ให้ข้าเพิ่มได้ ข้าก็จะสามารถปรุงมันออกมาได้อีกเช่นกัน ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ

 

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปลาชีพนิรันดร์คือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้” ชายชราจ้องมองไปยังชิงสุ่ยด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปมาก

 

“บุคคลๆหนึ่งสามารถกินบะหมี่ชีวิตยืนยาวได้กี่ชามกัน?” เป็นไปได้ไหมว่าบุคคลนั้นจะกินมันไปมากมายตราบเท่าที่หาปลาชีพนิรันดร์มาปรุงได้? นอกเหนือจากนั้นปลาชีพนิรันดร์มีข้อจำกัดในการกินหนึ่งถึ

งสองตัวจริงหรือไม่? ถ้าเขาได้กินมันไปก่อนแล้ว”

“ข้ารู้มาว่ามันให้ผลลัพธ์สูงสุดในการยืดอายุถึงห้าสิบปี ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่ามันจะมีผลกระทบอะไรบ้างหรือไม่” ชิงสุ่ยกล่าว

 

ชายชรามีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมพยักหน้าและหยิบบะหมี่ชีวิตยืนยาวขึ้นมากินต่อ

 

ชายชรารีบกินมันอย่างรวดเร็วและเพียงชั่วอึดใจเขาก็จัดการมันเสร็จเรียบร้อย เขาวางชามลงราวกับว่าจะขอเพิ่มอีก หลังจากนั้นเขาหลับตาลงราวกับกำลังพักผ่อน

 

ผู้คนทั้งหลายจ้องมองด้วยความสงสัย พวกเขากำลังรอคำกล่าวจากผู้อาวุโสอี่หวงหลังจากได้กินบะหมี่ชีวิตยืนยาวไป ในไม่นานนักผู้อาวุโสอี่หวงลืมตาขึ้นและมองไปยังชิงสุ่ย “มันเป็นสิ่งที่วิเศษจริงๆ แต่ข้ารู้มาว่าท่านยังมีวิธีอื่นๆอีกในการยืดชีวิตออกไป”

 

“ร่างกายของท่านถูกเติมเต็มไปด้วยสมบัติแห่งสวรรค์และโลกซึ่งนำพาร่างกายของท่านมาถึงขีดจำกัด ในตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีอื่นใด เว้นเสียแต่ว่าข้าจะบรรลุทักษะทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอีก ไม่ต้องกังวลไปข้ายืนยันว่าข้าสามารถยืดชีวิตให้ท่านออกไปอีกครั้งภายในห้าสิบปีนี้ ข้าจะบรรลุทักษะทางการแพทย์เพิ่มขึ้นให้ได้ภายในห้าสิบปี แต่ถ้าข้าโชคดีมันอาจะกินเวลาเพียงสิบปีเท่านั้น และโอกาสก็มีอยู่สูงมาก”

 

ชิงสุ่ยไม่มีอาการแสดงออกแต่อย่างใดเมื่อเขากำลังโกหก ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือการขับชายชราคนนี้ออกจากตระกูลอี่หวงด้วยบะหมี่ชีวิตยืนยาว เขาเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ตระกุลอี่ห่วงจะไม่ลงมือทำอะไรต่อเขาเพราะพวกเขาไม่รู้วิธีปรุงบะหมี่ชีวิตยืนยาว อีกทั้งมันคงเป็นไปได้ยากที่จะหาปลาชีพนิรันดร์มาได้อย่างทันเวลา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ไม่รู้วิธีปรุงบะหมี่ชีวิตยืนยาว

 

ชิงสุ่ยได้วางแผนเอาไว้ทุกอย่างแล้วตั้งแต่ได้พบกับชายชรา