ถังรั่วอิงเองก็รีบวิ่งตามออกไป เธอต้องได้เจอพี่ชาย!
โชคดีที่ซานเกอและพรรคพวกเปิดไฟฉายเพื่อออกตามหา และไม่ได้สนใจถังรั่วอิงที่ตามมาข้างหลัง
ถังรั่วอิงไล่ตามมาถึงหน้าผา เธอเห็นเด็กผู้หญิงยืนอยู่บนหน้าผาและไม่เห็นพี่ชายคนนั้นแล้ว
ซานเกอลูบหัวโล้นอย่างโกรธจัด ก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้น “บัดซบ เวรเอ๊ย…จับให้ได้สักคน เอาตัวเธอกลับ!”
หลังจากพูดจบ พวกผู้ชายก็รวมตัวกันมองเด็กหญิงตัวน้อยอย่างกระหายและจะเอาตัวเธอกลับ
เด็กผู้หญิงเองก็ตกใจกับสถานการณ์ ก่อนจะส่ายหัวและถอยหลัง จนกระทั่งถึงขอบหน้าผาก็ยังไม่หยุด และทันใดนั้นก็เหยียบอากาศแล้วร่วงลงไป
“กรี๊ด!”
ถังรั่วอิงมาทันแค่ได้ยินเสียงกรีดร้องเท่านั้น
เมื่อความคิดของเธอกลับมา ถังรั่วอิงก็ขมวดคิ้ว
ตอนนั้นที่เด็กผู้หญิงตกลงไปจากที่สูงขนาดนั้นคงตายไปแล้ว
และพ่อบุญธรรมก็รับเลี้ยงเธอเพียงเพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้ลักพาตัว และพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น หลายปีที่ผ่านมา พ่อบุญธรรมของเธอจงใจเลี้ยงดูเธอให้เป็นถังถัง และให้เธอเข้าใกล้ฮ่อหยุนเฉิงในเวลาที่เหมาะสม จุดประสงค์คือเพื่อล้มล้างตระกูลฮ่อกรุ๊ป
เธอไม่รู้ว่าบ้านตระกูลหลี่และบ้านตระกูลฮ่อมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน รู้เพียงแค่ว่าเธอรักฮ่อหยุนเฉิง
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอเห็นฮ่อหยุนเฉิง เธอก็ตกหลุมรักเขาอย่างอดไม่ได้
ดังนั้นเธอจะไม่ทำอะไรที่ทำร้ายฮ่อหยุนเฉิง!
…
เมือง Y
อู๋เทียนเหอนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยและอยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ
ซูฉิงฝังเข็มให้เขาตรงเวลาทุกวัน ดังนั้นสภาพขาขวาของเขาจึงไม่ได้แย่ลง
“ซูฉิง เทียนเหอเป็นไงบ้าง?” ดวงตาของยวี๋น่าเต็มไปด้วยความกังวล
ซูฉิงมีความชำนาญและฝังเข็มอย่างระมัดระวังให้กับอู๋เทียนเหอ “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันควบคุมอาการเขาตอนนี้ได้แล้ว อาการของเขายังถือว่าค่อนข้างคงที่ เมื่อวานนี้คุณอาฉียังบอกฉันว่าเขาจองตั๋วเครื่องบินไปเมือง A แล้ว พรุ่งนี้เราพาอู๋เทียนเหอกลับเมือง A ได้เลย”
“เยี่ยมไปเลย ฉันจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!” ยวี๋น่าเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ซูฉิงพยักหน้า เมื่อเห็นยวี๋น่าออกไปก็เริ่มจัดของของตัวเอง
“พรุ่งนี้พวกเธอจะกลับไปที่เมือง A เหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ในมือถือนิตยสารการเงิน แต่สายตากลับจับจ้องไปที่ซูฉิงซึ่งยุ่งอยู่ตลอดเวลา
“ใช่แล้วล่ะ อาการบาดเจ็บของอู๋เทียนเหอจะล่าช้าไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ซูฉิงเก็บของทุกอย่าง ก่อนจะมองกลับไปที่ฮ่อหยุนเฉิงและยิ้ม
ฮ่อหยุนเฉิงถึงกับใจสั่น
เขาวางนิตยสารในมือลงและเดินเข้าไปหาซูฉิง และพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปกับพวกเธอด้วย”
“ได้ไงล่ะ?” ซูฉิงส่ายหัว “นายอย่ากลับไปเลยดีกว่า ในเมื่อนายบอกว่าจะมาเมือง Y เพื่อสงเคราะห์ผู้ประสบภัย นายควรจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ถ้านายกลับไปเร็วถังรั่วอิงต้องสงสัยแน่”
“ทำไมเธอถึงไม่อยากอยู่กับฉัน” ฮ่อหยุนเฉิงเหยียดมือออก ก่อนจะมือใหญ่จะโอบรอบเอวเรียวบางของซูฉิง
ระยะห่างน้อยลง จนทำให้การหายใจของซูฉิงกระชับขึ้น
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาพ่นไปที่คอของซูฉิงจนจั๊กจี้
ซูฉิงรู้สึกเพียงร้อนผ่าวบนใบหน้า
ทำไมผู้ชายคนนี้ทำอะไรคลุมเครือแบบนี้นะ?
อู๋เทียนเหอยังอยู่ในห้องนะ!
ซูฉิงรีบดึงฮ่อหยุนเฉิงไปที่ทางเดินด้านนอกห้อง ก่อนจะพูดด้วยความไม่พอใจ “ฉันอยากอยู่กับนายแน่นอนสิ แต่เรื่องนี้สำคัญ นายลืมไปแล้วเหรอว่าหลินเจียต้งอาจเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของพ่อนาย และหลินเจียต้งตอนนี้ก็กำลังพึ่งหลี่เฉิงหยาง และถังรั่วอิงก็มีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับหลี่เฉิงหยางด้วย”
“เธอพูดถูก” เมื่อพูดถึงอุบัติเหตุของพ่อใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงก็แน่นิ่ง
ในฐานะลูกชาย เขามีหน้าที่ต้องค้นหาความจริงในตอนนั้น และเขาจะปล่อยให้พ่อเขาตายอย่างลึกลับไม่ได้
แต่ว่าเขาเองก็ไม่อยากแยกจากซูฉิง
ไม่เลยสักนิด!
ฮ่อหยุนเฉิงวางมือบนใบหน้าซูฉิงก่อนจะลูบใบหูของเธอ
เขาอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลงไปกดจูบริมฝีปากแดง มือที่โอบเอวของซูฉิงแน่นขึ้น ทั้งยังจูบอย่างอดทนและอ่อนโยน
“อื้อ…”
ซูฉิงที่ถูกฮ่อหยุนเฉิงจูบพยายามดิ้นรน แต่ในไม่ช้าเธอก็ติดอยู่กับการจูบและเริ่มตอบสนองต่อชายตรงหน้า
เมื่อรู้สึกถึงการตอบสนองของซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงก็ใจเต้นแรง
เขากดจูบให้แนบแน่นขึ้น
ลิ้นใหญ่สอดแทรกเปิดปากเล็กของซูฉิงก่อนจะแหย่เข้าไปลิ้มรสริมฝีปากแดงเหมือนเยลลี่ของผู้หญิงตรงหน้า
ความคุ้นเคยและสวยงามทำให้ฮ่อหยุนเฉิงไม่สามารถหยุดได้
เป็นเวลานานกว่าซูฉิงที่ถูกจูบจนเกือบจะหายใจไม่ออก ก่อนที่ทั้งสองจะผละออกจากกัน
ซูฉิงก้มศีรษะลง ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะความเขินอาย
ฮ่อหยุนเฉิงมองลงไปที่ซูฉิงที่กำลังอาย ก่อนจะกระตุกมุมริมฝีปากเซ็กซี่ขึ้นเล็กน้อย “เธอสังเกตไหมว่าเราสองคนเหมือนจะเข้ากันได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาจูบกัน?”
ซูฉิง: …
ชายคนนี้หน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ จนหนากว่ากำแพงเมืองไปแล้ว!
ซูฉิงกลอกตาใส่เขา “นี่โรงพยาบาลนะ นายนี่ไม่กลัวคนเห็นเลยนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้ว “เห็นแล้วทำไมล่ะ ฉันจูบภรรยาตัวเองแล้วมันทำไมล่ะ?”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยุดสองสามวินาที ก่อนที่ซูฉิงจะได้ทันพูดอะไร สองมือก็วางลงบนบ่าเธอและมองเธออย่างจริงจังพร้อมพูดว่า “ซูฉิง ฉันอยากให้เธอแต่งงานกับฉันพรุ่งนี้เลย ฉันรอไม่ไหวแล้ว”
ฮ่อหยุนเฉิงที่มักจะเย็นชา ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกที่ร้อนแรงและตรงไปตรงมาบ่อยนัก
มีเพียงต่อหน้าซูฉิงเท่านั้นที่เขาจะเป็นแบบนี้
ซูฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาที่ลึกล้ำของชายตรงหน้า
สิ่งที่เธอเห็นคือความจริงใจและตั้งใจจริงของฮ่อหยุนเฉิงที่มีต่อเธอ เพียงแต่…
ซูฉิงอ่อนลง ก่อนจะเผยรอยยิ้มจางๆ อีกครั้ง และจงใจพูดเยาะเย้ย “นายคิดได้ดีนี่ ตอนนี้จำเป็นต้องบรรเทาภัยพิบัติบนภูเขา จะไปมีเวลาคิดเรื่องนี้ได้ไง อีกทั้งเราต้องรอจนกว่าเราจะตกลงกันเรื่องถังรั่วอิงให้ได้แล้วค่อยว่ากัน ไม่ต้องรีบ”
ถังรั่วอิง?
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงหรี่ลงเมื่อนึกถึงเธอ แต่เขาก็ยังพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของซูฉิง
…
วันรุ่งขึ้น ซูฉิง ยวี๋น่าและคนอื่นก็ได้พาอู๋เทียนเหอกลับไปยังเมือง A
เมื่อก้าวขึ้นเครื่องบินและมองไปที่ฮ่อหยุนเฉิงที่มาส่ง ซูฉิงก็รู้สึกเศร้าอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“รอฉันนะ ฉันจะรีบกลับไป” ฮ่อหยุนเฉิงกดจูบหน้าผากของซูฉิง
ใบหน้าของซูฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดง “อื้ม”
เครื่องบินบินขึ้น ไม่นานก็ขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตลอดทั้งทาง ยวี๋น่าจังมืออู่เทียนเหอไว้แน่น
“เทียนเหอ เรากำลังไปเมือง A นะ ถึงตอนนั้นคุณอาฉีจะมาวินิจฉัยและรักษาให้ นายต้องกลับมาเป็นปกติแน่ อดทนไว้นะเข้าใจไหม?” ยวี๋น่ายังคงพูดต่อไป
เธอหวังว่าอู๋เทียนเหอจะได้ยินเธอและตื่นได้เร็วขึ้น
บางทีอู๋เทียนเหออาจได้ยินคำพูดของเธอจริงๆ และในตอนเที่ยงขณะที่ทุกคนผล็อยหลับไป มือของเขาก็ขยับขึ้น หลังจากนั้นอีกสิบวินาที เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นและเอ่ยถามอย่างอ่อนแรง “ที่นี่ที่ไหน?”
“เทียนเหอ! เทียนเหอ ในที่สุดนายก็ฟื้นแล้ว!” ยวี๋น่าตะโกนอย่างตื่นเต้น