“เส้นยาวประกายแดง ยาวเสียกว่าเส้นเลือดมนุษย์ สมุนไพรระดับเหลือง หญ้าประกายเลือดงั้นรึ”
เมื่อเห็นต้นหญ้าที่มีสี่ใบตรงหน้าที่ดูสีแดงฉานราวกับเส้นเลือดของมนุษย์ตรงหน้า ชื่อนี้ได้พุ่งเข้ามาในหัวของเจียงหยวนขึ้นมาในทันที
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ตัวเขาเองได้อ่านสุดยอดตำราจากทั่วแคว้น นี่จึงทำให้เขาจำแนกสมุนไพรนี้ได้ในทันที
เจียงหยวนที่เข้ามาถึงก้นถ้ำแล้ว เขามีท่าทางไม่ค่อยจะพอใจนักหลังจากดึงต้นหญ้าประกายเลือดออกมาจากพื้นดินที่เต็มไปด้วยเนื้อเน่า
เขานึกไม่ออกจริงๆว่าระบบจะให้อะไรกลับมาหลังจากกินหญ้าประกายเลือดนี้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมาถึงปากถ้ำ เขาได้ยินเสียงของใครบางคนที่ด้านนอก
“หยัคฆ์เงินคำรณมีบาดแผลลึกสามนิ้วอยู่ที่หัวของมัน และดูเหมือนมันจะตกตายในทันทีไม่ได้มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย คนที่ลงมือฆ่ามันไม่ใช่คนที่พวกเราจะหาเรื่องได้ รีบไปเถอะ”
“จะไปกลัวทำไม ข้าคิดว่าไอ้คนที่ฆ่าพยัคฆ์เงินคำรณนี่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วถ้าคนคนนั้นฆ่ามันตายได้อย่างง่ายดายจริงๆตามที่เจ้าว่า คงมีเพียงแค่ระดับจอมยุทธเท่านั้นที่จะทำได้แบบนี้”
“มันก็จริง พวกเราเองก็ได้แก่นของพยัคฆ์เงินคำรณมาแล้ว นี่จะช่วยเพิ่มระดับของพวกเราได้มากมายนัก”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปข้างในกัน”
“อย่าเข้ามา ถ้ำนี่เป็นของข้า พยัคฆ์คำรณนั่นเองก็เป็นของข้าเช่นกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงและต่างพากันมองไปยังเจียงหยวนที่ก้าวเดินออกจากถ้ำและเดินตรงมาอย่างช้าๆ
“เหอะ ข้าก็นึกว่าผู้เลิศเลอมาจากไหน ที่แท้ก็เป็นขยะเช่นแกนี่เอง เจียงจ๋าน ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ต้องเข้าไปในถ้ำนั่นให้กลิ่นเหม็นเน่าติดตัวแล้ว”
เมื่อทุกคนได้เห็นหน้าจางหยวน พวกเขาต่างก็มีท่าทางโล่งใจขึ้นมา
เจียงหยวนไม่ได้ใส่ใจท่าทางของทุกคน เขาเดินทะลุผ่านคนทั้งสาม ก่อนจะไปจับที่หางของพยัคฆ์เงินคำรณขึ้นมาอีกครั้ง
“ไอ้ขยะ ส่งมันมาให้ข้า”
ดวงตาของเจียงจ๋านได้จับจ้องไปที่เจียงหยวนด้วยสายตาที่หรี่เล็กและพูดออกมาอย่างหัวเราะชอบใจ
เช่นเดียวกับคนที่มากับเจียงจ๋านอีกสองคนที่เห็นการกระทำของเจียงจ๋านแล้วต่างก็มายืนหนุนหลังที่ข้างหลัง
เจียงหยวนไม่ใส่ใจในท่าทางของคนทั้งสาม ทำเพียงแค่จับหางของพยัคฆ์คำรณพาดบ่าไป ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “มันเป็นของข้า ไม่ใช่ของเจ้า”
ชายคนที่อยู่ข้างหลังเจียงจ๋านได้ตะคอกออกมาในขณะที่ก้าวขึ้นไปเหยียบหัวพยัคฆ์เงินคำรณ “บัดซบ แกยังมีหน้ามาพูดอีก”
“เสือนี่ไม่ใช่ของแกอีกแล้ว วางมันลงไว้ที่นี่ซะ แล้วก็เอาของที่แกได้มาจากในถ้ำออกมาด้วย ข้าถึงจะปล่อยแกไป”
เจียงจ๋านพูดพลางชี้นิ้วไปที่ถ้ำและไล่ชี้มาที่ร่างของพยัคฆ์เงินคำรณ
“ถูกต้อง พวกเราไม่อยากจะสู้กับขยะเหม็นเน่าอย่างแกหรอก ยอมฟังดีๆแล้วส่งของที่แกได้มาซะ แล้วพวกเราจะปล่อยแกไป”
เจียงหยวนยักไหล่ให้ทีหนึ่งก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ “แล้วพวกเจ้ามั่นใจได้ยังไงว่าข้าไม่ใช่คนที่ฆ่าพยัคฆ์เงินคำรณตัวนี้ล่ะ ฮื้ม”
“ด้วยฝีมือขยะเช่นเจ้างั้นรึ ถ้าใช่ เจ้าก็คงจะฆ่าข้าให้ตกตายด้วยนิ้วเดียวได้แล้ว”
“เฮอะ งั้นให้ข้าแสดงให้เจ้าเห็นหน่อยก็แล้วกันว่าใครกันแน่ที่เป็นแค่ขยะ”
เมื่อเจียงหยวนพูดออกมา มือขวาของเขาได้จับเข้าไปที่น้องเสือของเขา กระชากร่างของมันออกมาจากเท้าของอีกฝ่ายและตกไปบนพื้นที่อยู่ข้างๆ
“รนหาที่ตาย”
เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนลงมือ แม้เจียงจ๋านจะไม่รู้ว่าเจียงหยวนไปเอาแรงขนาดนั้นมายกร่างของพยัคฆ์เงินคำรณจนลอยไปไกลได้ แต่ในสายตาของเจียงจ๋าน เจียงหยวงยังคงเป็นเพียงแค่เศษขยะเท่านั้น
*ตูม*
*ตูม*
*ตูม*
ร่างของพยัคฆ์เงินคำรณในตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากค้อนที่หนักหน่วงเมื่ออยู่ในมือของเจียงหยวน ในทุกๆครั้งที่มันถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นดิน พื้นดินแถบนั้นต่างก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
เจียงจ๋านที่ในตอนนี้ได้รับผลกระทบจากพื้นที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจนไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้นั้นก็ได้ตะโกนออกไป “ไอ้ขยะ ถ้าแกมีความสามารถจริงก็อย่าใช้ซากของเสือนั่นสิวะ”
“จะให้ข้าเลิกใช้มันรึ ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงหยวนได้หัวเราะออกมาทีหนึ่ง ก่อนที่จะหยุดฟาดร่างของพยัคฆ์คำรณไปมา แต่กลับโยนใส่เจียงจ๋านแทน
เจียงจ๋านที่ไม่คิดว่าเจียงหยวนจะโยนร่างของเสือมาหาตัวเองแบบนี้ ไม่เพียงจะหลบไม่ทัน แม้แต่ร่างของเขาก็ยังถูกกดทับโดยซากร่างของพยัคฆ์เงินคำรณจนมิด