ตอนที่ 479 : สัตว์อสูรที่หายตัวไป

ระบบเจ้าสำนัก

ตอนที่  479 : สัตว์อสูรที่หายตัวไป

ทันทีที่เฉินกูพูดแบบนั้นออกมา เหล่าหัวหน้าเผ่าต่างก็พากันตะลึง

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์

 

“กล้าดียังไง!” สีหน้าของหัวหน้าเผ่าแมลงบิดเบี้ยวไป เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เผ่ามนุษย์ต้องการจะเปิดศึกกับเผ่าสัตว์อสูรงั้นรึ?”

 

ยอดฝีมือของมนุษย์ถือว่าเป็นตัวแทนของมนุษย์

 

หัวหน้าเผ่าเผิงก็อารมณ์เสียขึ้นมาเช่นกัน เขาตะโกนขึ้น “ยกโทษให้ไม่ได้ ไม่อาจจะยกโทษให้ได้!”

 

หัวหน้าเผ่าศิลามองไปที่เฉินกู และถามขึ้นมาอย่างใจเย็น “ราชาสัตว์อสูรเรียกพวกเรามาเพื่อจะเปิดสงครามกับมนุษย์งั้นรึ?”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนที่เฉินกูจะได้พูดขึ้นมา หัวหน้าเผ่าแมลงก็เลียปากและพูดขึ้น “หากต้องการจะเปิดสงคราม ราชาสัตว์อสูรแค่สั่งการเรามา เราเผ่าแมลงพร้อมจะเป็นแนวหน้า เพื่อเกียรติยศ เพื่อศักดิ์ศรีของเผ่าสัตว์อสูร นักรบของเผ่าแมลงไม่มีทางรู้สึกเสียดายชีวิต!”

“เริ่มสงคราม เราต้องสู้!”

 

“ใช่ หากเราไม่สู้ พวกนั้นจะคิดว่าเราหวาดกลัวพวกเขา!”

 

“ยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้วมันยังไง? ข้าไม่เชื่อว่าหากเราร่วมมือกันแล้ว ยอดฝีมือระดับสูงสุดจะหยุดพวกเราได้!”

 

“เผ่าจิ้งจอกถูกทำลายไปในวันนี้ และต่อไปก็อาจจะถึงคราวพวกเราแล้ว!”

 

สัตว์อสูรเคยรุ่งโรจน์ แม้แต่เผ่ามังกรก็ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกเขา ตอนนี้พวกเขากลับตกต่ำลงมาแล้วยังถูกต้อนมายังภูเขาทางตะวันตก พวกเขารู้สึกเจ็บใจและต้องการที่จะเปิดสงครามกับมนุษย์ แต่เหล่าสัตว์อสูรนั้นอ่อนแอกว่ามนุษย์  ราชาสัตว์อสูรเหมือนจะไม่มีความคิดในการก่อสงครามกับมนุษย์ ดังนั้นแม้ว่าหัวหน้าเผ่าส่วนใหญ่จะไม่พอใจกับเผ่ามนุษย์ แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะระบายความโกรธออกมาได้

 

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฉินกูคิดจะต่อสู้กับมนุษย์ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะตื่นเต้น

 

ชัดแล้วว่าพวกเขาคิดผิดไป

 

“มันจะมีสงครามขึ้นมาจริงๆ แต่ไม่ใช่การต่อสู้กับมนุษย์ แต่เป็นสงครามระหว่าง…พันธมิตรกลายพันธุ์” เฉินกูพูดขึ้นมา

 

เหล่าหัวหน้าเผ่าที่กำลังตื่นเต้น เมื่อได้ยินแบบนั้นต่างก็มองไปที่เฉินกูด้วยความสับสน นี่มันเรื่องอะไรกัน ?

 

เฉินกูพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ที่ทำลายเผ่าจิ้งจอกนั้นได้ตายไปแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก”

 

หัวหน้าเผ่าเผิงหรี่ตาลง “ตายแล้วรึ?”

 

พวกเขายังไม่ทันได้รับข่าวว่าเผ่าจิ้งจอกถูกทำลาย แต่คนร้ายกลับถูกจัดการไปแล้วรึ ?

 

ราชาสัตว์อสูรจะไม่ลงมือเร็วไปหน่อยรึ ?

 

นี่อธิบายได้ถึงพลังอันน่ากลัวของราชาสัตว์อสูร แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ก็ยังถูกฆ่าในเวลาอันสั้น !

 

หัวหน้าเผ่าทุกคนต่างก็มองไปที่เฉินกูด้วยสีหน้ากังวล

 

“ราชาสัตว์อสูร แล้วพันธมิตรกลายพันธุ์คือกองกำลังแบบไหนกัน?” หัวหน้าเผ่าศิลาสงสัย “ท่านเรียกพวกเรามาเพื่อไปจัดการกับพวกนั้นไม่ใช่รึ?”

 

หากพวกเขาถูกเรียกมาเพื่อให้ไปสู้กับมนุษย์ พวกเขาก็พอเข้าใจได้ แต่การจัดการกับพันธมิตรกลายพันธุ์ มันจะไม่ดูน่าสับสนไปหน่อยรึ?

 

กองกำลังที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อ กลับคู่ควรที่จะได้รับความสนใจจากเผ่าสัตว์อสูรจริงๆรึ?

 

แม้ว่าเผ่าสัตว์อสูรจะตกต่ำลงมา แต่พวกเขาก็มีพื้นฐานที่มั่นคงกันอยู่ ความแข็งแกร่งโดยรวมอาจจะไม่ได้สูงเท่ากับมนุษย์ แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกองกำลังหนึ่งๆได้อยู่

 

“พันธมิตรกลายพันธุ์ไม่ใช่กองกำลังธรรมดา พวกเจ้าไม่ควรจะประมาทพวกมัน” เฉินกูแสดงสีหน้าใจเย็นออกมา “เท่าที่ข้ารู้มา พันธมิตรกลายพันธุ์มียอดฝีมือระดับสูงสุดถึง 5 คน ยอดฝีมือสูงกว่าขอบเขตหลิงซวนหลายร้อยคน พวกเขาใช่ว่าจะอ่อนแอ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจจะเพิ่มจากเดิมถึง 10 เท่าหรืออาจจะร้อยเท่า…”

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุด 5 คน !

 

หัวหน้าเผ่าทุกคนต่างก็พากันหวาดกลัวขึ้นมา แค่จำนวนยอดฝีมือระดับสูงสุดก็มากกว่าจำนวนที่ฝ่ายมนุษย์มีแล้ว !

 

“พระเจ้า พันธมิตรกลายพันธุ์นี่ มันคือขุมกำลังแบบไหนกัน? พวกเขาเอายอดฝีมือระดับสูงสุดมาจากไหนกัน!” สีหน้าของหัวหน้าเผ่าแมลงเปลี่ยนไป เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หากไม่ใช่เป็นเฉินกูที่พูดเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เชื่อ

 

จุดที่สำคัญคือมันไม่ใช่แค่ยอดฝีมือระดับสูงสุดทั้งห้าคน แต่เป็นการที่ความแข็งแกร่งของพวกนี้กำลังเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดของพันธมิตรกลายพันธุ์จะเพิ่มเป็น 50 หรือ 500 คนรึ ?

 

ยอดฝีมือระดับสูงสุดถึง 500 คน….หัวหน้าเผ่าต่างก็คิดไม่ออกว่า ฉากนั้นจะออกมาเป็นแบบไหน แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาขนลุกขึ้นมาแล้ว

 

“พันธมิตรกลายพันธุ์กำเนิดขึ้นมาจากเผ่ามนุษย์ แต่มันต่างจากมนุษย์อย่างมาก พวกเขามีปราณแบบมนุษย์แต่รูปร่างคล้ายสัตว์อสูร พวกนั้นคือผลผลิตที่ผิดพลาด” เฉินกูพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “พวกเขามีจิตใจที่บิดเบี้ยว พวกเขาคอยทำลายเมืองและประเทศอื่น ทั้งยังชอบการฆ่าฟัน การที่เผ่าจิ้งจอกถูกทำลายนี้ก็เกี่ยวข้องกับพันธมิตรกลายพันธุ์ในทางอ้อม….”

 

ตอนนั้นเฉินกูได้มองไปยังเหล่าหัวหน้าเผ่าและถามขึ้นมา “ด้วยขุมกำลังแบบนี้ หากพวกเขาเติบโตขึ้นมา พวกเจ้าคิดว่าจะมีทางที่เราสัตว์อสูรจะรอดไปได้หรือไม่?”

 

ครั้งนี้คนที่ซวยคือเผ่าจิ้งจอก  ต่อไปมันอาจจะถึงคราวพวกเขาก็ได้ !

 

ตอนนั้นเหล่าหัวหน้าเผ่าต่างก็พากันเงียบ ทุกคนต่างก็รู้สึกกดดันและหนักใจ

 

“ความทะเยอทะยานของพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นยิ่งใหญ่ หากพวกมันเติบโตขึ้นมาได้จริงๆ มนุษย์,สัตว์อสูรและแม้แต่มังกรก็คงไม่มีที่ยืน” เฉินกูสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “ข้าได้เจรจากับเหล่าเซียนของมนุษย์และได้ตัดสินใจว่าจะร่วมมือกับมนุษย์ จากนี้ไปสัตว์อสูรจะออกค้นหาทั่งทั้งทวีปโดยไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไรไปบ้าง เราต้องหาคนของพันธมิตรกลายพันธุ์ให้เจอ เมื่อเจอแล้วก็จงสังหารทิ้งทันที!”

 

หลังจากนั้นเฉินกูก็ได้ถามทุกคน “พวกเจ้า มีใครเอาด้วยบ้าง?”

 

หากเทียบกับความเกลียดชังที่มนุษย์มีต่อสัตว์อสูรแล้ว เหล่าสัตว์อสูรมีความเกลียดชังมากกว่าเพราะสัตว์อสูรที่ตายไปด้วยน้ำมือของมนุษย์นั้นสั่งสมมาหลายปีแล้ว หลายตัวตายเพราะต้องเป็นอาหารของมนุษย์ แม้ว่าส่วนมากจะเป็นสัตว์อสูรที่ยังไม่ทันได้ทำการบ่มเพาะก็ตาม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เหล่าสัตว์อสูรไม่อาจที่จะยอมรับได้

 

เหล่าสัตว์อสูรไม่อาจจะยอมรับการร่วมมือกับมนุษย์ได้ แต่ตอนนี้เหล่าหัวหน้าเผ่าต่างก็รู้ดีกว่าการร่วมมือกับมนุษย์นั้นคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

 

“หากยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ใช้โอกาสนี้ลงมือกับสัตว์อสูรล่ะ?” หัวหน้าเผ่าศิลามองไปที่เฉินกูและถามคำถามที่ทุกคนกังวลมากที่สุดออกมา “เราเผ่าศิลามีคนอยู่ไม่มาก หากตายกันหมดจะถือว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่”

 

เฉินกูพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ข้าได้ตกลงกับยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ไปแล้ว ระหว่างที่ร่วมมือกันนี้ห้ามมนุษย์ทำร้ายสัตว์อสูร แน่นอนว่าหากมีมนุษย์คนไหนกล้าลงมือ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไปสั่งสอนเขาด้วยตัวเอง ”

 

ราชาสัตว์อสูรจะไปสั่งสอนด้วยตัวเอง มันมีอะไรที่หนักหนากว่านี้อีกหรือไม่ ?

 

ด้วยการยืนยันของเฉินกู เหล่าหัวหน้าเผ่าก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่ได้เชื่อในตัวมนุษย์แต่เชื่อในตัวเฉินกู

 

“ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์จะสั่งการมนุษย์ทุกคน ก็คล้ายกัน พวกเจ้าเองก็ห้ามลงมือกับมนุษย์โดยไม่มีเหตุผล พวกเจ้าห้ามก่อการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูร” เฉินกูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากข้ารู้ว่าใครที่ไปหาเรื่องมนุษย์ งั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไปสั่งสอนด้วยตัวเองเช่นกัน”

 

เขาพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของทั้งเผ่าสัตว์อสูรและเผ่ามนุษย์ มันไม่มีช่องว่างให้ต่อรอง หากใครกล้าก่อเรื่อง ไม่ต้องรอพันธมิตรกลายพันธุ์หรือมนุษย์เลย ข้านี่แหละที่จะเป็นคนลบเขาออกจากเผ่าสัตว์อสูรด้วยตัวเอง!”

 

เขามองไปที่เหล่าหัวหน้าเผ่าและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากพวกเจ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าจะลองดูก็ได้”

 

เมื่อถูกสายตาอันเย็นชาของเฉินกูมองมา หัวหน้าเผ่าเผิงก็หัวเราะออกมา “ราชาสัตว์อสูรพูดตลกไปแล้ว เรา…จะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของท่านได้ยังไง?” เขากลืนน้ำลายและฝืนยิ้มออกมา

 

หัวหน้าเผ่าคนที่เหลือต่างก็พากันรับปากออกมา “ข้าจะฟังคำสั่งของราชาสัตว์อสูร!”

 

เฉินกูพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ต่อไปข้าจะอธิบายเรื่องราวที่เกี่ยวกับพันธมิตรกลายพันธุ์ให้พวกเจ้าได้ฟัง”

 

หัวหน้าเผ่าต่างก็พากันแสดงสีหน้าจริงจังกันขึ้นมาและพากันตั้งใจฟัง

 

เฉินกูได้อธิบายข้อมูลที่เขาได้มาจากเซิงเป่ยซิ่ว  เขาได้พูดถึงต้นกำเนิด, ความแข็งแกร่งรวมถึงความทะเยอทะยานของพวกนั้น เขาถึงกับพูดเกี่ยวกับยาพลิกชีวิต  สุดท้ายเขาก็สรุปออกมา “โดยทั่วไปแล้วพันธมิตรกลายพันธุ์ถือว่าแข็งแกร่ง พวกนั้นมีจิตใจที่บิดเบี้ยว, พิการและเชี่ยวชาญเรื่องการซ่อนตัว ดังนั้นพวกเจ้าต้องตรวจสอบให้ดีและระวังเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ข้าไม่อาจจะอยู่ช่วยพวกเจ้าได้ตลอด…”

 

“ราชาสัตว์อสูร ท่านบอกว่ายาพลิกชีวิตคือยาที่ทำขึ้นมาจากเลือดเนื้อของสัตว์อสูรและมนุษย์งั้นรึ?” หัวหน้าเผ่าเผิงสีหน้าบิดเบี้ยวไป “หรือว่าพวกสัตว์อสูรระดับสูงที่หายตัวไป ก็ถูกพวกนั้นใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงยานี่ขึ้นมารึ?”

 

หัวหน้าเผ่าต่างก็พากันตัวสั่น

 

“เผ่าศิลาของข้าเคยมีคนในเผ่าที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง หายตัวไปเมื่อ 2,000 ปีก่อน เมื่อ 800 ปีก่อน คนในเผ่าที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นกลางก็หายตัวไป อายุขัยพวกนั้นยังอีกนานกว่าที่จะหมดลง มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะเข้าไปยังโพลงหมื่นปิศาจ แต่อยู่ๆพวกนั้นก็หายตัวไป”

 

“คนเผ่าแมลงของข้าก็หายตัวไป เขาอยู่แค่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นต่ำ คนที่อยู่ขอบเขตหลี่ซวนหลายสิบคนก็หายตัวไปเช่นกัน แต่ข้าไม่รู้ว่าคนของเราหายไปมากเท่าไหร่แล้ว….”

 

“คนเผ่ายักษ์ของเราก็เช่นกัน  300 ปีก่อน ผู้อาวุโสสูงสุดเองก็ไม่รู้หายไปไหน ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวของเขาเลย…”

 

หากไม่รู้ข้อมูลพวกเขาคงไม่คิดอะไร แต่เมื่อได้รู้ข้อมูลนี้พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึง

 

ไม่มีใครคิดว่าหลายพันปีมานี้จะมีสัตว์อสูรระดับสูงจำนวนมากได้หายตัวไป เหตุการณ์ผิดปกตินี้เกิดขึ้นทุกเผ่า หากรวมกันแล้วก็จะเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ  มันมีสัตว์อสูรมากมายกำเนิดขึ้นมา แต่จำนวนสัตว์อสูรระดับสูงกลับไม่เพิ่มขึ้นเลย มันน่าเหลือเชื่อ !

 

พวกเขาไม่รู้ว่าสัตว์อสูรระดับสูงพวกนั้นหายตัวไปไหน แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้ตัวแล้ว

 

“บัดซบ!” หัวหน้าเผ่าเผิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้ที่เฉินกูบอกว่าพันธมิตรกลายพันธุ์เป็นภัยต่อสัตว์อสูร เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณแล้วว่า พันธมิตรกลายพันธุ์เป็นภัยมากแค่ไหน “ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกมันได้ฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงของเราไปมากมายแบบนี้!”

 

ตลอดหลายพันปีมานี้ จำนวนสัตว์อสูรระดับสูงที่หายตัวไปนั้นสูงจนน่าตกใจ !

 

หัวหน้าเผ่าศิลาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลือดมันต้องล้างด้วยเลือด!”