ตอนที่ 128 ดูเหมือนเหลาอู่จะร้องไห้ / ตอนที่ 129 ปวดหัวไหม

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 128 ดูเหมือนเหลาอู่จะร้องไห้

 

 

ไม่นานถังเฉิงก็ลงมาพร้อมกับวังเฉียง พวกเขาทั้งคู่สวมรองเท้าแตะกับเสื้อกล้ามสบายๆ

 

 

“ดื่มเหล้าปลอมไปมากแค่ไหนเนี่ยเสี่ยวอู่จึ?” ถังเฉิงมองชุยหังที่ถึงกับนั่งลงไปกับขั้นบันไดจึงเอ่ยถามขึ้น

 

 

ชุยหังหันไป เนื่องจากไม่ทันระวังจึงทำโทรศัพท์หล่น

 

 

วังเฉียงรีบไปช่วยเขาเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา

 

 

จากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

 

 

“เหลาอู่โทรศัพท์นายเข้า แต่ว่าเป็นเบอร์แปลก” วังเฉียงมองหมายเลขที่โทรเข้ามาที่ปรากฏอยู่แล้วพูดขึ้น

 

 

“นายช่วยฉันรับหน่อย บอกว่าตอนนี้ฉันไม่มีแรง” ชุยหังกล่าว

 

 

วังเฉียงจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสายแล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า: “ฮัลโหล สวัสดีครับ เหลาอู่ของพวกเราดื่มหนักไป ตอนนี้ไม่มีเวลามารับโทรศัพท์ คุณเป็นใครครับพรุ่งนี้ผมจะให้เขาโทรกลับไป”

 

 

แต่ว่าด้านนั้นไม่ทันได้พูดอะไรก็กดวางสายโทรศัพท์ไป

 

 

วังเฉียงรู้สึกงงงวยและพูดกับชุยหังว่า: “ดูเหมือนว่าจะโทรผิด ฉันพูดไปตั้งเยอะเขาก็ไม่พูดอะไร แล้วก็วางสายไปเลย”

 

 

“อืม ไปเถอะขึ้นชั้นบนกัน” ชุยหังว่า

 

 

ทั้งสองคน คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวาพยุงชุยหังขึ้นไปชั้นบน แต่ว่าครั้งนี้ยังดีที่ชุยหังได้อาเจียนออกมาเลย อยู่ข้างนอกตากลมมาตั้งนานก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แค่อยากจะนอนหลับมาก

 

 

เมื่อถึงห้อง426 ทุกคนต่างก็เริ่มยุ่งขึ้นมา กลิ่นแอลกอฮอล์บนตัวของชุยหังไม่สามารถซ่อนกลบมันเอาไว้ได้เลย

 

 

“เหลาอู่ นี่นายดื่มไปมากแค่ไหนเนี่ย” จ้าวหลินเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ก็เหล้าขาวสามแก้ว ยังพอมีแรงอยู่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว”

 

 

“งั้นนายก็เก่งมากเลยนะ” จ้าวหลินกล่าว

 

 

จังเผิงที่เดิมทีนอนหลับไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าชุยหังกลับมาแล้วก็ตั้งใจตื่นขึ้นมาดู

 

 

วังเจิ้นเฉียงลงมาแล้วไปช่วยตักน้ำมาให้ชุยหังหนึ่งกะละมัง ให้เขาล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยนอน

 

 

แต่ว่าชุยหังไม่อยากขยับตัวแล้วจริงๆ จากนั้นถังเฉิงจึงได้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเช็ดให้เขาแทน

 

 

“เหล่าซื่อวันนี้ให้เหลาอู่นอนเตียงชั้นล่างเถอะ นายก็ไปนอนตรงที่เขาแทน ไม่อย่างนั้นกลางดึกจะตกลงมาได้ง่ายๆ” จ้าวหลินกล่าว

 

 

ถังเฉิงพูดขึ้น: “โอเค ฉันก็คิดอย่างนั้น”

 

 

จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันย้ายชุยหังขึ้นไปไว้บนเตียง ช่วยเปิดพัดลมให้เขา

 

 

“เจ้าห้ากะละมังฉันวางไว้ให้นายตรงใต้เตียงนะ ดึกๆ ถ้าอยากจะอ้วกก็แค่เอื้อมมือไปดึงออกมาก็โอเคแล้วได้ยินไหม” จ้าวหลินถาม

 

 

ชุยหังใช้มือแสดงท่าOKให้เขาและไม่พูดไม่จา

 

 

เปลือกตามันหนักเกินไปแล้ว พูดอะไรไม่ได้แล้ว

 

 

ชุยหังนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วคำพูดของวังเฉียงก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ในห้องพัก

 

 

“เหลาอู่อกหักมาหรือเปล่า”

 

 

“ไม่หรอกมั้ง เมื่อกี้เหลียงจื้อก็ไม่ใช่ดื่มหนักจนมีสภาพแบบนั้นหรอ” จ้าวหลินกล่าว

 

 

วังเฉียงพูดขึ้น: “เหลียงจื้อไม่ได้ร้องไห้ แต่เหลาอู่ร้องไห้นะ”

 

 

“เหลาอู่ร้องไห้หรอ” ถังเฉิงพลิกตัวลุกขึ้นแล้วถาม

 

 

วังเฉียงพูดต่อ: “เมื่อกี้นายไม่เห็นว่าเขากำลังเช็ดน้ำตาหรอ”

 

 

“ไม่เห็นจริงๆ ฉันดูสิ” ถังเฉิงพูดแล้วพลิกตัวลงจากเตียงชั้นบนค่อยๆ ลงมาเตียงชั้นล่าง เบ้าตาของชุยหังเต็มไปด้วยน้ำตา มีบางส่วนถึงกับแห้งไปแล้ว ตามใบหน้าของเขาก็มีแต่คราบน้ำตาเต็มไปหมด

 

 

“ดูเหมือนจะร้องไห้จริงๆ ด้วย ปกติเห็นแต่เขาไม่ยี่หระแยแสอะไร ทำไมพอเขาร้องไห้ฉันถึงไม่ค่อยชินเลยนะ” ถังเฉิงกล่าว

 

 

“ฉันก็ไม่ชินเหมือนกัน เมื่อกี้นี้ฉันยังแปลกใจ ฉันนึกว่าฉันดูผิดไปเสียอีก” วังเฉียงกล่าว

 

 

จ้าวหลินพูดขึ้น: “ช่างเถอะ พรุ่งนี้รอเขาตื่นขึ้นมาพวกเราค่อยถามแล้วกัน ถ้าเขาไม่อยากพูดพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”

 

 

“เมื่อกี้มีคนโทรมาหาเขา พอได้ยินว่าเป็นเสียงฉันก็กดตัดสายโทรศัพท์ไปเลย” วังเฉียงดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด

 

 

จ้าวหลินพูด: “โทรผิดหรือเปล่า”

 

 

“หมายเลขนี้อยู่ที่เมืองเอ้อ อีกอย่างเมื่อกี้ฉันดูแล้วว่าหมายเลขนี้เคยโทรหาเหลาอู่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ แถมยังคุยกันตั้งนาทีกว่าเลยนะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 129 ปวดหัวไหม

 

 

คำพูดของวังเฉียงทำให้ทุกคนต่างก็เงียบไป ทุกคนกำลังเดาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

จ้าวหลินพูดขึ้น: “ช่างเถอะ ไม่ต้องไปสนใจมากขนาดนั้นหรอก ยังไงซะตอนนี้เหลาอู่ก็นอนหลับแล้ว มีเรื่องอะไรพวกเราก็แก้ไขไม่ได้อยู่ดี ปิดไฟแล้วนอนเถอะ”

 

 

ทุกคนต่างก็ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้ว ที่จ้าวหลินพูดเมื่อครู่มันก็ถูก ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่เดาไปมั่วซั่ว แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นชุยหังถึงจะรู้ดีที่สุด

 

 

แต่จากสภาพของชุยหังในตอนนี้สามารถนอนหลับได้ก็นับว่าดีมากแล้ว

 

 

ชุยหังก็ไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานแค่ไหน ตอนที่เขาตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นก็รู้สึกปวดหัวมาก

 

 

ขนาดตอนเดินไปห้องน้ำยังรู้สึกว่าเดินโยกไปโยกมาเลย

 

 

“นายตื่นแล้วหรอ” เหลียงจื้อก็อยู่ในห้องน้ำเหมือนกัน

 

 

“อืม นายเป็นไงบ้าง” ชุยหังถาม

 

 

เหลียงจื้อพูดขึ้น: “อย่าพูดถึงอีกเลย เมื่อวานพอกลับมาก็อ้วกออกหมด ตอนแรกก็ไม่ได้กินอะไรเข้าไปอยู่แล้วด้วย กระพงกระเพาะทรมานไปหมดเลย”

 

 

“ฉันยังโอเค อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เป็น แถมยังเที่ยวไปอวดเก่งอวดดีไปทั่วอยู่สักพักด้วย” ชุยหังกล่าว

 

 

“นายปวดหัวไหม” เหลียงจื้อถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “จะไม่ปวดได้ยังไงล่ะ เหมือนข้างในจะระเบิดเลยเนี่ย”

 

 

“รุ่นพี่พวกนี้ดื่มเก่งจริงๆ แต่ละคนดื่มเหล้าอย่างกับดื่มน้ำไม่มีผิดเลย” เหลียงจื้อว่า

 

 

ชุยหังก็พูดขึ้น: “จริงๆ ฉันแค่มองพวกเขาดื่มเหล้าฉันก็เมาแล้ว นึกถึงตอนที่เหล้าขาวไหลผ่านคอลงไป ความรู้สึกแสบๆ ร้อนๆ นั่นรู้สึกเหมือนจะพ่นควันได้เลย”

 

 

“ยังดีที่งานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันมีครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะดื่มจนตายแน่” เหลียงจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังครุ่นคิดและพูดขึ้น: “ปีหน้าก็จะถึงตาพวกเราจัดงานเลี้ยงแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราคงต้องดื่มมากขึ้น จะหนีก็คงไม่ได้แล้ว”

 

 

“ไม่เป็นไร พวกเรารับผิดชอบโห่ร้องไป ให้พวกที่ดื่มเก่งพวกนั้นไปดื่ม” เหลียงจื้อว่า

 

 

พวกเขาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกันและตรงไปทางห้องพัก

 

 

“ผีขี้เมาสองตัว พวกนายฟื้นแล้วหรอ” โจวเฉวียนเห็นพวกเขาจึงร้องถาม

 

 

เขามาจากเฮยหลงเจียงดังนั้นเมื่อคืนวานจึงไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันจากจี๋หลินกับพวกเขา

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “โจวเฉวียน นายยังกล้าว่าพวกเราอีกนะ ลืมไปแล้วหรอตอนงานเลี้ยงคนบ้านเดียวกันของพวกนาย นายดื่มจนมีสภาพยังไง”

 

 

“แย่ละ เหลาอู่พลังต่อสู้ของนายกลับมาอีกแล้ว ฉันต้องรีบถอนกำลังแล้ว” โจวเฉวียนว่า

 

 

ชุยหังหัวเราะ จากนั้นเดินต่อไปกับเหลียงจื้อ

 

 

หลังจากเปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ตอนที่แต่ละคลาสกำลังสมัครลงแข่งขันเลือกตั้งผู้ปฏิบัติงานประจำห้อง โจวเฉวียนก็ละทิ้งหน้าที่ทั้งหมด ตอนแรกทุกคนคิดว่าเขาไม่อยากเป็นหัวหน้าแล้ว แต่ต่อมาเขาถึงพูดความคิดของตัวเองออกมาว่าเขาอยากเข้าทีมกลางและเฝ้าติดตามอาจารย์หม่า

 

 

ต่อมาในบรรดาสมาชิกของคณะกรรมการประจำชั้น หัวหน้าชั้นและเลขาล้วนแล้วแต่เป็นคนบ้านเดียวกันกับอาจารย์หม่าทั้งหมด

 

 

ชุยหังไม่มีความสนใจเกี่ยวกับการสมัครลงแข่งขันเลือกตั้งเลยแม้แต่นิด

 

 

ยังคงเขียนบทความ เต้นรำ แล้วก็ไม่เข้าไปเกี่ยวกับเรื่องน้ำใจหรืออารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ยังจะดีกว่า

 

 

ไม่ว่ายังไงสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาถนัด

 

 

คนในห้องพักตื่นนอนกันหมดแล้ว ทว่าจังเผิงออกไปห้องสมุด วังเจิ้นเฉียงก็ไปห้องเรียนด้วยตนเอง มีแค่พวกเขาสี่คนที่อยู่

 

 

“เหลาอู่ นายเป็นอะไรไป?” ถังเฉิงถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ชุยหังผงะและถามว่า: “ฉันไม่เป็นไรหนิ ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ”

 

 

“นายอกหักรักคุดหรือเปล่า” ถังเฉิงถาม

 

 

ชุยหังตกตะลึง ตนแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ?

 

 

“ไม่มีนะ ฉันจะไปรักกับใครล่ะ วันๆ ก็อยู่แต่กับพวกนาย ฉันทำอะไรพวกนายก็รู้กันหมด ฉันจะมีเวลาที่ไหนไปมีความรัก?”

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหลูจื้อขึ้นมา เมื่อคืนวานนี้เขาคงจะมาหาตนจริงๆ ใช่ไหม?

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นตนก็ปฏิเสธเขาไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม?

 

 

เขาเปิดโทรศัพท์จากนั้นเลื่อนไปดูบันทึกการโทร

 

 

เมื่อคืนวานนี้เขาโทรมาหาตนสองครั้ง โทรมาครั้งแรกเขาเหมือนจะพอจำได้ แต่โทรมาครั้งที่สองนี่มันอะไรกัน?