บทที่ 561 ฝีมือเก่งกาจ / บทที่ 562 ท้าประลอง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 561 ฝีมือเก่งกาจ

หลิวอิ่งมองสืออีที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นสาวเท้ายาวเข้าไป มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่ “สืออี การประลองครั้งนี้ ทำให้ดีนะ อย่าให้ทุกคนผิดหวัง”

ได้ยินดังนั้น สืออีพูดขึ้นว่า “กลัวแต่ว่าจะไม่มีใครอยากให้ฉันได้ตำแหน่งหัวหน้าหรอกมั้ง!”

“ไม่แน่หรอก เชื่อว่าคุณหนูเยี่ยหวันหวั่นน่าจะคาดหวังให้นายทำได้ ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่านายคำนับคุณหนูหวันหวั่นเป็นอาจารย์นี่” ดวงตาหลิวอิ่งเป็นประกาย มองเยี่ยหวันหวั่นบนที่นั่งผู้ชมผ่านๆ

“ถูกต้อง” สืออียืดอกยอมรับ “อาจารย์มีฝีมือเก่งกาจ น่าเสียดายที่ฉันเรียนจากอาจารย์มาได้แค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ว่า สิ่งผิวเผินเหล่านี้ น่าจะเพียงพอสำหรับการประลองครั้งนี้แล้ว”

“ฝีมือเก่งกาจ”

มุมปากของหลิวอิ่งยกขึ้น เผยความเย้ยหยันเล็กน้อย เป็นประกายดูแคลน

คืนนั้นที่บาร์ ถ้าหากไม่เห็นแก่หน้านายท่าน แค่นิ้วเดียวของเขาก็ปลิดชีวิตผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว

จากนั้น วันนี้สืออีกลับใช้คำว่า ‘เก่งกาจ’ มาบรรยายเยี่ยหวันหวั่น…

“สืออีเอ๊ย…” หลิวอิ่งยกไหล่ขวาขึ้น ฝ่ามือวางลงบนไหล่ซ้ายของสืออี เอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คิดจะพัฒนา คิดจะปีนสูงขึ้นไป นั่งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้น เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องผิด…แต่ตำแหน่งกับความสามารถของตัวเองต้องอยู่ในระดับเดียวกัน สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นคนก็เหมือนที่เหล่าซานพูด ต้องรู้จักประมานตน ป่วยหนักแล้วหาหมอมั่วไปทั่ว ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ”

ได้ยินคำพูดนี้ของหลิวอิ่ง คิ้วของสืออีพลันขมวด หลิวอิ่งจะดูถูกตัวเองก็ไม่เป็นไร แต่ความหมายของประโยคนี้กลับเต็มไปด้วยถ้อยคำดูถูกอาจารย์โดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“หลิว…หลิว…หลิวอิ่ง…หะ…หัวหน้า…สะ..สือ..สืออี…จะ…ต้องชนะ…นายแน่!” เวลานี้ เจ้าติดอ่างที่ยืนอยู่ข้างหลิวอิ่งเอ่ยขึ้น

“อ้อ…” หลิวอิ่งหัวเราะคิก “ฉันคาดหวังจะเรียนรู้มวยดอกไม้ที่สืออีไปเรียนมา แต่ว่า…เขาจะยืนอยู่จนถึงเวลาที่ฉันขึ้นสังเวียนไหมนะ”

พูดจบ หลิวอิ่งก็ส่ายศีรษะจากไป

หลิวอิ่งเดินจากไปแล้ว สมาชิกทีมย่อย 1 กำหมัดทั้งสองข้างแน่น

ในบรรดาบอดี้การ์ดลับทั้งหมด ฝีมือของทีมย่อย 1 ไม่ได้อ่อนด้อยอย่างที่คนอื่นคิด

แต่เป็นเพราะทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจ หัวหน้ากลับดูถูกพวกเขา จนถึงขนาดที่ทำให้ทีมย่อย 1 เหมือนเป็นอากาศธาตุ

จนกระทั่งสืออีขึ้นมาเป็นหัวหน้าชั่วคราว ภารกิจของพวกเขาถึงค่อยๆ มีหน้ามีตาขึ้นมา และความสำเร็จของภารกิจทุกครั้งล้วนสมบูรณ์แบบ ประสิทธิภาพการปฏิบัติภารกิจสูง เทียบกับทีมย่อยอื่นๆ แล้ว ไม่มีตรงไหนที่เทียบไม่ได้

ตอนนี้หลิวอิ่งไม่ใช่หัวหน้าแล้ว กลับยังเหิมเกริมดูถูกคนอื่นเช่นนี้ ไม่มองหัวหน้าสืออีอยู่ในสายตา

“หัวหน้า หัวต้องทำให้พวกเขาเห็นถึงความสามารถทีมย่อย 1 ของเราให้ได้นะ!”

“ถูกต้อง! ทีมย่อยทีมอื่น มีทีมไหนบ้างที่มองพวกเราทีมย่อย 1 อย่างไม่อคติ! ความสมบูรณ์แบบของภารกิจพวกเราไม่ด้อยไปกว่าทีมไหนเลย ฝีมือของหัวหน้าสืออีก็ไม่ด้อยไปกว่าหลิวอิ่ง!”

“ผมคิดว่าความสามารถในการเป็นผู้นำของหัวหน้าสืออีดีกว่าหลิวอิ่ง ก่อนหน้านี้พวกเราถูกดูถูกมาตลอด ครั้งนี้ทีมย่อย 1 จะต้องบอกพวกเขาให้ได้ว่า ใครคือบอดี้การ์ดลับที่เก่งที่สุด!”

เวลานี้ สมาชิกทีมย่อย 1 เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อคววามไม่เป็นธรรม

“หัวหน้า หัวหน้าจะต้องคว้าตำแหน่งหัวหน้าใหญ่มาให้ได้!” สมาชิกทีมย่อย 1 กัดฟันกรอด

ได้ยินดังนั้น สืออีรับคำ “ฉันจะทำให้เต็มที่”

หากเป็นสามเดือนก่อน สืออีคงไม่มีความมั่นใจ

เพียงแต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว

“หลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักกับอาจารย์ในช่วงนี้…บางที…ฉันอาจจะ…” แววตาของสืออีเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น

……………………………………………

บทที่ 562 ท้าประลอง

บนที่นั่งผู้ชม เยี่ยหวันหวั่นคอยมองสืออีอยู่เป็นพักๆ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมา เวลาที่ได้ใช้กับสืออีก็ไม่ใช่น้อย เยี่ยหวันหวั่นพบว่าสืออีมีเรื่องอะไรในใจ หว่างคิ้วมักจะเผยความไม่มั่นใจอยู่ตลอด

เยี่ยหวันหวั่นเคยพูดกับเขา แต่สืออีกลับนิ่งเงียบ ไม่พูดสิ่งใด

เวลานี้หมัดทั้งสองของสืออีกำแน่น  นัยน์ตาหวั่นไหวอยู่ตลอด

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะปรารถนาตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ แต่กลับไม่พยายาม

“ฉัน…จะทำได้จริงๆ เหรอ…” สืออีกำหมัดทั้งสองแน่น

ไม่นาน ฉินรั่วซีเดินมาถึง หยวนเซิงเดินตามมาอยู่ด้านหลัง

“คุณหนูรั่วซี คุณมาได้ยังไงครับ?” เห็นฉินรั่วซีปรากฏตัวขึ้น หลิวอิ่งก็เดินเข้าไปหา

ฉินรั่วซียิ้มสดใสเอ่ยว่า “มาให้กำลังใจพวกนายน่ะ”

ดวงตาหลิวอิ่งเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “คุณหนูรั่วซี การแข่งขันชิงตำแหน่งครั้งนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

ได้ยินดังนั้น ฉินรั่วซีพยักหน้า กำชับหยวนเซิงอีกนิดหน่อยแล้วเดินหันกายขึ้นไปบนที่นั่งผู้ชม

“เฮอะๆ…หัวหน้าหลิวอิ่ง การสั่งสอนสืออี ไม่รบกวนหัวหน้าแล้ว” รอให้ฉินรั่วซีเดินจากไปแล้ว หยวนเซิงถึงเอ่ยขึ้นกับหลิวอิ่งเรียบๆ

เรื่องนี้ หลิวอิ่งก็ไม่พูดอะไรมาก

“จะแจ้งกติกาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการแข่งขันชิงตำแหน่งจะเริ่มต้นขึ้น” สวี่อี้กวาดตามองไปทั่วลาน “บอดี้การ์ดตระกูลซือทุกคนมีสิทธิ์เข้าร่วมท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าได้ หากสำเร็จได้เป็นหัวหน้าทีมย่อย ก็จะมีสิทธิ์ท้าหัวหน้าสืออี มีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากประลองชนะก็จะได้เป็นหัวหน้าแทนสืออี จนกระทั้งการประลองครั้งนี้เสร็จสิ้น ผู้ชนะจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าใหญ่ บนสังเวียนสามารถใช้อาวุธได้ แต่ไม่อนุญาตให้ลอบทำร้ายหรือใช้ปืน เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับ”

บอดี้การ์ดลับด้านล่างขานรับอย่างพร้อมเพรียง

“ดี” สวี่อี้พยักหน้า มองไปทางระดับสูงของตระกูลซือ “ทุกท่าน มีอะไรอยากจะเพิ่มเติมไหมครับ?”

“ไม่มี” ระดับสูงของตระกูลซือคนหนึ่งพูดขึ้น

“ครับ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เริ่มการประลองได้” สวี่อี้พยักหน้า แล้วลงจากสังเวียนไป

รอให้สวี่อี้ลงไปแล้ว บอดี้การ์ดด้านล่างกลับไม่มีเสียงใด

กติกาบอกว่า ขอเพียงแค่เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลซือก็มีสิทธิ์ท้าประลองได้ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ผู้ที่เข้าร่วมประลอง กลับมีไม่มากนัก

ฝีมือของหัวหน้าทีมย่อยแต่ละคน ไม่อาจประมาทได้ บอดี้การ์ดลับธรรมดายากที่จะเอาชนะ

โอกาสชนะมีเพียงริบหรี่ ถ้าหากแพ้ ก็เท่ากับผิดใจกับหัวหน้าทีมย่อยที่ท้าประลองด้วย ยากที่จะหลีกเลี่ยงการถูกคิดบัญชีทีหลัง ต้องใส่รองเท้าเล็กทุกวันก็ลำบากมากพอแล้ว

“นายฝีมือไม่เลว ไม่ลองไปท้าหัวหน้าทีมย่อย 4 ดูล่ะ?” บอดี้การ์ดลับคนหนึ่งมองหญิงสาวข้างกาย เอ่ยขึ้นเบาๆ

ได้ยินดังนั้น หญิงสาวกลับส่ายศีรษะเป็นพัลวัน “ไม่เอาหรอก หัวหน้าทีมย่อย 4 มีชื่อเรื่องฝีมือโหดเหี้ยม ถ้าฉันแพ้ขึ้นมา ต่อไปเขาต้องคิดแค้นฉันแน่ บอกว่าฉันดูถูกเขา…ต่อไปถูกล้างแค้นขึ้นมา ฉันรับมือไม่ไหวหรอก…”

“ผะ…ผม…ผมเอง!”

ทันใดนั้น เจ้าติดอ่างเดินขึ้นสังเวียน ชี้ไปยังหัวหน้าทีมย่อย 3 “ผะ…ผม…ผมจะ…ทะ…ท้า…หัวหน้า…ทีม…ทีมย่อย 3!”

เห็นดังนั้น บอดี้การ์ดด้านล่างพากันนิ่งอึ้ง

คนคนนี้แค่พูดยังพูดไม่คล่อง ทั้งยังเป็นแค่บอดี้การ์ดไม่มีชื่อคนหนึ่ง แบบนี้แล้วยังกล้าท้าหัวหน้าทีมย่อย 3 อีก?

ทันใดนั้น หัวหน้าทีมย่อย 3 รูปร่างบึกบึนค่อยๆ ยืนขึ้น เดินขึ้นสังเวียนอย่างไม่รีบร้อนอิดออด ปราดตามองเจ้าติดอ่าง

“นายจะท้าประลองกับฉันเหรอ?” หัวหน้าทีมย่อย 3 ยิ้มเย็น

“ถะ…ถูก…ถูกต้อง…นายพูด…ถูก!” เจ้าติดอ่างพยักหน้า

………………………………………………………………