ตอนที่ 496 เหล่าบุคคลสำคัญที่ทยอยกันมาไม่ขาดสาย โดย ProjectZyphon
เถาวัลย์ทอง แสงวิญญาณคละคลุ้ง สุกสกาวดั่งหล่อทอง เส้นสายบนนั้นราวกับรอยมรรค คมกริบพราวตา
หินเมฆสีเลือด แสงโลหิตประดุจม่าน หยาดเยิ้มน่าหลงใหล ลอยเอื่อยอยู่กลางอากาศ กลืนพ่นแสงสีแดงสดสายแล้วสายเล่า
เหล็กแท่นมังกรม่วงแดง พิสุทธิ์แวววาว แสงสีม่วงห้อมล้อม ภายในราวกับมีมังกรเกล็ดตัวหนึ่งปรากฏอยู่รำไร ศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม
เขาวัวขุย ความยาวครึ่งฉื่อ สีเขียวจางตลอดชิ้น เรียบง่ายไม่หวือหวา ทว่ากลับมีเสียงคำรามที่คล้ายมีแต่ไม่มีกระจายออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนเป็นระลอกๆ
…วัตุดิบวิญญาณที่หาได้ยากปรากฏขึ้นทีละชิ้น มีมากหลายสิบชนิด ของพวกนี้ล้วนเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมชุดศึกวิญญาณทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบวิญญาณเสริมอีกหลายพันชนิด แต่ละชิ้นแต่ละอย่างล้วนมีสีสันแพรวพราว ฉูดฉาดบาดตา บางชิ้นจำเป็นต่อการหลอมหมึกวิญญาณ บางชิ้นก็จำเป็นต่อการวางกระบวนสลัก มีมากมายหลากหลาย
สีหน้าหลินสวินสงบนิ่งราบเรียบ ตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า จัดเรียงและแบ่งวัตถุดิบวิญญาณออกเป็นประเภทต่างๆ
ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณมีเตาหลอมสามขาตัวหนึ่ง สามขาสองหู ปากทรงกลมมน บนนั้นประทับกลิ่นอายแห่งกาลเวลา ยาวนานเย็นเยือก
เตาหลอมสามขามีนามว่า ‘เขียวคล้ำ’ เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งในสาขาสลักวิญญาณ ใช้ในการหลอมวัตถุดิบวิญญาณโดยเฉพาะ ภายในมีลวดลายแห่งมรรคแน่นขนัดกระจายอยู่ มีประโยชน์มหัศจรรย์ที่น่าเหลือเชื่อ
กระทั่งจัดเรียงวัตถุดิบวิญญาณทั้งหมดเสร็จสรรพ สายตาของหลินสวินก็มองไปที่เตาหลอมสามขาเขียวคล้ำ ชั่วขณะนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาเข้าสู่สภาวะว่างเปล่าสงบนิ่งถึงที่สุด ไม่แปดเปื้อน ไร้ซึ่งความคิดสับสน ดุจดั่งจันทร์เพ็ญลอยเด่นเหนือมหาสมุทรมรกต สงบนิ่งไร้คลื่นลม
เนิ่นนานก่อนหน้านี้หลินสวินได้เริ่มเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานี้ และในวันนี้ที่ได้เริ่มลงมือหลอมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นแรกของตัวเอง หลินสวินกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นสักนิด
ไร้กังวล ไร้วิตก ไร้สุข ไร้เศร้า
ข่าวลือปั่นป่วนของโลกภายนอก ความเกลียดชังและความคิดว้าวุ่นที่เก็บกดอยู่ลึกๆ ภายในใจ ในเวลาล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“เริ่มกันเลย”
หลินสวินสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า เริ่มดำเนินการหลอมอาวุธ
ทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด ล้วนถูกฉายซ้ำนับครั้งไม่ถ้วนในใจเขา ขณะที่เริ่มลงมือ เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไปและสงบนิ่ง
วู้ม~
เตาหลอมสามขาเปล่งประกาย ส่งเสียงครวญดังก้องอยู่ที่ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณอันเปล่าเปลี่ยว
หลินสวินตั้งหน้าตั้งหนาในสิ่งนี้เพียงลำพัง หลอมวัตถุดิบวิญญาณ กลั่นหมึกวิญญาณ ชะล้างรอยสลักวิญญาณ… จดจ่อ จริงจัง ลืมเลือนทุกสิ่งไปสิ้น
……
โลกภายนอกลมพายุกำลังปั่นป่วน คลื่นใต้น้ำพลุ่งพล่าน
สำนักศึกษามฤคมรกตในช่วงสองวันมานี้กลายเป็นจุดสนใจของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน ขุมกำลังใหญ่แต่ละฝ่ายต่างทยอยหันมาให้ความสนใจ
ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยอายุสิบหกปี จะเริ่มหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ!
สำหรับคนทั่วไปเหตุการณ์นี้อาจดูห่างไกลเกินไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความจริง รู้แต่ว่าการกระทำของหลินสวินในครั้งนี้ ความหวังที่จะประสบความสำเร็จนั้นแสนเลือนรางยิ่งนัก
ส่วนจะเลือนรางแค่ไหนใครก็ไม่อาจทราบ เนื่องจากสมบัติล้ำค่าไร้เทียมทานอย่างชุดศึกสลักวิญญาณนั้นหายากและมีน้อยเกินไป และก็เพราะไม่แน่ใจว่าการหลอมสมบัติชิ้นนี้ลำบากมากแค่ไหน ถึงได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันห่างไกลเกินไป ไม่สามารถเชื่อได้เลยว่าหลินสวินจะทำสำเร็จ
แต่สำหรับบุคคลสำคัญบางส่วนที่เจนโลกมานาน กลับรู้ดีว่าชุดศึกสลักวิญญาณนั้นน่าตะลึงมากเพียงใด!
ไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิดว่านี่คืออาวุธล้ำค่าชิ้นหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง หากสามารถไขว่คว้าชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งมาได้ เช่นนั้นก็เท่ากับครอบครองพลังที่ทำให้ศัตรูหวาดผวาได้แล้ว!
ส่วนตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่าง หากสามารถครอบครองชุดศึกสลักวิญญาณได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนระดับชั้นของตระกูล ขึ้นมาเทียบตระกูลทรงอิทธิพลชั้นกลางได้เลยทีเดียว!
นี่ก็คือพลังและอิทธิพลของชุดศึกสลักวิญญาณ
เล่าลือกันว่าผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง หากในมือถือชุดศึกสลักวิญญาณอยู่ ก็สามารถก้าวข้ามระดับใหญ่ เทียบกับผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติได้!
ดังนั้นตอนที่รู้ว่าหลินสวินหมายจะหลอมสมบัติชิ้นนี้ จึงดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก และก่อให้เกิดความฮือฮาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้น
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่อาจขัดขวางไม่ให้ผู้คนสนใจเรื่องนี้
ชุดศึกสลักวิญญาณเชียวนะ!
การเป็นเจ้าของสมบัติที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ชิ้นหนึ่ง ใครจะไม่หวั่นไหวบ้างเล่า
สำนักศึกษามฤคมรกตจึงกลายเป็นตาพายุไป
กิเลนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เก้าหัวลากเกี้ยวสมบัติคันหนึ่ง บดบังชั้นเมฆ ร่อนลงมาหยุดเบื้องหน้าประตูใหญ่สำนักศึกษามฤคมรกต
เกี้ยวสมบัติโอ่อ่างดงามเปล่งประกาย ชายวัยกลางคนในชุดม่วงเดินออกมาจากในนั้น สองมือไพล่หลัง สง่างามดั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจสั่นคลอน แววตาวาววับ ลำแสงอสนีพวยพุ่ง สั่นสะท้านทั่วสารทิศ
“เกี้ยวสมบัติกิเลนเพลิง ฉินเป่าจี้มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงแห่งตระกูลฉิน!”
ผู้ฝึกปราณที่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวในที่นี้ล้วนอดตกตะลึงไม่ได้ ฉินเป่าจี้ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง พลังอำนาจดั่งตะวันกลางนภา
ฉินเป่าจี้เข้าสู่สำนักศึกษามฤคมรกตโดยไม่ถูกขวางกั้นสักนิด
สวบ!
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์พาดนภา เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งยืนอยู่บนเรือวิญญาณลำหนึ่ง ลอยล่องกลางอากาศ ดึงดูดความสนใจนับไม่ถ้วน
เรือนร่างของเขาเหยียดตรง อาภรณ์พลิ้วสะบัด รอบกายมีลำแสงสีรุ้งที่แปรมาจากสัจจะมหามรรคแสงแล้วแสงเล่า ดุจดั่งผสมผสานกับฟ้าดิน ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นดวงหน้าที่แท้จริงของเขาได้
“ไป๋จั้นโหวแห่งตระกูลจั่ว!”
ผู้ฝึกปราณอาวุโสบางคนตกใจ จำได้ถึงฐานะของเขา นั่นคือไป๋จั้นโหวจั่วฝูกวง…ผู้มีอิทธิพลในระดับหยั่งสัจจะผู้หนึ่งจากตระกูลจั่ว ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง!
เขาคือบุคคลที่ทรงอำนาจแข็งแกร่ง รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เผด็จศึกสังหารบุคคลสำคัญของเผ่าคนเถื่อนจักรวรรดิมืดร้อยคนอย่างกระหายเลือด!
เกี่ยวกับวีรกรรมของเขา ไม่มีเรื่องใดเลยที่ไม่นองเลือด เป็นที่พรั่นพรึงทั่วสารทิศ และได้รับบรรดาศักดิ์พระราชทานจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเป็นพิเศษว่า ‘ไป๋จั้นโหว’ (โหวร้อยศึก)
ไป๋จั้นโหวจั่วฝูกวงก็มาด้วยเช่นกัน นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างตื่นตะลึง
สำนักศึกษามฤคมรกตในวันนี้ไม่อาจสงบสุขได้แน่ มีบุคคลสำคัญมาเยือนคนแล้วคนเล่า เสมือนนัดหมายกันไว้อย่างดี แต่ละคนล้วนเรียกได้ว่ามีอิทธิพลยิ่งใหญ่ อำนาจล้นฟ้าทั้งนั้น!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็ถูกเรื่องที่หลินสวินจะหลอมชุดศึกวิญญาณดึงดูดมาเช่นกัน มิเช่นนั้นปกติย่อมไม่มีทางเห็นร่องรอยของพวกเขา
โครม~~
ที่ขอบฟ้าเกิดเสียงสั่นสะเทือนดุจดั่งลั่นกลองขึ้น พลันเห็นร่มธงโบกสะบัด องครักษ์เปิดทาง ข้ารับใช้ในชุดราชสำนักสิบหกคนโอบล้อมเกี้ยวสมบัติสัมฤทธิ์ราวกับหมู่ดาวล้อมเดือน แล้วรุดหน้ามาทางฝั่งนี้
เกี้ยวสมบัติสัมฤทธิ์ปกคลุมด้วยภาพเมฆาแห่งใต้หล้าฟ้าดินอย่างแน่นหนา ไอม่วงทองพวยพุ่ง ศักดิ์สิทธิ์น่ายำเกรง ประดุจผู้เป็นราชันมาเยือ
ครั้นขบวนนี้ปรากฏตัว ทำให้ทั่วทั้งลานต่างเงียบกริบ ตกสู่ความตะลึงงันครั้งใหญ่
เกี้ยวสมบัติสัมฤทธิ์ทองม่วง!
นี่คือพาหนะของ ‘เจิ้นไห่อ๋อง’ จ้าวจิ่วเซียวจากราชวงศ์ หนึ่งเดียวของทั้งจักรวรรดิ!
เจิ้นไห่อ๋อง คือท่านอ๋องผู้ทรงพลังราวกับตำนาน ลือกันว่าเขาครอบครองพลังพลิกฟ้าของระดับกระบวนแปรจุติได้นานแล้ว อำนาจน่ายำเกรง ทรงพลังเรืองนาม
และยามนี้ท่านอ๋องผู้นี้ก็มาด้วยเช่นกัน!
เกี้ยวสมบัติสัมฤทธิ์ทองม่วงหยุดลง ชายวัยกลางคนร่างผอมที่เดินออกมาสวมชุดคลุมสีเทา ใบหน้าเรียวยาวดั่งคมมีด กำยำขึงขัง ดูคล้ายจะไม่สะดุดตา ทว่ารูปร่างผอมโปร่งของเขากลับเสมือนซ่อนภูเขาไฟไว้ลูกหนึ่ง ขอเพียงปะทุออกมาจะต้องหลอมละลายทั่วทั้งแผ่นดิน!
ครั้นบุคคลสำคัญเหล่านี้แห่แหนมาเยือน โลกภายนอกก็ยิ่งอึกทึกมากขึ้นเรื่อยๆ และดึงดูดความสนใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทุกคนต่างคาดเดาได้ว่าพวกเขาต้องมาเพราะหลินสวินเป็นแน่
ส่วนด้านในสำนักศึกษามฤคมรกต บรรยากาศก็เห็นชัดว่าผิดปกติเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะที่สาขาสลักวิญญาณ ศิษย์อาจารย์กลุ่มหนึ่งต่างหยุดการเรียนการสอน ปราศจากความเยือกเย็นและสงบนิ่งดังแต่ก่อน
เพราะในวันนี้บุคคลสำคัญแห่งจักรวรรดิคนแล้วคนเล่ามาเยือน หลั่งไหลมาอยู่เบื้องหน้าหอหลอมวิญญาณไม่ขาดสาย และกำลังให้ความสนใจในเรื่องเดียวกัน… การหลอมอาวุธของหลินสวิน!
เบื้องหน้าหอหลอมวิญญาณมีการจัดเตรียมที่นั่งเพื่อรองรับบุคคลสำคัญเหล่านั้นแต่เนิ่นๆ แล้ว
เสิ่นทั่วยืนอยู่ในระยะไกลเพียงลำพัง มองดูบุคคลสำคัญคนแล้วคนเล่าที่มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญหย่อนกายลงนั่ง ในใจเกิดความวิตกอยู่เนืองๆ
ก่อนหน้านี้เพื่อสลายการชุมนุมขับไล่หวินสวินที่เกิดจากเหล่าศิษย์ เสิ่นทั่วจำเป็นต้องเอ่ยเรื่องที่หลินสวินจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกไป
และก็เพราะข่าวนี้ทำให้สำนักศึกษาเปลี่ยนท่าที ช่วยหลินสวินสลายการต่อต้านและการแก้แค้นที่มองไม่เห็นฉากนี้ไป
เพียงแต่เสิ่นทั่วคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าการปล่อยข่าวนี้ออกไปก่อน กลับดึงดูดความสนใจจากทั่วทิศ ทำให้บุคคลสำคัญเหล่านี้มาเยือนไม่ขาดสาย
แม้แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักศึกษาก็ยังตื่นตระหนก และมอบหมายให้เสิ่นทั่วไปจัดการเรื่องนี้ตามความเหมาะสม
“พี่เสิ่น”
อวี๋เป่ยโต้วปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์แห่งภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ และเฉิงจิ่งปรมาจารย์สลักวิญญาณจากสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักวรรดิก็มากันพร้อมหน้า
“พวกเจ้าก็มาด้วยหรือ”
เสิ่นทั่วไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านอีกต่อไป รุดหน้ามาต้อนรับ
“การหลอมอาวุธหนนี้ หลินสวินมั่นใจอยู่กระมัง”
อวี๋เป่ยโต้วถามทันทีที่ก้าวเข้ามา และพลันดึงดูดสายตาไม่น้อย คำถามข้อนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างสงสัยกันมากที่สุด
“อันนี้เจ้าต้องไปถามหลินสวินเอาเอง”
เสิ่นทั่วเอ่ยตอบ หลายวันมานี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกถามไปกี่หนแล้ว เขาไม่ได้อยากอมพะนำ หากแต่ไม่กล้าแสดงอะไรเด่นชัดมากไปก็เท่านั้น
“ข้าเข้าใจ อย่างไรเสียการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณครั้งแรก ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะประสบความสำเร็จ”
อวี้เป่ยโต้วพยักหน้า
เขา เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างเคยเป็นประจักษ์พยานระหว่างกระบวนการรับรองฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณของหลินสวิน และยังเคยเห็นปรากฏการณ์ ‘เสียงร้องเก้ามังกร’ อันยิ่งใหญ่นั้นมาแล้ว จึงรู้ชัดกว่าคนอื่นว่าความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณของหลินสวินน่าทึ่งถึงเพียงไหน
เพียงแต่ตอนที่ได้ยินว่าหลินสวินจะหลอมชุดศึกสลักวิญญาณก็ยังตกใจสะดุ้งโหยง ดังนั้นจึงรีบรุดมา เพื่อจะดูด้วยตาตัวเองว่าเป็นอย่างไรกันแน่
“สถานการณ์ออกจะไม่ชอบมาพากลนะ เหตุใดถึงมีคนมามากมายขนาดนี้”
อีกด้านหนึ่ง เฉิงจิ่งขมวดคิ้วพลางเอ่ยปาก “คงไม่ใช่มาดูเรื่องตลกของหลินสวินกันหมดนี่กระมัง”
ในใจเสิ่นทั่วสั่นสะท้าน เอ่ยปากพูดอย่างคลุมเครือ “นี่ก็คงพูดยากแล้ว”
ในความเป็นจริงเขามองร่องรอยบางอย่างออกตั้งแต่แรกแล้ว เหตุที่วันนี้มีคนใหญ่คนโตมารวมตัวกันมากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่มาชมหลินสวินหลอมอาวุธอย่างแน่นอน!
เวลานี้บุคคลสำคัญในลานมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แต่ละคนล้วนมีที่มาที่ไปยิ่งใหญ่ คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์อยู่ท่ามกลางพวกเขา
เนื่องจากที่นี่เป็นถึงสำนักศึกษามฤคมรกต ไม่ใช่ว่าใครอยากมาก็มาได้ตามอำเภอใจ
วู้ม!
ฉับพลัน ที่ชั้นเก้าของหอหลอมวิญญาณเกิดคลื่นมโหฬารระลอกหนึ่ง ดุจดั่งระฆังกังสดาล แผ่กระจายกว้างออกไป สะท้อนระหว่างฟ้าดิน
บัดนั้นสายตาทุกคู่กลางลานต่างถูกดึงดูดให้หันไปมอง
“เตาหลอมสามขาเขียวคล้ำถูกขับเคลื่อนแล้ว ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะเริ่มลงมือแล้วสินะ”
ตรงที่นั่งมีคนเอ่ยเสียงเบา
คนผู้นี้ใบหน้าซูบตอบ ดวงตาดุจอสนี ผมยาวเทาเหลือบขาวถูกหวีอย่างพิถีพิถัน เขาคือฉู่ซานเหอรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณนั่นเอง!
ตอนนั้นเพื่อออกหน้าช่วยเหลือฉู่ไห่ตงและโจมตีแก้แค้นหลินสวิน ฉู่ซานเหอเคยวางกับดักหมายจะทำให้หลินสวินไร้ที่ยืนในสาขาสลักวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดหลินสวินจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้าให้จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันได้สำเร็จอย่างราบรื่น และทำให้ฉู่ซานเหออับอายหาใดเปรียบ สุดท้ายยังเล่นงานเขาจนหน้าซีดเซียว ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จึงจำต้องหลบเร้นออกจากสาขาสลักวิญญาณก่อนเป็นการชั่วคราว
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาก็มาด้วย
“หากครั้งนี้เขาทำสำเร็จ ก็ถือว่าทำความชอบชดใช้ความผิด จะไม่เอาเรื่องที่เขาดูหมิ่นและลบหลู่ความสูงศักดิ์ของราชวงศ์อีก ถ้าหากล้มเหลว เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”
ด้านข้างฉู่ซานเหอ ชายชรารูปลักษณ์งามสง่าผู้หนึ่งเปล่งเสียงเฉยชา กลางนัยน์ตาผุดแววเย็นชา
ชายชรานามว่าจ้าวจั้นเย่ เป็นรองหัวหน้าสาขายุทธ์วิถี มีฐานะเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่งของราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าเขามาในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อสังเกตการณ์หลินสวินหลอมอาวุธเพียงอย่างเดียว!
——