บทที่ 254 แดนฝึกจิตขั้น 6
สำหรับคนรอบข้างของตนเอง หลัวซิวไม่เคยที่จะตระหนี่ถี่เหนียว
“ขอบคุณเจ้ามาก หลัวซิว” ปี้เซียนเสว่รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นหลัวซิวก็ได้เอาพวกยาวิเศษที่ใช้ในการเพิ่มระดับผลการฝึกตนออกมาจากแหวนเก็บของ และวางลงไปอีกด้าน แล้วใช้ตัวสำนึกพูดกับหลงหมิง: “พวกนี้ล้วนเป็นของเจ้า รีบบรรลุถึงแดนฝึกจิต”
ปี้เซียนเสว่ไม่รู้ถึงการมีตัวตนของหลงหมิง หลัวซิวเองก็ไม่ได้บอกกับนาง นับว่าเป็นไพ่ใบสำคัญที่เขาซ่อนเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดรับรู้
“ฮ่า ๆ ข้าท่านชายหลงเมื่อก่อนเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ของตระกูลหลงเชียวนะ ขอแค่ให้ทรัพยากรที่เพียงพอกับข้า อย่าว่าแต่แดนฝึกจิตเลย แม้แต่ผลการฝึกตนในตอนที่ถึงจุดสูงสุดก็สามารถฟื้นฟูได้”
ทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนก็มีส่วนของตัวเองด้วย นี่ทำให้หลงหมิงดีอกดีใจเป็นอย่างมาก มันแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว
ที่หลัวซิวเอาให้หลงหมิงนั้นล้วนเป็นยาวิเศษขั้นสี่ จอมยุทธ์พรสวรรค์โดยทั่วไปไม่สามารถกลั่นแปรได้ แต่มังกรไร้ร่างเป็นเผ่าพันธุ์มังกรโบราณ เลยไม่ต้องกังวลว่าร่างจะแตกตาย
“บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้เกี่ยวกับเคล็ดวิชาสยบวิญญาณออกมา” หลัวซิวกล่าว
ได้ยินดังนั้น ท่าทางดีอกดีใจบนใบหน้าของหลงหมิงก็หายไปทันที ต่อให้มันใช้เท้าคิดก็รู้ว่าหลัวซิวคิดจะทำอะไร
“ข้าไม่รู้จักเคล็ดวิชาสยบวิญญาณ” ศีรษะของมันส่ายเหมือนดั่งกลองป๋องแป๋ง
“ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เจ้ามีแม้กระทั่งเคล็ดวิชาแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าไม่มีเคล็ดวิชาสยบวิญญาณ” ในน้ำเสียงของหลัวซิวแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อย
เมื่อนึกถึงประสบการณ์ความเจ็บปวดในตอนที่ตนได้ถูกเปลวไปสีดำแผดเผาในเมื่อก่อนหน้านี้ หลงหมิงแทบอยากจะแตกหักและสู่อย่างสุดชีวิตกับเจ้าหนุ่มคนนี้
แต่มันก็เสียดายชีวิตของตัวเอง หลังจากที่รอดชีวิตมาได้จากการใช้เคล็ดวิชาทำลายกฎของธรรมชาติพรากชีวี มันก็รักตัวกลัวตายกว่าเมื่อก่อนมาก
สุดท้าย มันก็บอกเกี่ยวกับเคล็ดวิชาสยบวิญญาณออกมาอย่างว่าง่าย แต่ที่บอกกับหลัวซิวนั้นเป็นเพียงวิชาสยบวิญญาณระดับล่าง รอตัวเองบรรลุถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์ ก็จะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมได้
สำหรับจุดนี้แม้ว่าหลัวซิวจะทราบดี แต่ก็ไม่ได้เปิดโปง เพราะสำหรับในตอนนี้ วิชาสยบวิญญาณระดับล่างก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อยก่อนที่มังกรไร้ร่างตนนี้จะบรรลุถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์ ก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหลุดพ้นจากการควบคุมของวิชาสยบวิญญาณ
สำหรับอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณ ผู้ที่ถูกลงวิชาสยบวิญญาณ จะไม่สามารถแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณของตนไปได้
พื้นที่ในถ้ำกว้างขวางพอสมควร หลัวซิวและมังกรไร้ร่างฝึกตนอยู่ในส่วนลึก ส่วนปี้เซียวเสว่นั้นอยู่ใกล้ ๆ ปากถ้ำ
นำหินหยินจำนวนมากออกมาและวางกองไว้ที่ด้านข้าง หลัวซิวเริ่มเข้าสู่สภาวะฝึกตน
ภายในสมองของเขา ผังกฎความเป็นตายดั้งเดิมภาพที่สองได้ปรากฏขึ้น และเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงมากมายสองระดับความเป็นตายที่อยู่ในนั้น
ในจุดตันเถียนชี่ไห่ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหมุนวน กลั่นแปรพลังหยินสุดขั้วที่แฝงอยู่ในหินหยิน พลังจิตแท้จับตัวกันเป็นร่างมังกรหลายสายอยู่ภายในชี่ไห่
การฝึกตนของหลัวซิว วรยุทธ์ใช้วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพเป็นตัวนำ วิชาพลังมังกรแท้แทนที่จะบอกว่าเป็นวรยุทธ์ สู้บอกว่าเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้อย่างหนึ่งจะดีกว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งใด ๆ กับวรยุทธ์วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพที่เกิดจากความเป็นตายดั้งเดิมเลยแม้แต่น้อย
ปราณหยินที่อยู่ในหินหยินถาโถมออกมาอยู่ไม่หยุด เกิดเป็นกระแสน้ำวนขึ้นที่บริเวณผิวหนังภายนอกร่างกายของหลัวซิว ผลการฝึกตนรุดหน้าขึ้นมาไปอย่างรวดเร็ว
สิบวันหลัวจากนั้น หลัวซิวบรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 6 ช่วงกลาง สิบห้าวันหลัวจากนั้น บรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 6 ช่วงหลัง ยี่สิบวันหลัวจากนั้น บรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 6 ขั้นสูง!
สุดท้าย ฝึกตนปิดขังอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหนึ่งเดือน ผลการฝึกตนของหลัวซิวทะลวงถึงแดนฝึกจิตขั้น 7 บรรลุถึงแดนฝึกจิตช่วงปลาย!
วินาทีที่ผลการฝึกตนของหลัวซิวบรรลุนั้น ในตัวหยั่งรู้ห้วงความคิดของเขา ตัวสำนึกของควบแน่นอยู่ไม่หยุด กลายเป็นรูปกระบี่สีดำ
กระบี่สีดำเล็ก ๆ ลอยอยู่เหนือลูกแก้วความเป็นตาย
กระบี่สีดำเล็ก ๆ เล่มนี้ ได้รวมห้วงยุทธ์กระบี่สังหารและห้วงยุทธ์มรณะเอาไว้ ตัวสำนึกจับตัวกันเป็นรูปร่าง แสดงถึงระดับตัวสำนึกของเขา ได้บรรลุถึงแดนราชายุทธ์!
ถ้าหากสามารถรวมพลังจิตแท้ควบแน่นให้กลายเป็นรูปยา ในจุดตันเถียนชี่ไห่ได้ ก็จะสามารถก้าวเข้าสู่แดนราชายุทธ์อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ แดนร่างเนื้อก็บรรลุถึงขีดจำกัดร่างยุทธ์สูงสุด ความแข็งแกร่งโดยรวมเพิ่มขึ้นหลายเท่า
หลัวซิวลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย ในขณะที่ดีใจ ก็แอบทอดถอนใจ
ที่ดีใจก็เป็นเพราะไม่เพียงผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนผู้ฝึกจิตขั้น 7 ตัวสำนึกยิ่งได้ก้าวเข้าสู่ระดับราชายุทธ์ ร่างเนื้อก็บรรลุถึงขีดจำกัดร่างยุทธ์สูงสุด ที่ทอดถอนใจก็คือหินหยินมากมายขนาดนี้ เพียงแค่ทำให้ผลการฝึกตนของเขาก้าวขึ้นมาแค่ระดับเล็ก ๆ ฝึกฝนจิตวิญญาณ ร่างเนื้อ และพลังจิตแท้ในเวลาเดียวกัน ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากจริง ๆ
ในหมู่นักยุทธ์ มีน้อยมากที่จะฝึกฝนจิตวิญญาณ ร่างเนื้อ และพลังจิตแท้ในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นเพราะมีข้อเรียกร้องต่อทรัพยากรที่มากเกินไปจริง ๆ แถมยังต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ต่อให้มีทรัพยากรที่เพียงพอ ถ้าหากไม่มีพรสวรรค์ที่เหนือมนุษย์ ก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จได้ในช่วงที่มีลมหายใจอยู่
ดังนั้น นักยุทธ์ส่วนมากจึงเลือกที่จะฝึกตนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง และนักยุทธ์ที่ที่ฝึกพลังจิตแท้เป็นหลักนั้นมีมากสุด นักยุทธ์กลั่นร่างรองลงมา นักยุทธ์กลั่นวิญญาณมีน้อยที่สุด
ในบรรดานักยุทธ์ทั้งสามประเภทที่แตกต่างกัน นักยุทธ์กลั่นวิญญาณมีความชำนาญด้านการโจมตีวิญญาณซึ่งทำให้คนปวดหัวที่สุด ความสามารถยากที่จะจัดการ นักยุทธ์กลั่นร่างมีร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง อาวุธยุทธ์ยากที่จะทำอันตรายได้ ส่วนนักยุทธ์ที่ฝึกพลังจิตแท้เป็นหลักความสามารถค่อนข้างสมดุล ไม่มีอะไรโดดเด่น
“แม้ว่าต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก แต่ระยะเวลาในการฝึกตนของข้าก็ไม่นับว่าช้า ที่สำคัญก็คือได้ฝึกฝนกลั่นร่าง กลั่นวิญญาณ และกลั่นจิตในเวลาเดียวกัน รากฐานของข้าแข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ระดับเดียวกันมาก ในอนาคตก็มีกำลังแฝงมากมายที่สามารถดึงใช้ได้”
หลัวซิวยืนขึ้น ใช้นิ้วแทนกระบี่ ตวัดอยู่ในอากาศหลายครั้ง สิ่งที่ได้เรียนรู้มาในระยะเวลาหนึ่งเดือนต่างปรากฏขึ้นมาในสมอง
นักยุทธ์ หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจห้วงกระบี่จนบรรลุวิถีกระบี่ ก็จะก้าวออกมาจากขอบเขตของวิชายุทธ์โดยทั่วไป หลัวซิวอาศัยห้วงยุทธ์ทั้งสองที่ตนได้ทำความเข้าใจ และคิดค้นวิชายุทธ์ออกมาได้สองกระบวนท่า
กระบวนท่าที่หนึ่ง นั่นก็คือกระบี่สังหารที่คิดค้นขึ้นโดยใช้ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารเป็นที่ตั้ง
ส่วนกระบวนท่าที่สองนั้นก็คือกระบี่คร่าชีวีหวงเสวียนคิดค้นขึ้นโดยใช้ห้วงยุทธ์มรณะเป็นที่ตั้ง ความหมายก็คือหนึ่งกระบี่แทงออกไป ก็สามารถปลิดชีวิตของอีกฝ่ายได้ทันที ส่งศัตรูสู่แดนปรโลก
ทั้งสองกระบวนท่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นคิดค้น ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังมีกำลังแฝงอีกมากมายที่สามารถพัฒนาได้ จากการที่ระดับที่บรรลุถึงของตนสุงขึ้น ก็จะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ
จัดระเบียบสิ่งที่ได้รับจากการฝึกตนปิดขัง หลัวซิวกระจายตัวสำนึกออกไป และสังเกตเห็นหลงหมิงที่ฝึกตนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวเองนักเป็นอันดับแรก
ภายในหนึ่งเดือนมังกรไร้ร่างตัวนี้ได้กลืนกินยาระดับ 4 เข้าไปมากมาย ทั่วร่างเต็มไปด้วยรัศมีพลังของผู้ฝึกจิตขั้น 4 แผ่ซ่านออกมา การเพิ่มระดับที่รวดเร็วเช่นนี้พูดได้ว่าเป็นที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
แต่หลัวซิวไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด ถึงอย่างไรมังกรไร้ร่างตัวนี้ในสมัยโบราณก็มีตัวตนทัดเทียมกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ อย่างน้อยก่อนที่ผลการฝึกตนของมันฟื้นฟูถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ เหมือนจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าผลการฝึกตนติดอยู่ที่คอขวด
จากนั้นตัวสำนึกของหลัวซิวก็เพ่งไปที่ปี้เซียนเสว่ที่ฝึกตนอยู่ใกล้กับปากถ้ำ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นมาในดวงตา
“แดนฝึกจิตขั้น 6?” หลัวซิวเบิกตาโพลง เกือบจะคิดว่าตนได้มองผิดไป เพราะเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ปี้เซียนเสว่ยังอยู่แดนฝึกจิตขั้น 4 อยู่ชัด ๆ นี่บรรลุสองระดับแดนเล็กเลยหรือนี่