“ถึงเวลารับรางวัลแล้ว!” หลังจากทำงานเกษตรเสร็จสิ้น จ้าวเหวินเทาก็โบกมือ พลางกล่าวกับพวกเด็ก ๆ

พวกเด็กส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ้าวขณะวิ่งมาห้อมล้อมเขา

“ต่อแถวให้เรียบร้อย ๆ!” จ้าวเหวินเทารักษาความเป็นระเบียบ

เย่ฉูฉู่อุ้มเสี่ยวไป๋หยาง เสี่ยวไป๋หยางมองฉากอันครึกครื้นนี้ตาแป๋ว จากนั้นก็หัวเราะออกมา ไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

จ้าวเหวินเทาหยิบสมุดเล่มเล็ก ๆ จากนั้นก็แจกลูกอมให้เด็ก ๆ ตามจำนวนที่เขียนไว้

“ให้ไฉไฉแจกเถอะค่ะ” ต้าหยาพูด เธอเองก็ชอบลูกลิงมาก

“ถูกต้อง ให้ไฉไฉแจกให้!” หม่าต้านกระโดดพลางกล่าว

จ้าวเหวินเทา “ได้ งั้นเรียกไฉไฉมาแจกให้พวกเธอ”

เขานำรางวัลออกมาจากกระเป๋าผ้าและมอบให้ลูกลิง จากนั้นก็บอกลูกลิงให้เอาไปแจกเด็ก ๆ ลูกลิงจึงนำรางวัลเดินออกไปแจกตามที่จ้าวเหวินเทาบอก

เด็กเหล่านั้นมีความสุขจนแทบจะเป็นลม ไม่เพียงแต่ต้องการรางวัล แต่สาเหตุที่มากกว่านั้นก็เป็นเพราะลูกลิงแจกรางวัลนี่แหละ

“ไฉไฉแกดีจริง ๆ เลย ฉันขอลูบตัวแกได้หรือเปล่า?” เด็กในหมู่บ้านเอ่ยถามความเห็นจากลูกลิง

ผลลัพธ์ที่ได้คือลูกลิงไม่สนใจเขา ทั้งยังเดินกลับมาอยู่ข้างจ้าวเหวินเทาอย่างไร้ความรู้สึก

เด็กคนนั้นก็ไม่ได้หดหู่ ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกปฏิเสธ

จ้าวเหวินเทาบอกให้ลูกลิงเอารางวัลไปแจกต่อ

ตอนที่แจกดินสอ ลูกลิงแจกให้อีกฝ่ายตามจำนวน แต่ตอนที่แจกลูกอมก็เริ่มเกิดการยักยอกรางวัลขึ้นเล็กน้อย มือเล็ก ๆ ของมันยกขึ้น จากนั้นก็อ้าปากเพื่อยัดลูกอมถั่วเข้าไปในปากหนึ่งเม็ด

“อาหก มันกินลูกอมถั่วของหนู!” ซื่อหยาส่งเสียงร้อง

จ้าวเหวินเทาเห็นแล้วก็มีความสุข

ซื่อหยาเห็นว่าอาเล็กที่ไร้ยางอายมองเธอเป็นเรื่องตลก ก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้

เย่ฉูฉู่รีบปลอบใจ “ซื่อหยา เดี๋ยวอาชดเชยให้ ไม่ต้องร้องนะ”

“จริงเหรออาสะใภ้หก?” ซื่อหยารีบเก็บน้ำตากลับคืนไป

“จริงสิจ๊ะ” เย่ฉูฉู่นำลูกอมถั่วออกมาแจกเพิ่มให้เธอ

ซื่อหยาจึงยิ้มทั้งน้ำตา

ทว่าดวงตาเล็ก ๆ ของลูกลิงกลับกะพริบอย่างไร้เดียงสา มันมองคนนี้ทีคนนั้นที แต่สำหรับจ้าวเหวินเทามันคือสายตาของหัวขโมย มันคิดจะทำเรื่องไม่ดีอีกแล้ว

“ห้ามขโมยกินนะ!” จ้าวเหวินเทาตั้งใจทำให้มันตกใจ

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “คุณทำอะไรเนี่ย ลูกตกใจหมดแล้ว!”

เสี่ยวไป๋หยางเองก็ให้ความร่วมมือ เขาส่งเสียงร้อง ‘แอ๊’ ออกมา เขาเองก็ปกป้องลูกลิงเหมือนกัน

จ้าวเหวินเทามีความสุขมาก เดินเข้ามาหอมลูกชาย “ลูกชายคนดี ให้ไฉไฉกิน ให้ไฉไฉกินหมดเลยนะ!”

ลูกลิงเองก็เข้ามาร่วมด้วย ราวกับอยากแสดงความคิดเห็นสักหน่อย แต่กลับถูกจ้าวเหวินเทาผลักไปข้าง ๆ

ลูกลิงส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ ส่วนพวกเด็กที่ได้เห็นก็หัวเราะร่าออกมา เย่ฉูฉู่ก็หัวเราออกมาด้วย ภายในลานบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแล้ว

หลังเก็บข้าวโพดเสร็จเรียบร้อย จ้าวเหวินเทาเริ่มกลับไปขนผักฤดูใบไม้ร่วงขายอีกครั้ง

วันนี้พี่เขยสามีของลูกพี่ลูกน้องคนนั้นก็มาหา

เมื่อป้ารองรับประทานอาหารมื้อนั้นที่บ้านจ้าวเหวินเทาเสร็จ วันรุ่งขึ้นนางก็กลับบ้านแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงคิดว่าพี่เขยคนนี้ใช้เวลาอีกสามสี่วันถึงจะมาเพราะต้องยุ่งอยู่กับการเก็บข้าวโพดในบ้าน เขาได้ยินมาว่าที่นั่นปลูกข้าวโพดไว้เยอะมาก

พี่เขยคนนี้มีแซ่ว่าหลิว เขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองมีกระเป๋าสองข้างและกางเกงสีฟ้า รองเท้าเย็บด้วยมือหนึ่งคู่ เสื้อผ้าก็มีร่องรอยของการเย็บปะ รองเท้าก็มีรอยเย็บเช่นกัน แต่ก็ถูกซักจนสะอาดสะอ้าน

เขามีรูปร่างปานกลาง ค่อนไปทางผอม องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าดี ดู ๆ ไปแล้วเป็นคนตรงไปตรงมา แต่สีหน้าดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าขาดสารอาหารเป็นเวลานาน

“พี่เขยมาแล้ว!” จ้าวเหวินเทาอยู่บ้านพอดีจึงเห็นเขามาหา แม้ว่าจะเป็นระยะเวลายาวนาน แต่เขาก็พอจะจำได้อยู่บ้าง จึงออกไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

พี่เขยหลิวยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด ทั้งยังทำท่าทางวัดส่วนสูงเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ตอนที่ฉันเจอนายครั้งแรกยังตัวแค่นี้อยู่เลย ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ”

“นั่นสิครับ ผมกลายเป็นพ่อคนแล้วด้วย” จ้าวเหวินเทาให้พี่เขยหลิวเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็แนะนำภรรยาของเขา “พี่เขย นี่ฉูฉู่ภรรยาผมเอง ส่วนนี่คือเสี่ยวไป๋หยางลูกชาย แล้วก็ลิงที่ผมเลี้ยงไว้ชื่อฟาไฉ!”

ลูกลิงเห็นแขกมาเยือน มันจึงยกชาเข้ามาเสิร์ฟให้ พี่เขยหลิวมองด้วยความรู้สึกประหลาดใจปนกับมีความสุข จ้าวเหวินเทาจึงพูดเสริมไปอีกหนึ่งประโยค

เย่ฉูฉู่อุ้มลูกพลางกล่าว “พี่เขย รีบขึ้นมานั่งบนเตียงเถอะค่ะ”

พี่เขยหลิวรีบทักทาย จากนั้นก็ขึ้นมานั่งบนเตียงเตา เขามองดูบ้านขาวสะอาด พูดด้วยความอิจฉาว่า “เหวินเทา บ้านหลังนี้นายสร้างไว้ไม่เลวเลยนะ สว่างขนาดนี้เลย”

จ้าวเหวินเทากล่าว “ใช้เงินเยอะด้วยครับ นี่ก็อด ๆ อยาก ๆ อยู่เลย พี่เขย พี่มาได้ไงเนี่ย?”

“ฉันยืมจักรยานคนอื่นแล้วปั่นมาที่นี่น่ะ เพิ่งมาถึงนี่เอง ลุงกับป้าลงไปตัดข้าวโพดที่สวนแล้ว ฉันก็เลยมาดูที่นี่ ตอนแรกก็คิดว่านายจะไม่อยู่บ้านนะเนี่ย” พี่เขยหลิวดื่มชาหนึ่งคำก่อนจะกล่าว

“รถเสียน่ะครับ ยังไม่ได้ซ่อมเลย วันนี้เลยไม่ได้ออกไป พี่เขยมาได้ทันเวลาจริง ๆ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่ยื่นเสี่ยวไป๋หยางให้พ่อของเขา “คุณกล่อมลูกนะคะ ฉันจะเข้าไปเตรียมอาหาร อีกเดี๋ยวจะได้เรียกพ่อกับแม่ให้มากินด้วยกัน พี่เขย พวกพี่นั่งคุยกันตามสบายเลยนะคะ”

“ฉูฉู่เอ้ย ไม่ต้องยุ่งยากหรอก มีอะไรก็กินอันนั้นแหละ” พี่เขยหลิวกล่าว

เย่ฉูฉู่พูดเคล้ารอยยิ้ม “ไม่ได้ยุ่งยากเลยค่ะ เป็นอาหารสำเร็จรูปทั้งนั้น” ระหว่างที่พูดเธอก็เดินออกไป

ส่วนไฉไฉก็เดินตามฉูฉู่ออกไปโดยไม่ได้อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

“นายคิดยังไงถึงเลี้ยงลิงเนี่ย?” พี่เขยหลิวเห็นไฉไฉเดินออกไป จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “มันดูเหมือนคนมากเลยนะ”

“อย่าไปพูดถึงเลยพี่” จ้าวเหวินเทาปลอบลูกพลางพูดถึงประวัติของไฉไฉ “มันเต็มใจที่จะอยู่กับภรรยาผม แถมยังฟังที่ภรรยาผมพูดด้วย มันรู้เรื่องมากเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย พี่เขย พวกพี่เก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็จแล้วเหรอ?”

“เก็บเสร็จเมื่อวานนี้เอง ปลูกข้าวโพดไปมากกว่าครึ่ง แม้แต่ต้นข้าวโพดก็ขนกลับมาด้วย พวกเรานั่งปอกเปลือกกันในบ้านอยู่สองสามวันก็เสร็จแล้ว” พี่เขยหลิวกล่าว

“ที่ดินหนึ่งหมู่เก็บได้เท่าไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“ปีนี้ดีมากเลยนะ หนึ่งหมู่ได้มาห้าร้อยกว่าชั่ง ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร” พี่เขยหลิวกล่าว

จ้าวเหวินเทายิ้ม “พี่เขย พี่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยใช่ไหม?”

“ไม่ได้ใส่ ปุ๋ยแพงเกินไป ไม่มีปัญญาซื้อหรอก” พี่เขยหลิวส่ายหน้า

“ผมก็ว่าอยู่แล้วเชียว ไม่งั้นที่ดินหนึ่งหมู่คงไม่ได้แค่นี้หรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่เขยหลิวชะงัก จู่ ๆ ก็นึกถึงข้าวโพดที่จ้าวเหวินเทาปลูก จึงถามไปว่า “นายใช้ปุ๋ยเหรอ? หนึ่งหมู่เก็บเกี่ยวได้เท่าไรล่ะ?”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมเองก็เก็บเสร็จแล้ว ตอนนี้กองอยู่ที่ลานฝั่งตะวันตก เป็นข้าวโพดจากที่ดินสิบสองหมู่ อีกเดี๋ยวพี่ได้เห็นก็รู้แล้ว”

พี่เขยหลิวเองก็เป็นพวกรีบร้อนเสียด้วย “อีกเดี๋ยวอะไรกัน พวกเราไปดูตอนนี้เลยสิ”

ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?

จ้าวเหวินเทาอุ้มลูกชายและนำพี่เขยหลิวมาดูข้าวโพดที่ลานฝั่งตะวันตก ตอนที่พี่เขยหลิวได้เห็นกองข้าวโพดสีเหลืองอร่ามขนาดใหญ่เหล่านั้น เขาก็ถึงกับตกตะลึง ทำไมถึงเยอะขนาดนี้เนี่ย!

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่เขย พี่ว่ามีเท่าไรล่ะ?”

“ดูไม่ออกเลย” พี่เขยหลิวส่ายหน้าโดยที่ยังชะงักอยู่

“ผมเองก็ยังไม่ได้ชั่ง แต่คาดว่าน่าจะหมื่นกว่าชั่งเลยแหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ต่อให้เป็นตาชั่งแบบแขวนก็ต้องถึงหมื่นชั่ง”

พี่เขยหลิวตื่นเต้นมาก

หมื่นชั่งเลยเหรอ นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ เลยนะ ข้าวโพดหนึ่งชั่งตอนนี้ราคาเจ็ดเฟินแล้ว นี่ได้หลายร้อยหยวนเลย!

นี่มีถึงหนึ่งหมื่นชั่งเลยเหรอ?

พี่เขยหลิวรู้สึกว่ามันแอบเกินจริงไปหน่อย แต่แน่นอนว่าคำพูดนี้พูดออกมาไม่ได้

“นายทำได้ยังไง ทำไมถึงเก็บเกี่ยวได้เยอะขนาดนี้?” พี่เขยหลิวถามจบก็นึกขึ้นได้ทันที “นายใส่ปุ๋ยเหรอ?”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่เขยหลิวทายถูกแล้วล่ะ ผมใส่ปุ๋ย เจ้าสิ่งนี้สุดยอดจริง ๆ พี่ดูต้นของมันสิ หนาขนาดนั้น แถมฝักข้าวโพดยังใหญ่กว่าแบบที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยอีก เมล็ดข้าวโพดก็มีที่ลีบแค่ไม่กี่เมล็ดเอง”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เคล็ดลับผลผลิตอู้ฟู่ในที่ดินอันน้อยนิดของเหวินเทาเขาล่ะค่ะ แต่ใช้ต้นทุนเยอะหน่อย

ไหหม่า(海馬)