ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 339 ใต้ฟ้านิจนิรันดร์

จอมศาสตราพลิกดารา

กัวอวี่ชิงพูดไว้ไม่ผิด สถานการณ์ที่เจียงชิวไป๋เผชิญหน้าอยู่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก

หลังจากผ่านการสู้สุดกำลังโดยไม่ออมพลัง ตอนนี้เขาสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองไปแล้ว เป็นสุนัขประหลาดตาสองสีที่แบกเขาเดิน ขาและแขนขาดไปข้างหนึ่ง กระดูกขาวโผล่ออกมาข้างนอก เสียเลือดไปไม่น้อย อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง

ทั่วร่างส่วนที่ยังคงอยู่สมบูรณ์ ก็เหลือเพียงใบหน้างดงามนั่นแล้ว 

“สู้ไม่ได้ก็หนีสิ เจ้าน่ะเจ้าฝืนไม่เข้าท่า คนเดียวสู้กับสองคน สุดท้ายโดนชาวบ้านตัดแขนตัดขา เจ้าโง่รึเปล่าเนี่ย” สุนัขประหลาดตาสองสีบ่นอย่างไม่พอใจ “แล้วก็นะ เจ้าเอาแต่ปกป้องหน้าเจ้าทำไมกัน จุดอ่อนอยู่ที่ใบหน้ารึไง? นี่ เจ้าอย่าตายนะ ควบคุมหน่อย อย่าให้เลือดไหลออกมาทำขนสวยๆ ของข้าสกปรกล่ะ”

เจียงชิวไป๋ไอ หอบหายใจถี่รัว

มารดามันเถอะ ข้าก็อยากจะหนีเหมือนกันนั่นแหละ หากทิ้งพวกเจ้าหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกหนึ่งสุนัข ก็หนีพ้นไปนานแล้วมิใช่หรือ?

ซ่างกวนอวี่ถิงที่อยู่ข้างๆ เผยสีหน้าเป็นกังวล รีบร้องห้ามว่า “นายพล เลิกยั่วโมโหเขาได้แล้ว”

ก่อนหน้านี้ตอนหนีเอาชีวิตรอด สุนัขตัวนี้หลุดชื่อของตัวเองออกมาว่านายพล

เป็นชื่อที่น่าไม่อายเอาเสียเลย

“โฮ่ง หากไม่ใช่ว่าแม่สาวน้อยมีกลิ่นอายวิชาของเจ้าเด็กบ้าหลี่มู่นั่น ข้าไม่ช่วยพวกเจ้าหรอกนะ ตอนนี้ถูกคนไล่ฆ่าอย่างกับสุนัข โฮ่งๆ” เอกลักษณ์เด่นของเจ้านายพลคือพูดมาก ที่กล่าวกันว่าปากสุนัขพ่นงาช้างออกมาไม่ได้ก็คือมันนี่เอง ทั้งที่กำลังทำดีแท้ๆ แต่มันไม่เคยพูดจาดีๆ อะไร

เจียงชิวไป๋อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป “อะไรที่เรียกว่า…แค่กๆ ถูกคนไล่ฆ่าอย่างกับสุนัข เจ้าเอง…แค่กๆ ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่งจริงๆ นี่” เขาพูดพลางไอกระอักเลือด

ซ่างกวนอวี่ถิงกุมขมับ

หนึ่งคนหนึ่งสุนัขข้างหน้านี้เหมือนจะเป็นคู่พิฆาต เมื่ออยู่ด้วยกันก็เริ่มพ่นน้ำลายใส่กันเลย

จากบทสนทนาเมื่อครู่ นางรู้แล้วว่าสุนัขประหลาดชื่อนายพลตัวนี้รู้จักกับหลี่มู่จริง อีกทั้งบอกว่าหลี่มู่คือสัตว์เลี้ยงมนุษย์ที่มันเก็บมาเลี้ยง จากนั้นก็หลุดหายไป มันตามหาสัตว์เลี้ยงมนุษย์ของมันมาโดยตลอด…พี่มู่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของสุนัขตัวนี้ไปได้อย่างไร? สุนัขตัวนี้ไม่น่าเชื่อถือเกินไปแล้ว

“อ่าฮ่า รู้จักเถียงแล้ว ยังไม่ตายสนิทนี่” เจ้านายพลแขวะเจียงชิวไป๋กลับ “บอกมาซิว่าต่อไปพวกเราจะหนีไปที่ไหน” มันรู้สึกว่ากลิ่นอายของผู้ไล่สังหารใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว

“ไปฟ้านิจนิรันดร์” เจียงชิวไป๋โมโหจนกลอกตา “มุ่งไปข้างหน้าตามที่ข้าบอก”

เขาชี้ทางอย่างยากลำบากยิ่ง

“โฮ่ง ต้องเร่งความเร็วแล้ว” เจ้านายพลสะบัดตัวเล็กน้อย มันเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ตัวพองขยายออกมาราวกับลูกโป่ง เพียงชั่วครู่เดียวตัวมันก็ใหญ่เท่าลูกม้า “สาวน้อย เจ้าขึ้นมาขี่เอง…” อืม ถ้าหลี่มู่อยู่ละก็ คาดว่าคงอัดมันน่วมเพราะประโยคนี้แน่

มันแบกเจียงชิวไป๋และซ่างกวนอวี่ถิงไว้ และเร่งความเร็วขึ้น

มันเองก็ค่อนข้างกลัวอยู่เหมือนกัน

เพราะการต่อสู้เมื่อครู่ ถึงแม้มันจะกัดมือของผู้ใช้คลื่นวารีที่ค่อนข้างกระตุ้งกระติ้งคนนั้นขาด แต่ก็โดนกระบี่ของ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ เข้ากระบี่หนึ่ง ทั้งยังโดนแส้วารีของผู้ใช้คลื่นวารีฟาดเอาจนหลังเกือบหัก นี่ทำให้มันตระหนักได้ว่ามีอันตราย…ดังนั้นจะต้องหนี

รู้อย่างนี้ไม่น่ามาเลย

รอหลี่มู่อยู่ที่ทุ่งหิมะก็พอแล้ว

เหล่าสนมวังหลังหมาป่าขาวที่แข็งแรงเหล่านั้น ไม่รู้ว่าจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้ให้ข้ารึเปล่า?

เจ้านายพลวิ่งพลางคิดไปด้วย

หวังว่าเจ้าหนูมู่จะรีบตามมา มิฉะนั้นวันนี้หากถูกไล่ตามทันจริงๆ คงถูกสับเป็นหม้อไฟเนื้อสุนัขแน่แล้ว

มันแบกซ่างกวนอวี่ถิงและเจียงชิวไป๋ ทะยานไปอย่างบ้าคลั่งราวหมาป่าที่ไร้พันธนาการ

ไม่นานนัก ทางด้านหลังก็มีแสงน้ำและแสงดาบไล่ตามมาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า

ลำแสงสองสายเพียงกะพริบ ก็แปรเปลี่ยนเป็นร่างคนร่อนลงบนผืนดิน

เป็นผู้ใช้คลื่นวารีแห่งสำนักมหาวารีและเจ้าสำนักฟ้าคราม ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ นั่นเอง

“เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทำไมยังหนีได้เร็วขนาดนี้?” ผู้ใช้คลื่นวารีร่างกายค่อนข้างสะบักสะบอม ผิวกายปกคลุมด้วยประกายน้ำสีฟ้าอ่อนชั้นหนึ่งเสมือนเสื้อคลุมโปร่งบาง มือข้างที่ถูกกัดขาดครึ่งยังมีเลือดไหลชุ่มโชก

บุคคลในเก้ายอดคน ต่อให้เป็นกระดูกขาวก็ยังเกิดเนื้อขึ้นมาใหม่ได้ ตามหลักแล้วฝ่ามือที่ขาดเพียงชั่วหนึ่งความคิดก็น่าจะงอกขึ้นใหม่ได้ แต่น่าแปลกนัก ฝ่ามือที่ถูกสุนัขตัวนั้นกัดขาดกลับไม่อาจฟื้นคืนอีก นี่ทำให้จิตสังหารในใจของผู้ใช้คลื่นวารีลุกโชน เขาเคยน่าอเนจอนาถแบบนี้ที่ไหนกัน

ส้นเท้าของ ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้านเซิงก็มีรอยเขี้ยวรอยหนึ่ง เลือดไหลอาบเช่นกัน

พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ บุคคลในเก้ายอดคนกลับมาถูกสุนัขกัดเสียนี่

สารรูปของพวกเขาตอนนี้…ไม่ต่างจากขโมยโง่ๆ ไปขโมยของแล้วถูกสุนัขกัด สภาพจนตรอกเป็นที่สุด

“สุนัขโง่สมควรตายตัวนั้นค่อนข้างประหลาด…รอให้ข้าจับมันได้ก่อนเถอะ จะต้องดื่มเลือด กินเนื้อ ป่นกระดูกมันแน่” ผู้ใช้คลื่นวารีโมโหจนกัดฟันกรอด บุคลิกท่าทางของบุคคลระดับเก้ายอดคนมลายหาย

แต่ว่า เรื่องที่เขาไม่รู้ก็คือ ตนไม่ใช่บุคคลระดับเก้ายอดคนแรกที่ถูกสุนัขตัวนี้ทำให้โมโหจนเสียกิริยา

“อย่าพูดจาไร้ประโยชน์พวกนี้เลย คลาดกันเสียแล้ว ในวิหารเทพหมาป่ามีของประหลาดมากมาย…ตาเจ้าแล้ว อัญเชิญเซียนเถอะ” ‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ กู้ป้าเซิงเอ่ยอย่างเย็นชา พลางโยนรูปปั้นหมาป่าสีดำแกมแดงที่ปั้นขึ้นจากวัสดุลึกลับขนาดฝ่ามือไปให้

“ท่านเซียนโปรดนำทาง” ผู้ใช้คลื่นวารีรับมา ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟัน กำรูปปั้นเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง และมอบปราณแท้เทวะของตนผสานเข้าไปด้านในทีละกลุ่มๆ เลือดบนฝ่ามือก็มีบางส่วนที่ถูกดูดซับเข้าไป จากนั้นจึงเห็นพลังงานประหลาดกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากรูปปั้นหมาป่าลึกลับสีดำแกมแดง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นหมาป่าบินสีเดียวกัน กะพริบวาบกลางอากาศ พุ่งไปตามทางที่พวกเจียงชิวไป๋หายตัวไป

“ทางนั้น”

‘มารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูต’ ไล่ตามไป

ผู้ใช้คลื่นวารีก็ตามไปเช่นกัน

พวกเขาทั้งสองเข้ามาในวิหารเทพหมาป่าก่อนเจียงชิวไป๋และแอบลอบโจมตีเขาได้ ก็เพราะได้การช่วยเหลือจากรูปปั้นนี้

มิฉะนั้น ด้วยค่ายกลมากมายในวิหารเทพหมาป่า พันธนาการต่างๆ อีกทั้งเส้นทางดั่งเขาวงกต กับดักธรรมชาติต่างๆ พวกเขาจะบีบจนเจียงชิวไป๋สิ้นสภาพแบบนี้ได้อย่างไร?

ส่วนคนที่ให้รูปปั้นนี้กับพวกเขา…ไม่ใช่คนของโลกใบนี้

รั้วเล็กๆ สกัดกั้นผู้กล้าไว้นานเกินไปแล้ว

ฟ้าดินผืนนี้ก็คือรั้วที่ว่า

ดังนั้น ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไร พวกเขาก็จะลองดูสักครั้ง

ชีวิตของพวกเขายืนยาวเกินไป รอคอยจนเอียนเต็มทีแล้ว มิสู้พนันกันสักตั้ง

ทั้งสองผลัดกันมอบปราณแท้และเลือดของตัวเองให้กับรูปปั้นเทพหมาป่าลึกลับ ไล่ๆ หยุดๆ ตามเจียงชิวไป๋ไปเช่นนี้ มีหลายครั้งที่เกือบจะจับได้ไล่ทัน แต่สุดท้ายสุนัขประหลาดตัวนั้นกับเจียงชิวไป๋ก็ร่วมมือกันหนีไปได้

หลังจากไล่ตามเสมือนเล่นไล่จับอยู่ในวิหารเทพหมาป่าอย่างนี้อยู่สี่ห้าชั่วยาม สุดท้าย แสงสว่างที่เส้นทางด้านหน้าก็เหมือนจะสุดทางแล้ว

เมื่อพุ่งออกจากเส้นทาง ผ่านประตูใหญ่ที่เปิดไว้ไป แสงสว่างก็ปะทะเข้ามา

ด้านนอกเป็นโลกแปลกประหลาดใบหนึ่ง

แสงอาทิตย์หมุนวน อาทิตย์สองดวงและจันทร์สองดวงอยู่ตรงขอบฟ้าไกล ด้านล่างเป็นชั้นเมฆขาวกว้างสุดลูกหูลูกตา ประดุจว่าอยู่บนวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

หยกขาวไม่เป็นระเบียบแต่ละก้อนลอยอยู่กลางอากาศเหมือนกับบันได ทอดตัวไปยังกลางกลุ่มเมฆขาวที่อยู่ไกลลิบตา เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป สิ่งก่อสร้างสีทองขนาดมหึมาดุจวังเทพอันโอ่อ่าปรากฏเลือนรางอยู่ไกลๆ เมฆขาวบดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันเอาไว้

“ถึงแล้ว”

“ฟ้านิจนิรันดร์ในตำนาน”

ทั้งผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงต่างมีสีหน้าลิงโลด

สี่ดินแดนต้องห้ามเซียนและมารในแผ่นดินใหญ่เสินโจว ว่ากันว่าในนั้นมีเส้นทางทอดไปยังโลกเหนือฟ้า เหตุที่วิหารเทพหมาป่าสามารถอยู่ในที่ราบทุ่งหญ้าและตระหง่านเป็นหนึ่งในเก้าสำนักเทพได้ทั้งที่มีเส้นสนกลในน้อยนิด ก็เพราะวิหารเทพหมาป่ามีเส้นทางที่ทอดตัวไปยังฟ้านิจนิรันดร์ หนึ่งในสี่ดินแดนต้องห้ามของเซียนและมาร

ในอดีต มีคนมากมายอยากจะเข้าไปยังฟ้านิจนิรันดร์ผ่านวิหารเทพหมาป่า แต่ก็คว้าน้ำเหลวกลับมาทุกคน เพราะหนีไม่พ้นเหตุผลสองข้อคือ ในวิหารเทพหมาป่ามีค่ายกลพันธนาการที่สามารถสังหารเซียนและมารได้ อีกทั้งผู้ที่ปกป้องวิหารเทพหมาป่ายังเป็นหนึ่งในเก้ายอดคน ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงก็เคยจับจ้องความลับของฟ้านิจนิรันดร์ตาเป็นมัน แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ครั้งนี้มีโอกาสและเงื่อนไขแล้ว คู่ปฏิปักษ์จึงจับมือกันแฝงตัวเข้ามาในที่ราบทุ่งหญ้า

และตอนนี้ โฉมหน้าที่แท้จริงของฟ้านิจนิรันดร์ ในที่สุดก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขาแล้ว

“ไป”

ทั้งสองก้าวขึ้นบันไดหยกสีขาวที่ลอยอยู่ มุ่งไปสู่หมู่เมฆขาว

ปราณฟ้าดินในท้องฟ้าผืนนี้เข้มข้นเป็นพิเศษ กฎแห่งฟ้าดินก็ชัดเจนเป็นที่สุด แม้แต่ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงยังต้องจุปากอย่างอัศจรรย์ใจ

เดินไปตามบันได ตลอดทางที่ผ่านมาใช้เวลาไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ถึงจะมาถึงหน้าวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันวิจิตรอลังการ

กำแพงวังสีแดงชาดทอดตัวยาวไปในท้องฟ้าไกลไม่รู้เท่าไหร่ คล้ายจะทอดตัวยาวไปจนถึงดวงอาทิตย์คู่และดวงจันทร์คู่ ส่วนสุดทางบันไดหยกขาวที่ลอยอยู่ข้างหน้าทั้งสอง คือวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ใช้สีทองและแดงเป็นหลัก ด้านหน้าประตูสีทองบานใหญ่ที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลางประตูทั้งเก้า เจียงชิวไป๋ ซ่างกวนอวี่ถิง และเจ้านายพลสุนัขประหลาดตาสองสีกำลังนั่งอยู่เงียบๆ เหมือนกำลังรออะไรอยู่

“ประตูแห่งฟ้านิจนิรันดร์ยังไม่เปิด”

“ดีจริงๆ ยังไม่ถึงเวลา” 

ทั้งผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงต่างดีใจ

เวลายังไม่มาถึง ประตูแห่งฟ้านิจนิรันดร์ยังไม่เปิด พวกเจียงชิวไป๋เข้าไปไม่ได้ ก็เท่ากับติดอยู่ที่ตรงนี้ จะหนีก็หนีไม่ได้ เป็นลูกไก่ในกำมือ ภายในดวงตาของทั้งสองคนต่างมีจิตสังหารฉายวาบ จัดการพวกเจียงชิวไป๋ก่อนแล้วค่อยเข้าไปได้พอดี สมบูรณ์แบบสุดๆ

แทบจะในขณะเดียวกันนี้ พวกเจียงชิวไป๋ก็เห็นเก้ายอดคนทั้งสองที่ไล่ตามมาเช่นกัน

เจียงชิวไป๋พิงประตูสีทองที่อยู่ตรงกลางสุดของวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แล้วถอนหายใจ

ฝ่ายตรงข้ามมีของที่ชี้บอกทางอะไรประเภทนี้จริงๆ มิฉะนั้นไม่มีทางหาวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเจอได้เร็วขนาดนี้

และนี่ก็คือจุดที่เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ

เส้นทางและกับดักต่างๆ ในวิหารเทพไม่มีแผนที่อะไร อีกทั้งคนของวิหารเทพหมาป่าในอดีตที่แยกย้ายกันไปก็ไม่รู้เส้นทางที่แท้จริง ต่อให้เป็นศิษย์พี่กัวอวี่ชิงผู้ควบคุมที่แห่งนี้ในอดีต เมื่อจากวิหารเทพหมาป่าไปก็ตัดจิตทิ้ง ไม่อาจควบคุมวิหารเทพหมาป่าได้อีก อีกทั้งศิษย์พี่ไม่มีทางเผยความลับต่อสำนักเทพสุดแดนใต้อย่างเด็ดขาด…เช่นนั้นแล้วมันเกิดปัญหาที่ตรงไหนกันแน่?

“จ้าววิหารเจียง จบแค่นี้แล้ว” ผู้ใช้คลื่นวารีเดินประชิดเข้ามาอย่างเนิบช้า

กู้ป้านเซิงหยุดฝีเท้าลงไกลออกไปสามสิบสามจั้ง “ทุกคนต่างบาดเจ็บพอๆ กัน แต่สองคนสู้กับหนึ่งคน เจ้าไม่มีโอกาสชนะได้เลย จ้าววิหารเจียง ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าเป็นหนึ่งในเก้ายอดคน อยู่จุดสูงสุดวิถียุทธ์ในโลกหล้า เจ้าอัตวิบากกรรมเองเถิด พวกข้าทั้งสองก็เป็นคนที่เหยียบอยู่บนจุดสูงสุดเช่นกัน จะไม่หยามหมิ่นร่างของเจ้า ให้เจ้าได้มีร่างกายเหลือครบสมบูรณ์”