บทที่ 351 องค์หญิงหลิงหลงปะทะสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 351 องค์หญิงหลิงหลงปะทะสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

ตอนนี้ ในใจองค์หญิงหลิงหลงว้าวุ่นมาก

ถึงนางจะเป็นองค์หญิงของราชวงศ์เซียนต้าฮวง มีฐานะสูงส่ง มีคนมากมายรายล้อมคอยเอาใจ

แต่ความจริงแล้วองค์หญิงหลิงหลงไม่ได้มีประสบการณ์ด้านการคบค้าสมาคมกับคนอื่นมากนัก คนที่มีคุณสมบัติให้นางเข้าหาก่อนมีน้อยมากจริงๆ

ในอดีตทุกครั้งที่องค์หญิงหลิงหลงปรากฏตัวกลางกลุ่มคน คนอื่นๆ ก็จะขยับเข้ามาใกล้ด้วยความตื่นเต้น พยายามจะตีสนิท

แต่องค์หญิงหลิงหลงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่นิด

ต่อให้พูดคุยก็แค่ทำแบบขอไปทีเท่านั้น

พูดได้ว่าในผู้โดดเด่นรุ่นเดียวกันทั้งหมด มีเพียงเผชิญหน้ากับผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่มในตำนานที่เป็นโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดของราชวงศ์เซียนต้าฮวงคนนั้นเท่านั้น องค์หญิงหลิงหลงถึงจะรู้สึกละอายใจเทียบไม่ได้อย่างพบเห็นได้ยาก

แต่ตอนนี้ องค์หญิงหลิงหลงเกิดความรู้สึกละอายใจในตนเองคล้ายๆ กันนั้นอีกครั้ง กระทั่งยังตึงเครียดยิ่งกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับหนุ่มคนนั้น

ถึงอย่างไรผู้สูงส่งหนุ่มคนนั้นจะเลิศเลออย่างไร ก็เป็นญาติผู้พี่ขององค์หญิงหลิงหลง เป็นครอบครัวเดียวกัน

แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์หนุ่มที่เหนือสามัญที่สุดแห่งยุคคนนี้กลับเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก

ชีวิตคนหากเหมือนเพียงแรกพบ พบหน้ากันก็อยากถวายตัว~

แค่กๆ พูดบ้าอะไรกัน

องค์หญิงหลิงหลงหน้าแดงเรื่อ รู้สึกจิตใจปั่นป่วนนิดๆ

เดี๋ยวจะไปอยู่ตรงหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนั้นแล้ว จะทักทายอย่างไรดี

ได้ยินว่าภาพจำแรกของเด็กหนุ่มที่มองเด็กสาวสำคัญมาก จะให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกด้านลบไม่ได้เด็ดขาด

ไม่เช่นนั้น ข้าจะชักชวนอัจฉริยะเช่นนี้มาให้ราชวงศ์เซียนต้าฮวงได้อย่างไร จะทำภารกิจที่บิดามอบให้สำเร็จได้อย่างไร

เข้าไปป้องมือคารวะก่อนแล้วพูดว่า ‘ข้าคือองค์หญิงแห่งราชวงศ์เซียนต้าฮวง ไปผจญภัยด้วยกันได้หรือไม่’

ไม่ดี รู้สึกว่ามันลอยไปหน่อย อีกอย่างเด็กสาวจะบุกก่อนมากเกินไปไม่ได้

ไม่เช่นนั้นเกิดอีกฝ่ายปฏิเสธข้าอย่างไม่ไยดี แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

หรือจะควบไอกระบี่ประชันกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ต่อสู้ให้ถึงช่วงที่สูสีถึงอกถึงใจแล้วค่อยถอยหนี ไม่ให้เหมือนใครดี

ดูเสแสร้งแกล้งทำมาก แต่องค์หญิงหลิงหลงกังวลว่าตนอาจจะสู้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้เหมือนกัน

เกิดสองคนยังสู้ไม่ถึงระดับยากจะตัดสินและถึงอกถึงใจ ตนก็เกราะหลุด พ่ายแพ้ย่อยยับล่ะจะทำอย่างไร

อีกทั้งเพิ่งพบหน้ากันก็ลงมือ นี่จะไม่ใช่กุลสตรีเกินไปหน่อยหรือไม่

องค์หญิงหลิงหลงยืนบนหลังหงส์อย่างโอหัง กระบี่ล้ำค่าหยกขาวข้างหลังแผ่ไอกระบี่พุ่งขึ้นฟ้ารวดเร็วและดุดันเป็นพิเศษ

แต่ตัวนางกลับขวางตรงหน้ากลุ่มเสิ่นเทียน ไม่พูดไม่จา มองทุกคนด้วยสีหน้าซับซ้อนมาก

เด็กสาวที่เป็นโรคกลัวสังคมเจอกับบุรุษที่อยากรู้จักด้วย นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

หากไม่ใช่เพราะต้องทำตามคำสั่งบิดา องค์หญิงหลิงหลงคงถอยไปนานแล้ว

การชวนบุรุษหนุ่มหล่อคุยก่อนนี่มันยากเกินไป!

…….

ข้ามเรื่องที่องค์หญิงหลิงหลงขวางหน้าเสิ่นเทียนและว้าวุ่นใจจนนิ้วเท้าจิกพื้นไปก่อน ตอนนี้จางอวิ๋นซีข้างกายเสิ่นเทียนมีแววตาอันตรายขึ้นมาทีละนิด

นางมองหญิงตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร นางรู้สึกได้ถึงอำนาจคุกคามจากใบหน้าหญิงคนนี้

บัดซบ นางจะต้องเป็นปีศาจน้อยที่หมายปองตัวของศิษย์น้องแน่ๆ!

แล้วก็หญิงหงส์ ดูท่าคงมีฐานะไม่ธรรมดา!

ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาข้างหลังจางอวิ๋นซีพลันบดบังฟ้าบังดวงตะวัน

นางมององค์หญิงหลิงหลงด้วยดวงตาดั่งสายฟ้า “เจ้าเป็นใคร ไฉนถึงขวางทางพวกข้า”

การสนทนาระหว่างสตรี บางครั้งก็ไม่ต้องใช้คำพูด

แค่สายตา บางทีก็มากพอจะเข้าใจทุกอย่าง

องค์หญิงหลิงหลงเบนความสนใจจากเสิ่นเทียนไปที่ตัวจางอวิ๋นซี

ใบหน้าแดงของนางค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เริ่มเฉยชาและโอหังขึ้นทีละนิด ในดวงตามีแต่ความเย็นชาและสูงส่ง

กระบี่เซียนหยกขาวยิงประกายเซียนสว่างจ้าใส่ในมือองค์หญิงหลิงหลง นางจ้องจางอวิ๋นซี “เจ้า คงจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!”

จางอวิ๋นซีมององค์หญิงหลิงหลงอย่างเฉยชา “มีอะไรจะชี้แนะรึ”

องค์หญิงหลิงหลงยิ้มเล็กน้อย “ข้าคือสือหลิงหลงองค์หญิงลำดับเก้าแห่งราชวงศ์เซียนต้าฮวง อดีตอันดับหกรายนามแก่นพลังทองดินแดนกลาง ได้ยินว่าในรุ่นเยาว์ดินแดนบูรพา บุรุษมีบุตรศักดิ์เทพสวรรค์มีพรสวรรค์สูงสุด สตรีมีสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุด ข้าสนใจในตัวเจ้ามาก”

องค์หญิงหลิงหลงชำเลืองตามองเสิ่นเทียนเงียบๆ ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง

ต้องหาทางเรียกร้องความสนใจจากเขา!

องค์หญิงหลิงหลงเอ่ยขึ้น “ข้าสัมผัสได้รางๆ ว่าระดับพลังของเจ้าห่างจากระดับดวงจิตดรุณเพียงครึ่งก้าว และข้าเพิ่งรวมดวงจิตดรุณได้ไม่นาน

จางอวิ๋นซี เจ้ากล้าประลองในระดับพลังเดียวกันกับข้าหรือไม่ ข้าจะกดระดับพลังให้เหลือแก่นพลังทอง หากเจ้ายังกังวล ข้าจะมัดมือซ้าย ใช้มือข้างเดียวสู้กับเจ้า”

ยั่วยุรึ

กดระดับพลังอยู่แก่นพลังทอง และยังมัดมือซ้ายสู้กับข้าอีก

ผู้ชนะถึงจะคู่ควรยืนข้างกายศิษย์น้องรึ

จางอวิ๋นซีมุมปากกระตุกเล็กน้อย เข้าใจความคิดอีกฝ่ายแล้ว

บัดซบ หญิงมังกรแก่อันธพาลนั่นไม่เท่าไร นี่เด็กน้อยอย่างเจ้ายังกล้าโอหังต่อหน้าข้าอีกรึ

จางอวิ๋นซีกำหมัดแน่น ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาข้างหลังพลันเปล่งแสงสว่างอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

โฮก~!

อัสนีเทพกำเนิดฟ้าสีทองอัดแน่นฟ้าดิน กลิ่นอายพลังของจางอวิ๋นซียังเพิ่มขึ้นถึงขีดจำกัด

แก่นพลังทองส่องแสงสว่างจ้าอย่างยิ่งลูกหนึ่งลอยขึ้นมาเหนือศีรษะจางอวิ๋นซีช้าๆ ด้านบนแกะสลักลายเทพลึกลับเก้าลาย ตอนนี้กำลังระยิบระยับ

“ที่แท้ก็เป็นองค์หญิงลำดับเก้าของราชวงศ์เซียนต้าฮวง อวิ๋นซีเลื่อมใสในชื่อเสียงมานาน อยากรู้จักองค์หญิงมาตลอด”

จางอวิ๋นซีมององค์หญิงหลิงหลงด้วยดวงตาปานสายฟ้า เดินไปทางองค์หญิงหลิงหลงช้าๆ ทุกก้าว กลิ่นอายพลังรอบตัวจะเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วน่ากลัว

จางอวิ๋นซีคว้ากระบี่พยัคฆ์ขาวไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นางจ้ององค์หญิงหลิงหลง “ไฉนจะต้องกดระดับพลัง ระดับดวงจิตดรุณ สำหรับข้าแค่ดีดนิ้วก็ตาย ไฉนจะต้องสู้กับเจ้าด้วยระดับพลังเดียวกัน”

เพิ่งเอ่ยจบ จางอวิ๋นซีก็เดินหน้าอีกก้าว แก่นพลังทองที่แกะสลักลายเทพเก้าลายเปล่งแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง

รอยร้าวปรากฏขึ้นบนผิวแก่นพลังทองของจางอวิ๋นซี แสงสีม่วงสว่างพร่างพราวลอดมาจากในนั้น นั่นคือสีดวงจิตดรุณของจางอวิ๋นซี

ขณะเดียวกัน ลายเทพที่สิบก็เกิดเค้าโครงขึ้นมาช้าๆ!

ครึ่งก้าวแก่นพลังทองสิบรอบ!

องค์หญิงหลิงหลงมองจางอวิ๋นซีด้วยแววตาจริงจังขึ้นมา

นางยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนดูถูกคู่ต่อสู้คนนี้ จางอวิ๋นซีแกร่งกว่าที่นางคิดไว้!

อย่างน้อยจางอวิ๋นซีก็บรรลุครึ่งก้าวแก่นพลังทองสิบรอบในดินแดนบูรพาที่กันดารแห่งนี้ นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากและน่าเหลือเชื่อ

“เจ้ามีคุณสมบัติได้รับความเคารพจากข้า ข้าจะขอคืนคำพูดที่บอกจะกดระดับพลังและใช้มือเดียวสู้กับเจ้า”

องค์หญิงหลิงหลงพูดนิ่งๆ “เจ้าทะลวงพลังก่อนเถอะ! ข้าจะรอเจ้า!”

ใบหน้าจางอวิ๋นซีเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ “ไฉนจะต้องทะลวงพลังก่อน วันนี้ก็สู้ไปยกระดับพลังไป เอาชนะเจ้าเป็นการพิสูจน์มรรค!”

เมื่อเอ่ยจบ ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาข้างหลังจางอวิ๋นซีก็เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ทันใดนั้นมวลอากาศก็แตกกระจายเป็นเศษนับไม่ถ้วน กระจัดกระจายไปโดยรอบ

โฮก~

เด็กสาวถือกระบี่ยาวสองคนเหยียบมวลอากาศสู้กันเป็นก้อนกลม สายฟ้าสีทองกับแสงเทพวิจิตรตัดสลับกันในฟ้าดิน ต่างฝ่ายต่างยึดครองครึ่งท้องนภา สูสีกันยากจะตัดสินได้

กลิ่นอายพลังของจางอวิ๋นซีกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ศักยภาพขององค์หญิงหลิงหลงลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ ไม่ตกเป็นรองเลย!

การต่อสู้ของหญิงสองคนดุเดือดยิ่ง ทุกคนโดยรอบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

ต่อให้ฟางฉางที่มีศักยภาพเหนือชั้นก็ยังไม่กล้าประมาท

……

ถึงอย่างไรหากเข้าไปห้ามสตรีที่กำลังต่อสู้กัน ก็อาจจะมีจุดจบที่อนาถมากได้

เว้นแต่ จะเป็นคนที่พวกนางชอบ~

………………….