บทที่ 2 คัมภีร์หวง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เฉินหวั่นชิงรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าวันนี้เย่เทียนดูแปลกอยู่บ้าง สำหรับแปลกตรงไหน ในช่วงเวลานี้ เธอก็คิดไม่ได้มากขนาดนั้น

เธอถูกเย่เทียนกอดไว้ในอ้อมอก ในใจเต็มไปด้วยการปฏิเสธ อยากผลักเย่เทียนออกมากๆ

แต่มือของเย่เทียนราวกับมีเสน่ห์รัดรึงใจเอาไว้ ทำให้ร่างกายทั้งตัวของเธออ่อนยวบออกแรงสักนิดไม่ไหว อยากดิ้นรนออกจากเย่เทียนเดิมทีเป็นไปไม่ได้

“หรือว่าฉันเฉินหวั่นชิงต้องมอบความบริสุทธิ์ให้กับคนขี้ขลาดตาขาวคนนี้จริงๆ เหรอ?”

ตอนที่เฉินหวั่นชิงรู้สึกหมดหวัง ทันใดนั้นรู้สึกว่าแรงกดดันบนตัวหายไป

พอลืมตาขึ้น พบว่าเย่เทียนซึ่งไม่รู้ลุกขึ้นยืนไปตรงแต่เมื่อไรกัน ดวงตาใสแจ๋ว เดิมทีไม่มีท่าทางอัปลักษณ์แบบเมื่อสักครู่แม้แต่นิดเดียว

เย่เทียนทำหน้าอ่อนโยนมองเธออยู่ “ฉันรู้ว่าในใจเธอไม่ยินยอม ฉันก็ไม่อยากฝืนใจเธอด้วย พวกเรายังมีเวลาอีกมาก ไม่ช้าก็เร็วคงมีสักวัน ฉันจะทำให้เธอตกหลุมรักฉันอย่างแท้จริง!”

“ตกหลุมรักนาย?”

เฉินหวั่นชิงพินิจพิเคราะห์เขาแบบแปลกใจอยู่สักพัก ความรู้สึกที่เจ้าหมอนี่มีกับตัวเองค่อนข้างดีเกินไปแล้วมั้ง?

แต่ว่าเวลานี้เห็นเย่เทียนยืนตัวตรงแน่วอยู่ตรงนั้น และมีกลิ่นอายชายชาตรีเพิ่มขึ้นมาอีก เทียบกับภาพลักษณ์หงอยเหงาแบบเมื่อก่อนแล้วยังดีกว่าไม่รู้สักกี่เท่าจริงๆ

“เขาเหมือนเปลี่ยนไปบ้างจริงๆ……”

เฉินหวั่นชิงแอบคิด กำลังอยากจะพูดอะไรสักหน่อย มือถือก็ดังขึ้นกะทันหัน

หยิบมือถือออกไปรับสายโทรศัพท์ที่ด้านนอกเสร็จ ตอนที่กลับเข้ามาเฉินหวั่นชิงก็มีสีหน้าเย็นชาแบบเดิมอีกครั้ง

“ฉันจะออกไปข้างนอก นายอยู่ในบ้านอย่าเที่ยวออกไปมั่วซั่วอีก”

พูดจบ เฉินหวั่นชิงหมุนตัวออกไป

มองตามเฉินหวั่นชิงจนลับสายตาไป สีหน้าเย่เทียนค่อยๆ เปลี่ยนไปหนาวเย็น

เย่เทียนมาจากตระกูลใหญ่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมืองหลวง เพียงแต่เป็นแค่คนโดนทิ้งของตระกูลนั้น

ถ้าไม่ใช่เป็นปู่ของเฉินหวั่นชิงเก็บมา เขาคงตายอยู่ข้างถนนไปตั้งนานแล้ว

ตอนนั้นเขาหมดอาลัยตายอยาก ไม่ยอมรับความหวังดีของใครทั้งนั้น ไม่รู้อะไรเรียกว่าสำนึกในบุญคุณ แต่กลับทำเรื่องเหลวไหลไร้สาระที่ทำให้คนผิดหวังออกมามากมาย

ทว่าปู่ของเฉินหวั่นชิงกลับไม่ถือสาสักนิด ยังคงยืนกรานยกเฉินหวั่นชิงแต่งงานกับเขา หวังว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

เย่เทียนก็คิดว่าตนเองจะใช้ชีวิตอย่างโง่เขลาเบาปัญญาไปได้ทั้งชีวิต แต่หลังแต่งงานไม่นานนัก เพราะตระกูลเฉินวิจัยตัวยาที่สามารถพัฒนาร่างกายคนอื่นให้ดีขึ้นมากได้ จึงดึงดูดอิทธิพลลึกลับคนหนึ่งให้อยากจะได้ไป

เฉินหวั่นชิงเพื่อช่วยชีวิตเขา ต้องมาโดนยิงจนตาย!

ตอนนั้นเขาถึงรู้ว่า ใครดีต่อเขาจริง น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว

เย่เทียนวิ่งหนีอันตราย แต่ยังคงไม่สามารถหนีพ้นโชคร้ายได้ ถูกศัตรูในชาติก่อนตามฆ่าจนตกหน้าผาสูงไป

ก่อนที่จะตกหน้าผา นอกจากบนตัวศัตรูที่มีสัญลักษณ์หัวกะโหลกแล้ว แม้แต่คนที่ผลักเขาลงหน้าผาหน้าตาเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้!

แต่เดิมทีเขาที่ควรจะตาย กลับมีชีวิตอยู่ต่ออย่างปาฏิหาริย์ ทั้งยังได้รับโชคดีไม่ธรรมดาบางอย่างด้วย

ตระกูลเฉินสูญสลาย ภรรยาเสียชีวิต เย่เทียนสำนึกตัวอย่างฉับพลัน แต่กลับสายไปเสียแล้ว

หลังจากนั้น ในใจเย่เทียนคิดเพียงการแก้แค้น ไปเที่ยวเร่ร่อนต่อสู้ชีวิตในโลกทหารรับจ้าง อาศัยเพียงสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลกในความทรงจำอันนั้น อยากจะหาอิทธิพลลับเบื้องหลังที่ฆ่าเฉินหวั่นชิงตายให้เจอ

เวลาผ่านไปสี่ปี เขาทุ่มเทต่อสู้อย่างห้าวหาญ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าของบนโลกชั้นนำ

คนที่เขาฆ่ามาหลายปีนี้ แทบจะมีรอยสักหัวกะโหลกกันหมด

แต่อิทธิพลลึกลับคนนั้นสรุปมีที่มาอย่างไรกันแน่ ยังคงหาเบาะแสไม่เจอเลยสักนิดเดียว

เพราะเหตุนี้ยังยั่วยุศัตรูกลุ่มหนึ่งเข้าแล้ว สุดท้ายถูกฝังอยู่ในท้องทะเล

นึกถึงเรื่องในอดีต บนตัวเย่เทียนประกายจิตอาฆาตแค้นมหาศาลขึ้น กุมหมัดทั้งคู่ไว้แน่นจิกเข้าเนื้อยังไม่รู้สึกตัวสักนิด

“ดีที่ฉันเกิดใหม่อีกครั้ง เรื่องเศร้าในชาติก่อนจะไม่เกิดขึ้นอีก!”

ตั้งนาน เย่เทียนจึงค่อยๆ ได้สติกลับมา รู้สึกถึงความโชคดีอย่างยิ่งสำหรับการเกิดใหม่ของตนเอง

“ชาติก่อนฉันเร่ร่อนสู้ชีวิตในโลกทหารรับจ้าง ถึงแม้ฆ่าคนไปไม่น้อย แต่ก็ยังหาเบาะแสไม่เจอสักนิด นี่ได้แต่อธิบายว่า อิทธิพลลึกลับนั้นเข้าครอบครองเหมือนใยแมงมุม กระจายอยู่ทั่วทุกที่บนโลก! ความสามารถไกลเกินกว่าจินตนาการของฉัน!”

“ฉันจำเป็นต้องกุมพลังที่มากพอ ถึงจะสามารถหยุดยั้งการเกิดโศกนาฏกรรมได้!”

พิจารณามาถึงจุดนี้ เย่เทียนยิ่งรู้สึกเร่าร้อน ลุกขึ้นแล้วรีบไปที่ร้านยาใหญ่ที่สุดในเมืองโดยทันที

ในมือเขายังมีเงินไม่กี่พัน เป็นเงินติดตัวที่คุณปู่กำชับมาให้เขาไว้ใช้ แต่หลังจากซื้อยาชุดหนึ่งแล้ว เขาก็กลายเป็นคนยากจนโดยสิ้นเชิง ในมือเหลือเพียงเศษเงินไม่กี่ร้อย

“บำเพ็ญฌานไม่ง่าย เพียงแค่ยาก็ต้องจ่ายเงินจำนวนมากก้อนหนึ่ง ต้องคิดวิธีหาเงินเพิ่มถึงจะได้!”

เย่เทียนสูดหายใจลึกๆ ไม่คิดมากอีก ต้มยาแล้ว เริ่มบำเพ็ญฌานครั้งแรก

ในโลกการต่อสู้ แบ่งเป็นปราชญ์ ฟ้า ดิน ดำ เหลือง ห้าเขตแดนใหญ่ แต่ละเขตแดนแบ่งออกเป็นสูงกลางต่ำสามระดับย่อยอีก

เย่เทียนในชาติก่อน คือผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า เกือบจะอยู่บนยอดสุดของการต่อสู้

สำหรับแดนปราชญ์ กว่าร้อยปีไม่เคยปรากฏขึ้น เป็นเขตแดนมายาแห่งหนึ่ง

เย่เทียนนั่งสมาธิอยู่บนโซฟา หลับตาสำรวจภายใน ภายในทะเลความรู้อันไร้ขอบเขต มีหน้าปกทองอันหนึ่งลอยอยู่ในนั้น

นี่ก็คือการพบโดยโชคชะตาที่เขาได้รับมาเมื่อชาติก่อน เข้าสู่ในทะเลความรู้ของเขามาเอง

โดยผ่านจากหน้าปกอันนี้ เย่เทียนเข้าใจถึงวิธีฝึกฝนชั้นสูงของคัมภีร์หวงส่วนหนึ่ง

ตอนนั้นที่เขาตกหน้าผาสูง เหลือเพียงลมหายใจเฮือกหนึ่ง บำเพ็ญฌานตามวิธีฝึกฝน ไม่เพียงฟื้นฟูร่างกายตนเองได้แล้ว ยังครอบครองพละกำลังที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย

เย่เทียนรู้ว่า หน้าปกที่ลึกลับนี้ ต้องเป็นของล้ำค่ายิ่งใหญ่สิ่งหนึ่ง เพียงแค่ความสามารถชาติก่อนอ่อนเกินไป จึงไม่มีทางเข้าใจทะลุปรุโปร่งมาโดยตลอดเท่านั้น

“แกก็เกิดใหม่ตามฉันมาด้วยกันงั้นเหรอ? หรือว่าฉันเกิดใหม่ได้ เป็นเพราะแกกำลังช่วยฉัน?”

เย่เทียนแอบพูดกับตนเองในใจ แต่หน้าปกทองเหมือนเป็นของไร้ชีวิต ลอยอยู่ในทะเลความรู้ของเขาอย่างเงียบๆ ไม่ได้ตอบสนองสักนิด

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ครุ่นคิดอีก กินยาเข้าไป กำลังอยู่ในสภาพบำเพ็ญฌานแบบเงียบสงบ

……

รอเย่เทียนฟื้นคืนกลับมาจากสภาพบำเพ็ญฌาน ก็เป็นช่วงพลบค่ำของวันต่อมาแล้ว

เขาลืมตาขึ้น ในแววตาลึกเหมือนมีแสงมหัศจรรย์แวบผ่าน

“ในที่สุดก็ควบคุมพละกำลังได้นิดๆ บรรลุฝึกพลังชั้นหนึ่งได้!”

เย่เทียนพูดพึมพำ กลิ่นเหม็นเน่าซึ่งแพร่กระจายออกมาจากบนตัว เขากลับไม่ตกใจแต่ดีใจ

นี่คือหลังจากบำเพ็ญฌานครั้งแรก สิ่งปนเปื้อนได้กำจัดออกมาจากภายในร่างกาย ก่อรูปเป็นสิ่งสกปรกที่เหนียวขนาดใหญ่

ถ้าใช้คัมภีร์หวงมาอธิบาย นั่นคือการทะลุผ่านความรู้สึกของพลังแล้ว เข้าสู่วิถีแล้ว!

ระบบวิธีฝึกฝนบำเพ็ญฌานของเขาไม่เหมือนกับการต่อสู้ แบ่งเป็นการฝึกพลัง ทำงานขั้นปฐมภูมิ แดนพลังผนึกจินตัน และเขตแดนอื่นอีกมากมาย

เย่เทียนในชาติก่อนเป็นระยะปฐมภูมิสูงสุด พอจะบดขยี้ผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าส่วนใหญ่ได้

ฝึกพลังชั้นหนึ่งในตอนนี้ เปรียบเทียบกับนักบู๊ระดับเหลืองทั่วไปยังดูยิ่งใหญ่กว่ามาก

เย่เทียนอาบน้ำออกมา รู้สึกถึงพลังชี่แท้นิดๆ ที่ไหลเวียนภายในร่างกายไม่นิ่ง มุมปากฉีกขึ้นนิดหน่อย

แบฝ่ามือออก กลางฝ่ามือมียันต์สีเหลืองเพิ่มมาอันหนึ่ง

ยันต์สีเหลืองเป็นตอนที่เขาบำเพ็ญฌานวาดลงไปด้วยตัวเอง มีสรรพคุณป้องกันตัว ระดับการป้องกันไม่สูงมาก และทำได้เพียงกันกระสุนครั้งเดียวเท่านั้น เป็นของที่เอามาให้เฉินหวั่นชิงใช้ป้องกันตัว

กวาดตามองในห้องรับแขกรอบหนึ่ง พบว่าเฉินหวั่นชิงไม่ได้กลับมาหนึ่งวันหนึ่งคืน

“หรือเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนี้ เลยไม่กล้าเจอหน้าฉัน?”

เย่เทียนแอบคิดในใจ กลอกลูกตาวนรอบหนึ่ง หยิบมือถือออกมาต่อสายไปหาเฉินหวั่นชิง

ตามจีบสาว ก็ต้องทำหนังหน้าหนาเข้าไว้ ตามตื๊อไม่เลิก

โทรศัพท์ติดอยู่พักหนึ่งถึงมีคนรับสาย เสียงพูดของเฉินหวั่นชิงที่เหนื่อยล้าเล็กน้อยลอยมา

“มีธุระเหรอ?”

“เอ๋……ไม่มีธุระอะไร แค่เห็นเธอไม่ได้กลับมาทั้งคืน เป็นห่วงเธอนิดหน่อย……”

เย่เทียนพูดอย่างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง นึกถึงตัวเขาในสองชาติ ยังไม่มีประสบการณ์ตามจีบสาวอะไรนัก

“นาย……”

ในสายโทรศัพท์ทางนั้นเฉินหวั่นชิงลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดถอนหายใจไปทีหนึ่ง น้ำเสียงเศร้าสลด

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนเจียงหนัน นายเข้ามาเถอะ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเจอคุณปู่ของฉันแล้ว……”

“คุณปู่นอนโรงพยาบาลแล้ว?”

ในใจของเย่เทียนเต้นตุบตับมาเล็กน้อย ชาติก่อนเขาไม่รู้จักบุญคุณใหญ่หลวงของผู้อาวุโส กลับมาเกิดใหม่จึงตระหนักได้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ได้ยินว่าปู่เข้าโรงพยาบาล เย่เทียนไม่กล้าชักช้า วางสายโทรศัพท์ลง รีบมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลอย่างไม่ยอมหยุดพัก