[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 409 : ไม่อาจขัดขืนได้!

กลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ฉินตงเฉี่วยมาส่งข่าวให้กับฉินจิวยื่อนั้น นางแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อได้เห็นพี่สาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า!

พี่สาวของนางนั้นแก่กว่านางถึงเก้าปี แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าฉินจิวยื่อเด็กกว่านางถึงสามหรือสี่ปี เป็นไปได้อย่างไรกัน?!

ฉินจิวยื่อนั้นอายุสามสิบหกปีแล้ว แต่ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็น ต่างก็ต้องคิดว่านางเพิ่งจะอายุสามสิบ และนั่นเป็นผลพลอยได้จากการฝึกจนสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้

แต่หลังจากที่หลิงหยุนได้ใช้พลังอมตะชำระล้างร่างกายภายในของฉินจิวยื่อจนราวกับได้ร่างที่เกิดใหม่แล้วนั้น ทำให้ตอนนี้นางดูราวกับเด็กสาวที่เพิ่งอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปีเท่านั้น นางเองทั้งดีใจและเก้อเขินจนไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คน

ฉินตงเฉี่วยเองก็เช่นเดียวกัน แม้ว่านางจะอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว แต่กลับดูคล้ายหญิงสาวอายุยี่สิบสอง แต่หากไปเทียบกับพี่สาวของนางในตอนนี้ นางกลับดูแก่กว่านางฉินจิวยื่อราวสองหรือสามปีทีเดียว

หลิงหยุนรับรู้ได้ว่าฉินตงเฉี่วยดูจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก จนถึงกับต้องเอ่ยปากถาม เขาจึงอดที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้

เมื่อฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนหัวเราะอย่างสนุกสนาน จึงได้ยกขาเรียวยาวของนางขึ้นเตะหลิงหยุน พร้อมกับพูดอย่างโมโห

“นี่เจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้างั้นรึ?”

ผู้หญิงยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ! ไม่มีผู้หญิงคนใหนที่จะไม่เป็นห่วงเรื่องอายุที่ร่วงโรย รูปลักษณ์ภายนอก โดยเฉพาะเรื่องของความสวยความงาม เมื่อวันเวลาล่วงเลยไป มีผู้หญิงคนใหนบ้างที่ไม่ใฝ่ฝันอยากกลับมามีผิวพรรณเต่งตึงดังเช่นสาวน้อยอีก?!

หลิงหยุนพยายามกลั้นหัวเราะ และตอบไปว่า “นี่น้าหญิง.. ถ้าท่านอยากจะเด็กลงเหมือนกับแม่ข้า ท่านต้องอดทนรอข้าอีกสองเดือน ถึงตอนนั้น รับรองว่าข้าจะทำให้ท่านเด็กลงได้อีกเป็นสิบปีเชียว!”

ตอนนี้การฝึกฝนของหลิงหยุนนับว่ารุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว ภายในสองเดือนนี้ เขาจะต้องสามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้อย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าอาจเข้าสู่ขั้นพลังชี่-2 เลยก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นการปรุงยาเม็ดโฉมสะคราญ หรือยาเม็ดชะลอวัย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรสำหรับเขา!

 “จริงหรือ?! เจ้าอย่าหลอกข้าก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้น..?!”

ฉินตงเฉี่วยได้ฟังหลิงหยุนพูดเช่นนั้น ก็ถึงกับตาโตอย่างมีความสุข แต่ก็ทำเป็นวางท่าและทำเสียงโวยวายใส่หลิงหยุน

หลิงหยุนตบบ่าฉินตงเฉี่วยเบาๆ และรู้สึกว่ามือของเขาทั้งเย็นและสั่น แต่ก็แสร้งทำเป็นพูดติดตลกว่า

“แม่นาง.. รออีกหน่อยท่านก็จะต้องเรียกข้าว่าท่านพี่แล้วล่ะ.. โอ๊ย!”

หลิงหยุนถึงกับร้องเสียงหลง ครั้งนี้ฉินตงเฉี่วยเอาจริง นางหยิกเข้าที่เนื้อนุ่มของหลิงหยุนอย่างสุดแรงพร้อมกับดุเขาว่า..

“เจ้าเด็กดื้อ.. นี่เจ้ากล้าลามปามไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่! ข้าต้องทำโทษเจ้า..”

ระหว่างที่นางดุว่าหลิงหยุนด้วยความโมโหอยู่นั้น หน้าอกของนางก็กระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงต่อหน้าหลิงหยุน เขาจึงได้แต่สวดมนต์ภาวนาอยู่ในใจ

หลังจากที่ฉินตงเฉี่วยปล่อยมือ และหยุดทำโทษหลิงหยุนแล้ว นางก็ถามขึ้นว่า “คืนนี้เจ้าค้างที่นี่ หรือว่า..”

หลิงหยุนเกาหัวพร้อมกับตอบไปว่า “น้าหญิง.. คืนนี้ข้าคงต้องกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ เพราะกลางวันไม่สะดวกใช้วิชาตัวเบา แล้วพรุ่งนี้เย็นข้าจะพาหลิงยู่มาพบท่าน..”

ฉินตงเฉี่วยได้ยินว่าหลิงหยุนจะกลับเข้าตัวเมือง ภายในใจของนางเกิดความรู้สึกลังเลแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป และใบหน้าที่สวยงามก็เปลี่ยนเป็นสลดเล็กน้อย

นี่เป็นความรู้สึกที่สับสนและอธิบายไม่ถูก และฉินตงเฉี่วยเองก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ในใจของเธอเกิดความกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้..

หลิงหยุนรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของฉินตงเฉี่วยได้ดี เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะกลับไปเช่นกัน แต่แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า..

“น้าหญิง.. ท่านใส่ชุดนี้ของแม่แล้วสวยมากเลยทีเดียว แต่..”

ฉินตงเฉี่วยได้ฟังก็อดคิดไม่ได้ว่าหลิงหยุนคงคิดอะไรไม่ดีอีกแน่ แต่ก็ถามออกไปด้วยใจที่สั่น “แต่อะไร?!”

หลิงหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับชี้ไปตรงก้นกลมกลึงที่แทบจะพุ่งออกมาชุดกระโปรงรัดรูปนั้น

“ดูเหมือนกระโปรงเดรสนี่จะปิดก้นกลมงอนของท่านได้ไม่มิด..”

“เจ้าเด็กนี่!”

หลิงหยุนหัวเราะจนตัวงอ.. ฉินตงเฉี่วยได้ฟังก็ทั้งโกรธและทั้งอาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้จัดการอะไรกับหลิงหยุน ร่างของเขาไปยืนอยู่บนกิ่งไม้นอกบ้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับขยิบตาให้ฉินตงเฉี่วยและร้องบอกว่า

“น้าหญิง.. ข้าไปก่อนนะ แล้วพบกับพรุ่งนี้!”

“พรุ่งนี้รีบพาหลิงยู่กลับมาหาข้าล่ะ แล้วก็อย่าโดดเรียนด้วย!”

“นี่.. อยู่ข้างนอก ก็อย่าให้ใครมารังแกเจ้าได้ล่ะ!”

หลิงหยุนได้ยินคำพูดของฉินตงเฉี่วยอย่างชัดเจน และดูเหมือนว่าการอยู่ภายใต้ความดูแลของน้าหญิง เขาคงจะไม่สามารถโดดเรียนได้อีกแล้ว

หลิงหยุนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ฉินตงเฉี่วยยังจะห่วงว่าเขาจะถูกรังแกอีก นางควรจะห่วงว่าเขาจะไปรังแกคนอื่นจะดีกว่า!

ฉินตงเฉี่วยโกรธจนหน้าแดงและตัวแดงไปหมด หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงจากการหายใจเร็ว แต่ภายในใจลึกๆกลับรู้สึกมีความสุข นางจ้องมองไปยังทิศทางที่หลิงหยุนหายลับตาไป นานครู่ใหญ่จึงพึมพำกับตัวเองขึ้นมาว่า

“นี่ข้าจะอบรมเด็กดื้ออย่างเจ้าได้หรือไม่นะ? แล้วคืนนี้ข้าเป็นอะไรไป?”

………..

หลิงหยุนออกจากบ้านเลขที่-9 ไป ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่อาจอธิบายได้ มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับคนที่ดื่มไวน์แล้วหยุดไม่ได้ ต้องดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเกิดความรู้สึกอยากจะรีบกลับไปหาน้าหญิงของเขาไวๆ

แน่นอนว่าหลิงหยุนชื่นชอบความรู้สึกเช่นนี้มาก เพราะนอกจากแม่ของเขาเองแล้ว ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนใหนที่จะสามารถเจ้ากี้เจ้าการกับเขาได้อีก แต่ฉินตงเฉี่วยที่มีทั้งฝีมือและอายุที่เหนือกว่าเขา กลับสามารถจัดการเขาได้อยู่หมัด!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลิกของนาง ที่ทำให้หลิงหยุนไม่กล้าขัดขืน แต่ก็ทำให้เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาควรจะต้องโกรธ แต่กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกชื่นชอบและภูมิใจแทน มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมากจริงๆ!

ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะออกมานั้น เขายังใช้สายตาโลมเลียรูปร่างที่งดงามของน้าหญิงอย่างไม่รู้ตัว!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลิงหยุนก็อดนึกถึงภาพที่พวกเขาทั้งคู่ริมฝีปากแนบชิดอยู่กลางทะเลไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้เลือดในกายของหลิงหยุนพลุ่งพล่านได้มากกว่าตอนที่เขาวิ่งเสียอีก เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร จึงได้แต่ร้องตะโกนเสียงดังออกไป..!

หลังจากที่ได้ร้องตะโกนระบายความอึดอัดออกไปแล้ว หลิงหยุนก็เริ่มไม่รู้สึกอะไรแล้ว และไม่กล้าที่จะรู้สึกอะไรอีก แต่เพียงไม่นานก็กลับไปคิดอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกดี.. ช่างเป็นความรู้สึกที่ประลาดนัก!

“โชคร้ายจริงๆ.. ต่อให้ข้ากับนางไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือดแม้แต่น้อย แต่นางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้าหญิงของข้า.. เฮ้อ..!”

หลิงหยุนครุ่นคิดเรื่องนี้ไปตลอดทางที่กลับเข้าเมือง เขาไม่ได้ไปที่ใหนต่อ แต่ตรงกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ทันที

ช่วงเวลาที่อยู่กับฉินตงเฉี่วยนั้น เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อหลิงหยุนกลับมาถึงที่อพาร์ทเมนท์ ก็เป็นเวลาตีห้าพอดี..

หลิงหยุนนอนไม่หลับ และภายใต้จิตใจที่สับสนนี้ เขาก็ไม่อาจฝึกฝนได้เช่นกัน หลิงหยุนตรงไปนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จากนั้นจึงหันไปมองที่ห้องนอนของเฉิงเม่ยเฟิง และเสี่ยวเม่ยเม่ย ความรู้สึกสับสัน และอารมณ์มากมายก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ

“มันไม่ยุติธรรมกับพวกเจ้าเลย..”

หลิงหยุนนั่งเงียบอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก และเริ่มนึกถึงรอยยิ้มของเสี่ยวเม่ยเม่ยและเฉิงเม่ยเฟิง นึกถึงท่าทางที่มีเสน่ห์ของเสี่วยเม่ยเม่ย นึกถึงหน้าตาที่สวยงามและหยิ่งจองหองของเฉิงเม่ยเฟิง

ผ่านไปครู่ใหญ่ อารมณ์ที่ปั่นป่วนของหลิงหยุนก็ค่อยๆสงบลง และถูกแทนที่ด้วยแววตาเยือกเย็น

“ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา และไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ข้าก็จะต้องหาพวกเจ้าทั้งสองคนให้พบจงได้!”

หลังจากที่หลิงหยุนสงบลงแล้ว ดวงตาของเขาก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นและลึกลับ

หลิงหยุนนั่งอยู่อย่างนั้นจนถึงหกโมงเช้า จากนั้นจึงเดินไปที่ระเบียง และเริ่มฝึกดารกะดายัน

หลิงหยุนคาดว่าเขาจะต้องใช้เวลาราวหนึ่งเดือนในการที่จะเข้าสู่ระดับสิบสามได้!

หลิงหยุนรู้ว่าหลังจากที่ออกมาจากหลุมยักษ์ เขาจะสามารถฝึกดารกะดายันในระดับย่อยได้ครั้งเดียวถึงสี่ระดับ เพราะเป็นผลพวงจากพลังจักรวาลซึ่งเกิดจากการหมุนแผนผังแปดทิศที่เขาได้รับนั่นเอง..!

ในช่วงเวลานั้น ไม่เพียงเขาได้รับพลังอมตะมหาศาลจากพู่กันและสมุดจักรพรรดิ แต่ทั้งดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ยังขึ้นอยู่ตรงกลางศรีษะของเขา อีกทั้งรอบตัวยังมีดวงดาวนับล้านๆดวงโคจรอยู่รอบๆ เรียกได้ว่าตัวของเขาได้กลายเป็นศูนย์กลางของจักรวาล!

แต่ตอนนี้ ปรากฏการณ์เช่นนั้นได้หายไปแล้ว จึงต้องอาศัยการฝึกฝนไปทีละขั้น และการฝึกฝนก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

แต่หลิงหยุนก็รู้ดีว่า.. ยิ่งช้า ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง!

หลิงหยุนฝึกฝนอยู่ราวสี่สิบนาที เพื่อดูดซับพลังสุริยะ และแสงแรกในยามเช้าก็ได้สิ้นสุดลง..

โทรศัพท์มือถือของหลิงหยุนดังขึ้น

“พี่หยุน.. พี่อยู่ที่ใหน? ฉันจะขับรถไปรับ แล้วพาพี่ไปกินข้าวเช้าก่อน!” ถังเมิ่งเป็นคนโทรเข้ามา

เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ถังเทียนห่าวถูกปล่อยตัว เขาก็รีบโทรกลับไปที่บ้านแจ้งข่าวกับถังเมิ่งและภรรายาเพื่อให้ทั้งคู่สบายใจ และเมื่อคืนนี้ถังเมิ่งก็นอนหลับสนิท เช้านี้จึงตื่นนอนแต่เช้า

หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “นี่ถังเมิ่ง.. เกิดอะไรขึ้นกับนาย ถึงได้ตื่นเช้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน่ ฉันอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ นายมารับได้เลย!”

ทันทีที่วางสายจากถังเมิ่ง โทรศัพท์ของหลิงหยุนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เสี่ยวเม่ยหนิงเป็นคนโทรเข้ามา “พี่หยุน.. พี่อยู่ที่ใหน?”

หลิงหยุนฟังเสียงของเสี่ยวเม่ยหนิงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และรู้ดีว่าเธอกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก เขาจึงตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะ “ผมอยู่ที่อพาร์ทเมนท์..”

เสี่ยวเม่ยหนิงได้ฟังจึงสั่งเขาว่า “ถ้างั้นพี่ก็อย่าเพิ่งไปใหนล่ะ ฉันกับพี่หลิงยู่จะไปหาพี่ที่นั่น!”

ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างกลับคืนสู่ความปกติแล้ว ปัญหาและวิกฤติต่างๆก็ได้ถูกกำจัดและแก้ไขเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเห็นด้วยอย่างมากที่หลิงยู่จะมาพร้อมกับหนิงน้อย

จากนั้นหลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า “หนิงน้อย แล้วพี่เหยาลู่ล่ะ เธอเป็นไงบ้าง!”

เสี่ยวเม่ยหนิงกัดริมฝีปากก่อนจะตอบไปว่า “พี่เหยาลู่กลับไปที่คลินิกตั้งแต่เช้าแล้ว ใครห้ามก็ไม่ฟัง..”

หลิงหยุนรู้ดีว่าเหยาลู่ทุ่มเทให้กับคลินิกมากเพียงใด เขาจึงได้แต่ถอนใจ “ไม่เป็นไร ปล่อยเธอไป พี่จะคอยพวกเธออยู่ที่นี่!”