ตอนนี้จิ่งเหิงปัวไม่มีอารมณ์สืบเสาะเรื่องฝ่าเท้าใต้น้ำพวกนั้น หางตานางกวาดมองเสื้อผ้าแต่ละตัวที่จั้นซินถอดออกมา

 

 

ชุดคลุมนอกไม่มีอะไรผิดปกติ เสื้อคลุมยาวชุดชั้นในเข็มขัดกางเกงรองเท้าหุ้มข้อ…ดูท่าทางไม่มีอะไรประหลาด เดาด้วยเหตุผลทั่วไป จั้นซินคงไม่น่าจะซ่อนพิมพ์เขียวไว้ในเสื้อผ้าที่สับเปลี่ยนโยนทิ้งได้ทุกเวลาพวกนี้

 

 

บอกว่าอยู่บนร่าง อยู่บนร่างอย่างไรกันแน่?

 

 

จั้นซินยังไม่หน้าไม่อายขาดนั้น ไม่ได้เปลือยกาย ท่อนบนถอดแล้ว เปิดเผยกล้ามเนื้อที่ยังนับว่าแข็งแรง ท่อนล่างสวมกางเกงขายาว สายตาของจิ่งเหิงปัวเฉียดผ่านบนร่างเขา บนแขนเขาสวมพาหุรัด บนนิ้วสวมแหวน ซ้ำยังสวมสนับเข่าสนับข้อมือที่คล้ายทำจากหนัง

 

 

สิ่งของอยู่ในเครื่องแต่งกายชิ้นไหนกันแน่?

 

 

พาหุรัดกว้างใหญ่ ข้างบนลวดลายซับซ้อน ตรงกลางอาจกลวง แหวนไม่แน่ว่าจะมีอะไรซ่อนไว้ สนับข้อมือกับสนับเข่าแลคล้ายไม่ใช่เลย ด้วยเพราะค่อนข้างบาง ซ่อนพิมพ์เขียวไว้ไม่ได้ ข้างบนลวดลายชัดเจน ลักษณะคล้ายสัตว์อะไรสักอย่าง

 

 

ท้องส่วนล่างของจั้นซินเป็นแผล เป็นบาดแผลที่เหยียลี่ว์ฉีใช้กระบี่ฟันก่อนหน้านี้ แถบผ้ารัดไว้แน่นหนา ซ้ำยังมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย เขาทนลำบากอยากออกสนามรบพร้อมรอยแผล อาจด้วยเพราะบาดเจ็บตรงตำแหน่งสำคัญ เขาถึงรีบร้อนอยากทดสอบ หวังฟื้นคืนพลังทางเพศ

 

 

เขานั่งลงข้างจิ่งเหิงปัว สายตาของจิ่งเหิงปัวทอดลงบนบาดแผลช่วงเอวของเขา ขมวดคิ้วอุทานว่า “ว้าย บนพระวรกายฝ่าบาทเป็นแผล เช่นนี้ เกรงว่าเสด็จลงสระไม่ได้กระมัง?”

 

 

“ไม่เป็นไร บึงโคลนยานี้มีสรรพคุณรักษาบาดแผลอยู่แล้ว เพียงแต่ท่านเอ่ยได้ถูกต้อง เราลืมแผลเล็กน้อยตรงนี้เลย เพิ่งได้รับบาดเจ็บอย่าเพิ่งลงน้ำคงดีกว่า” แต่เดิมจั้นซินเอ่ยว่าลงสระชี้แนะสิ่งต้องห้ามเป็นข้ออ้าง ยามนี้ยิ่งพอใจ ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “อาจารย์อาเป็นผู้วิเศษล้ำโลกหล้า อาจช่วยเราดูได้ว่าบาดแผลช่วงเอวนี้ร้ายแรงหรือไม่?”

 

 

“ได้สิ ข้าดูหน่อย” จิ่งเหิงปัวชะโงกหน้าไป จั้นซินกางสองแขน เอี้ยวตัวไปด้านข้าง ฉวยโอกาสวางฝ่ามือบนหลังนางอย่างแผ่วเบา

 

 

จิ่งเหิงปัวคล้ายไม่ได้สังเกตเห็นเลย ตอนนี้จั้นซินนั่งเอี้ยวตัว นางชะโงกหน้าดูบาดแผลช่วงเอวเขา ท่วงท่าจึงดุจอิงแอบแนบชิด

 

 

ก้นสระคล้ายมีการเคลื่อนไหว

 

 

นางใช้เท้าเหยียบไว้

 

 

สมาธิครึ่งหนึ่งอยู่กับเจ้าก้นสระคนนั้น สมาธิอีกครึ่งหนึ่งอยู่กับเครื่องแต่งกายบนร่างจั้นซิน

 

 

รูดพาหุรัดเขาออกมาดูหน่อยดีไหม?

 

 

“แผลนี้ไม่ร้ายแรง” นางตรวจแผลมั่วซั่ว ยิ้มแย้มกล่าวว่า “พระองค์ทรงบำรุงรักษาให้ดีพอแล้ว ไอ้หยาพาหุรัดนี้พิเศษนัก ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่” ไม่รอให้จั้นซินตอบ นางใช้สองมือค้ำพาหุรัดไว้ จิ๊จ๊ะชื่นชม

 

 

“ลวดลายพิเศษนัก ฝีมือประณีตยิ่งนัก ข้าชอบนัก…” นางกล่าวมั่วซั่วเรื่อยเปื่อย นิ้วมือลูบคลำบนพาหุรัด หวังเจอกระดุมลับอะไร

 

 

“เช่นนั้นหรือ ชอบหรือไม่” จั้นซินหัวเราะ ถอดพาหุรัดออก เอ่ยว่า “เช่นนั้นมอบให้ท่านย่อมได้”

 

 

“หา?” จิ่งเหิงปัวงงงัน แสงรุ่งโรจน์กลางแววตาจางลงทันที

 

 

ไม่ใช่อันนี้

 

 

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฝ่าบาททรงมีพระทัยกว้างยิ่งนัก” นางยิ้มแย้มรับไว้ ชั่วพริบตาเดียวร้องอุทานว่า “อา แหวนวงนี้พิเศษเสียจริง! ข้างบนนี้ประดับพลอยไพฑูรย์ใช่หรือไม่”

 

 

“พลอยทุรมาลี” กลางแววตาของจั้นซินทั้งเหยียดหยามทั้งสงสารเล็กน้อย…เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นสาวชนบท ไม่เคยเห็นของดี ถึงได้ตกอกตกใจขนาดนี้

 

 

ตอนนี้จิ่งเหิงปัวไม่สวมเครื่องประดับอะไรไว้บนร่างเลย แม้แต่สิ่งที่เคยเป็นแหวนแล้วกลายเป็นเข็มกลัดปกเสื้อที่เหยียลี่ว์ฉีมอบให้นางนั้น นางยังไม่ยอมสวมเรื่อยเปื่อย บนร่างนางไม่ได้สวมเครื่องประดับเป็นประจำ แน่นอนว่าคนแบบจั้นซินมองออก

 

 

“งดงามเหลือเกิน พิเศษเสียจริง…” จิ่งเหิงปัวคว้าแหวนไว้ ทั่วใบหน้าเปล่งประกายแห่งความอิจฉา

 

 

จั้นซินมองจิ่งเหิงปัวอย่างงงงันเล็กน้อย เขาเคยเจอสตรีหลายนาง เคยเห็นพวกหลอกลวงหวังสิ่งของไม่น้อย ทว่าส่วนใหญ่ยังห่วงศักดิ์ศรี รักษาความสำรวม เอ่ยวาจาเปรียบเปรย ซ่อนนัยหยั่งเชิง ละโมบตรงไปตรงมาขนาดนี้มีด้วยหรือ?

 

 

หน้าไม่อายเสียจริง…

 

 

เขาลังเลเล็กน้อย ถอดแหวนออกมาด้วย

 

 

“ไม่นับว่าเป็นของหายากกระไร ท่านชื่นชอบ มอบให้ท่านได้เชยชม”

 

 

จิ่งเหิงปัวงงงันอีกครั้ง

 

 

อันนี้ก็ไม่ใช่?

 

 

ข้างล่างยังมีอะไรอีก? ไม่มีแล้ว หรือว่านางต้องคว้าเข็มขัดเขากล่าวว่าว้ายเข็มขัดนี้พิเศษจังสวยจังชอบจัง? จั้นซินจะต้องคิดว่านางบอกใบ้เรื่องอย่างว่าถอดกางเกงทันที คนนั้นในสระน้ำจะต้องคิดว่านางหน้าไม่อายลงมือทันที

 

 

เหลือแค่วิธีสุดท้ายแล้ว

 

 

พิมพ์เขียวๆ ถ้าเป็นเนื้อกระดาษจริง แบบนั้นคงลงน้ำไม่ได้

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พิมพ์เขียวอาจอยู่ในพาหุรัดกับแหวน แต่เพราะจั้นซินอาจต้องลงน้ำ เล่นตามน้ำถอดพาหุรัดกับแหวน หลังจากนั้นค่อยหาทางเอาคืนไป

 

 

นางเก็บพาหุรัดกับแหวนแล้ว วางไว้ข้างสระ ตำแหน่งที่แค่เอื้อมมือก็หยิบได้

 

 

ตอนนี้ ต้องดูว่าจั้นซินจะลงน้ำไหม แล้วค่อยคาดการณ์ขั้นต่อไป

 

 

นางนั่งข้างสระ สองเท้าตีผิวน้ำ จงใจตีละอองน้ำกระเซ็นทั่วทิศ เจ้าก้นสระตัวนั้นจะได้ไม่เปิดเผยร่องรอย

 

 

ออกแรงตีน้ำมากไป นางร้องว้ายออกมากะทันหัน ก่อนลื่นไถลลงสระ

 

 

จั้นซินเห็นท่าทาง ดวงตาสว่างวูบ พลันเอ่ยว่า “ไอ้หยา ระวัง!” ลื่นไถลตามมาด้วย

 

 

จิ่งเหิงปัวลงน้ำแล้ว ใช้เท้าถีบหน้าอกอิงไป๋อย่างรุนแรง…รีบไปข้างสระดูพาหุรัดกับแหวนนั้นว่ามีอะไรซ่อนอยู่!

 

 

กระแสน้ำใต้น้ำเคลื่อนไหว นางรู้สึกได้ว่าอิงไป๋ว่ายออกไปจากฝ่าเท้าตัวเองอย่างเงียบเชียบ แอบชมว่าเขาว่ายน้ำเก่งไม่เบาไปพลาง ยิ้มพราวหันมาหาจั้นซินไปพลาง

 

 

พอหันมาหน้าเปลี่ยนสี…กางเกงขายาวของจั้นซินลอยบนผิวน้ำไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เหลือแค่กางเกงขาสั้น

 

 

ถอดกางเกงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ!

 

 

“ฝ่าบาท…” นางย้อนนึกถึงละครย้อนยุคน้ำเน่าที่เคยดูเมื่อก่อน ท่าทางของบทบาทนางสนมต๋าจี่ปีศาจจิ้งจอกอะไรแบบนั้น ยิ้มพราวโบกมือให้จั้นซิน กล่าวว่า “พระองค์ตรัสว่าที่ใดมีสิ่งต้องห้ามหรือ…”

 

 

จั้นซินว่ายเข้ามา หันหลังให้ฝั่งตรงข้าม ข้างหลังเขา อิงไป๋โผล่พ้นผิวน้ำอย่างเงียบเชียบ เอื้อมมือพลิกพาหุรัดกับแหวน

 

 

อย่างไรเสียสระน้ำเล็กแคบ จั้นซินคล้ายรู้สึกตัว กำลังจะหันกลับ เรียวแขนขาวราวหิมะก็คล้องคอของเขาไว้แล้ว

 

 

“สิ่งต้องห้ามอยู่ที่ใดกัน ข้าเองกลัวเหลือเกิน พระองค์ทรงตั้งพระทัยหน่อยสิ…” จิ่งเหิงปัวแบะริมฝีปากแดง รูปร่างดุจดอกไม้

 

 

จั้นซินยอมมัวเมาสิ้นใจในบุปผานี้

 

 

“ที่นี่เอง…” เขายิ้มแย้มปรีดาเอื้อมมือโอบเอวจิ่งเหิงปัว

 

 

จิ่งเหิงปัวบิดพลิ้ว หลุดพ้นจากกรงเล็บหมาป่าของเขาแล้ว ชี้มุมสระน้ำเหมือนเจออะไรกะทันหัน กล่าวว่า “ไอ้หยา นี่คือสิ่งใด”

 

 

จั้นซินรีบไล่ตามไป ยิ้มแย้มเอ่ยว่า “นี่คือท่อยาสี่มุมบึงโคลนยา น้ำสมุนไพรบางส่วนไหลเข้ามาจากท่อยา แทรกซึมไหลเวียนซึ่งกันและกันกลางบึงโคลนยา กลายเป็นฤทธิ์ยาหลากหลาย มีสรรพคุณรักษาโรคภัยมากมาย…ไอ้หยาดูสิ สมุนไพรไหลผ่านมาแล้ว!”

 

 

เขาเอื้อมมือไปคว้าสมุนไพร คล้ายหวังคว้าให้จิ่งเหิงปัวเห็นของแปลกใหม่ ทว่าฝ่ามือร่วงมาทางหน้าอกของจิ่งเหิงปัว

 

 

“สมุนไพรใดกัน” จิ่งเหิงปัวหันหลังเป็นวงกว้าง ว่ายไปทางส่วนลึกของบึงโคลนยา มือของจั้นซินพลาดหน้าอกนางอีกครั้ง

 

 

ข้างสระส่งเสียงเล็กน้อย จิ่งเหิงปัวเหลียวหลัง มองเห็นอิงไป๋โบกมือให้นาง

 

 

ไม่ใช่

 

 

จากนั้นอิงไป๋ว่ายลงใต้น้ำ

 

 

จั้นซินคล้ายรู้สึกตัวอีกครั้ง จะหันหน้ากลับมาด้วย ปลายเท้านางแตะเพียงครั้ง สัมผัสหน้าอกจั้นซิน ยิ้มแย้มกล่าวออดอ้อนว่า “น้ำร้อนเหลือเกิน…”

 

 

เพลิงปรารถนาของจั้นซินลุกโชนอีกครั้ง เข้าใกล้นาง เอื้อมมือโอบเอวของนาง เอ่ยว่า “ประเดี๋ยวคงชินแล้ว มาสิ ข้าพาท่านไปสถานที่แห่งหนึ่ง…”

 

 

จิ่งเหิงปัวถอยเรือนร่างหลบหลีก พอเงยหน้า อิงไป๋ปรากฏตัวข้างหลังจั้นซิน นัยน์ตาเย็นเยือกคล้ายเจือไอดุร้าย มือหนึ่งยกขึ้น…

 

 

จิ่งเหิงปัวเห็นแววตานั้นของเขา ในใจสั่นสะท้าน แต่ความคิดไม่ชักช้าเลยแม้แต่น้อย ใช้เท้าถีบออกไปทันที…ฆ่าอัลไล! ฉันยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าพิมพ์เขียวอยู่ที่ไหน!

 

 

อิงไป๋ถูกนางเหยียบจมน้ำดังซ่าอีกครั้ง…

 

 

“เกิดเรื่องใดขึ้น” จั้นซินรู้สึกผิดปกติอีกครั้ง หันหน้ามองผิวน้ำ ว่างเปล่าขาวโพลน

 

 

“ข้าเองเป็นตะคริวเสียแล้ว” จิ่งเหิงปัวบ่นด้วยเสียงออดอ้อน พลิกตัวครั้งหนึ่งพลางนวดขา หลบมือของจั้นซินที่หวังคว้าข้อเท้านางไว้ได้อีกครั้งพอดี

 

 

จั้นซินเริ่มร้อนรนแล้ว…ข้าถอดกางเกงแล้วนะ เจ้าจะให้ข้ามองสิ่งนี้!

 

 

“ไม่ต้องหนีแล้ว” เสียงเขาเริ่มเย็นชา หน้าผากเริ่มหงุดหงิด เอ่ยว่า “สระน้ำใหญ่เท่านี้ เจ้าวิ่งไปวิ่งมาเช่นนี้ อยากทำกระไรกันแน่”

 

 

ในใจจิ่งเหิงปัวกระตุกวูบ…เฒ่าบ้ากามหมดความอดทนแล้ว

 

 

เขาไม่เชื่อใจนางอยู่แล้ว กษัตริย์แห่งชนเผ่าจะเชื่อคนง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร สุดท้ายแล้วเขาแค่กำลังหยั่งเชิง นางยอกย้อนแบบนี้ได้อีกไม่กี่ครั้ง เขาจะเผยให้เห็นความโหดเ**้ยมแล้ว

 

 

นางไม่กลัวเขาเผยให้เห็นความโหดเ**้ยม แต่เรื่องพิมพ์เขียวจะล่มไม่เป็นท่าแล้ว

 

 

“ข้าเองจะทำกระไรได้เล่า? ข้าเองไม่มีแม้แต่วรยุทธ์ ข้าเองเพียงอยากรู้อยากเห็น…” นางบีบเสียงกลั้นความคลื่นไส้พลางหันหลัง สองมือคว้าแขนของจั้นซินไว้ “มาสิ มาเล่นกับข้า…”