บทที่ 565 ศิลปะการสร้างความสมดุล / บทที่ 566 ฉันจะท้าประลองนาย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 565 ศิลปะการสร้างความสมดุล

บนที่นั่งผู้ชม เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางสวี่อี้ที่อยู่ไม่ไกล เรียกว่า “สวี่อี้”

สวี่อี้เดินมาตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น ยิ้มเอ่ย “คุณหนูหวันหวั่น”

“การคัดเลือกหัวหน้าบอดี้การ์ดลับของพวกนาย ใช้แค่กำลังตัดสินเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นค่อนข้างสงสัย

ใช้แค่พละกำลังคัดเลือกหัวหน้าทีมและหัวหน้าทีมย่อย ดูจะไม่ค่อยรอบคอบเท่าไรนัก

“คุณหนูหวันหวั่น เป็นแบบนี้จริงครับ ทุกปีจะมีการคัดเลือกบอดี้การ์ดลับหนึ่งครั้ง ใช้กติกาแบบนี้ทั้งหมด และเจ้านายเป็นคนกำหนดตั้งแต่แรกครับ” สวี่อี้อธิบาย

“คุณเก้าเป็นคนกำหนด?” นัยน์ตาเยี่ยหวันหวั่นฉายแววแปลกใจ

“การทดสอบคัดเลือกหัวหน้าใหญ่ทีมบอดี้การ์ดลับและหัวหน้าทีมย่อย ไม่ต้องทดสอบความสามารถรอบด้านเหรอ อย่างเช่นการออกคำสั่ง…การมองภาพรวม…ความจงรักภักดีพวกนี้?” เยี่ยหวันหวั่นถามข้อสงสัยของตัวเอง

ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น สวี่อี้กลับยิ้มเล็กน้อย สายตามองไปทางบอดี้การ์ดลับด้านล่าง พูดเสียงเบาว่า “คุณหนูหวันหวั่น คุณดูบอดี้การ์ดพวกนี้สิครับ ความสามารถของทุกคนเทียบกับคนทั่วไปแล้วแข็งแรงกว่ามาก…สมาชิกบอดี้การ์ดลับ ส่วนใหญ่เป็นพวกเดนตายที่เคยผ่านชีวิตอันตรายมาทั้งนั้น…”

“หมายความว่ายังไง” เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจ

“คุณหนูหวันหวั่น คุณคิดว่าภายในทีมบอดี้การ์ดลับด้วยกันเองสามัคคีกันไหม” สวี่อี้ถามกลับ

“ไม่น่าจะสามัคคีเท่าไร” เยี่ยหวันหวั่นตอบตามจริง

“นั่นเป็นเรื่องปกติครับ” สวี่อี้พยักหน้า “นี่คือความฉลาดของนายท่าน บอดี้การ์ดลับคือรีโมทควบคุมจากระยะไกลของตระกูลซือ การมองภาพรวมและการออกคำสั่งอะไรล้วนเป็นเรื่องของคนระดับสูง พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งก็พอแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความจงรักภักดีที่คุณหนูหวันหวั่นพูดถึงเมื่อกี้”

พูดมาถึงตรงนี้ สวี่อี้เงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยต่อ “นอกจากคำสั่งต่างๆ ของตระกูลซือแล้ว พวกบอดี้การ์ดลับยังต้องคุ้มครองความปลอดภัยของตระกูลซือด้วย บอดี้การ์ดลับมีเป็นพันคน ถ้าบอดี้การ์ดทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วมีคนคิดทรยศ นั่นหมายความว่าทั้งพันคนต้องทรยศพร้อมกัน…สำหรับตระกูลซือแล้วผลจะเป็นยังไง…”

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว คำพูดนี้ของสวี่อี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน

“ดังนั้นนายท่ายเลยออกกฎมา ให้ใช้การต่อสู้ประลองในการชิงตำแหน่งหัวหน้าทีมย่อยและหัวหน้าทีมใหญ่ แบบนี้ในเวลาปกติ เมื่อบอดี้การ์ดลับแก่งแย่งกัน ก็จะไม่สามารถรวมตัวกันได้ รวมถึงหลิวอิ่งด้วย เมื่อก่อนถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าทีมใหญ่ ต่อหน้าหัวหน้าทีมย่อยและบอดี้การ์ดแต่ละคนต่างยอมจำนนให้ แต่ลับหลังใครจะไม่อยากเอาชนะหลิวอิ่ง แล้วแย่งตำแหน่งหัวหน้าทีมใหญ่มา?” มุมปากสวี่อี้ยกยิ้มเล็กน้อย “บอดี้การ์ดลับไม่มีวันพร้อมใจกันได้ นี่เป็นศิลปะการปกครองคนของนายท่าน มีความขัดแย้งถึงจะเกิดความสมดุล เมื่อมีความสมดุล…ก็ควบคุมบอดี้การ์ดลับได้จริงๆ

ที่จริงแล้ว คนส่วนใหญ่ สืออี และเฟิงเสวียนอี้ก็เหมือนกัน ในใจคิดอยากจะไต่เต้า แต่สืออีกับเฟิงเสวียนอี้ พวกเขากล้าพูดออกมา ส่วนบอดี้การ์ดและหัวหน้าทีมย่อยที่มากกว่านั้น ภายนอกถึงดูเหมือนไม่คิดแก่งแย่ง แต่ในใจคิดอย่างไร มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด”

เยี่ยหวันหวั่นจมอยู่ในความคิดครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจหลักการนี้

ถึงแม้วันนี้สืออีจะได้ตำแหน่งหัวหน้าทีมใหญ่ ในอนาคตก็จะยิ่งมีคนอยากเอาชนะสืออีมากขึ้น

สิ่งที่สืออีทำได้ก็แค่ฝึกฝนให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับมือกับการแย่งตำแหน่งในอนาคต

เป็นแบบนี้ ใครจะมีใจไปคิดเรื่องทรยศ?

แผนนี้เป็นศิลปะการปกครองคนของผู้นำจริงๆ ดังนั้นข้ารับใช้ของซือเยี่ยหานจึงไม่เคยมีข้อบกพร่องเลย…

เยี่ยหวันหวั่นชื่นชมวิธีการของซือเยี่ยหานจริงๆ

บอดี้การ์ดลับมีนับพันคน ถ้าเกิดโดนคนซื้อตัวไป คิดทรยศตระกูลซือ ก็ไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาเลย

อีกทั้ง บอดี้การ์ดอยู่ภายใต้กฎการแย่งชิงที่ซือเยี่ยหานคิดขึ้นมาก็ไม่สามารถรวมตัวกันได้

ถึงแม้หัวหน้าทีมใหญ่จะโดนซื้อตัวไป และคิดทรยศตระกูลซือ ด้านล่างก็ยังมีหัวหน้าทีมย่อยอีกหลายคนที่มีความคิดของตัวเอง…

ดังนั้น เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน

……………………………………………………………

บทที่ 566 ฉันจะท้าประลองนาย

ภายในทีมบอดี้การ์ดย่อย บางทีอาจจะสามารถรวมตัวเป็นหนึ่งได้เหมือนทีมบอดี้การ์ดย่อย 1

แต่ภายในทีมย่อย กลับไม่มีวันที่จะรวมตัวกันได้

“ถ้าบอดี้การ์ดลับทุกทีมย่อยรวมตัวกัน งั้นบอดี้การ์ดลับก็จะหายไปจากตระกูลซือ…ตลอดกาล!” นัยน์ตาสวี่อี้ฉายแววเยือกเย็น

หลักการสร้างความสมดุลแบบนี้ สวี่อี้ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าเกิดเสียความสมดุล สำหรับตระกูลเยี่ยแล้วถือว่าเป็นภัยคุกคามเหมือนระเบิดเวลาเลย

ในตอนนี้เอง ด้านล่างสังเวียนมีเสียงปรบมือกึกก้องราวฟ้าร้อง หลิวอิ่งขึ้นมาบนสังเวียน ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าบอดี้การ์ดทีมย่อย 4 สำเร็จ และได้แทนที่ตำแหน่ง

แววตาของหัวหน้าบอดี้การ์ดทีมย่อย 4 เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มองหลิวอิ่งบนสังเวียน สองมือกำหมัดแน่น

หัวหน้าทีมย่อยตั้งมากมายไม่ท้าประลอง ทำไมต้องมาท้าประลองเขา!

“หึๆ…ฝีมือของหัวหน้าหลิวอิ่งแข็งแกร่งมากจริงๆ ด้วย น้องชายชื่นชม…” พอเห็นสายตาหลิวอิ่งมองมาที่ตัวเอง หัวหน้าบอดี้การ์ดทีมย่อย 4 เก็บแววตาอาฆาต ใบหน้าเผยรอยยิ้ม

“ตอนนี้หัวหน้าหลิวอิ่งเป็นหัวหน้าทีมย่อย 4 แล้ว มีคุณสมบัติท้าประลองกับหัวหน้าทีมใหญ่สืออีแล้วนี่!” ด้านล่าง ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมา

พอได้ยิน หลิวอิ่งก็มองไปทางสืออีที่อยู่ด้านหน้า

“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ หยวนเซิงก็ขึ้นมาบนสังเวียน

“อะไร?” หลิวอิ่งมองไปทางหยวนเซิง

“ผมจะท้าประลองหลิวอิ่ง” ใบหน้าหยวนเซิงเต็มไปด้วยความไม่แยแส

“นายว่าอะไรนะ” ดวงตาสองข้างของหลิวอิ่งหรี่ลง มองไปที่หยวนเซิงตรงหน้า

“ฉันบอกว่า ฉันจะท้าประลองนาย” หยวนเซิงยิ้มเย็นชา

หลิวอิ่งคิดไม่ถึงว่าคนสนิทที่ไว้ใจจะมาท้าประลองเขา…

“หลิวอิ่ง ฉันฝึกฝนกับคุณหนูรั่วซีมานานมาก คิดว่าความสามารถของฉันเหนือกว่านายไปแล้ว จะท้าประลองนาย แทนที่นาย หรือว่าทำไม่ได้? และนี่ก็เป็นความต้องการของคุณหนูรั่วซีด้วย” หยวนเซิงพูดอย่างเย็นชา

“ความต้องการของคุณหนูรั่วซี?”

ได้ยินคำนี้ มุมปากหลิวอิ่งยกขึ้นเล็กน้อย “หยวนเซิง ตัวนายเองปีกกล้าขาแข็ง แต่กลับบอกว่าเป็นความต้องการของคุณหนูรั่วซี นายคิดว่าฉันจะเชื่อนายเหรอ?”

“เหอะ… ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของใคร ระบบบอดี้การ์ดลับของตระกูลซือเป็นแบบนี้ ใครมีกำลังแข็งแกร่งก็เชื่อฟังคนนั้น” หยวนเซิงพูด

“ฉันว่านายรนหาที่ตายแล้ว!”

คราวนี้ นัยน์ตาหลิวอิ่งฉายแววเย็นเยือก ตื่นตัวถึงขีดสุด จากนั้นเปลี่ยนหมัดเป็นฝ่ามือ ใช้ฝ่ามือต่างมีดสับตรงไปที่หยวนเซิง

“แค่นี้เองเหรอ” ปฏิกิริยาของหยวนเซิงไวกว่า เบี่ยงตัวไปเล็กน้อย หลังหลบฝ่ามือของหลิวอิ่งได้แล้ว ก็ชกเข้าไปที่ท้องหลิวอิ่งหนึ่งหมัด

สีหน้าหลิวอิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดนหยวนเซิงต้อนจนถอยหลังไปหลายก้าว

“ตาฉันแล้ว!” หยวนเซิงยิ้มเย็น เดินบีบเข้าไปใกล้แล้วลงมือก่อน

ความว่องไวและพละกำลังของหยวนเซิงแทบจะประสานกันอย่างสมบูรณ์ ร่างกายและฝีเท้าดูคล่องตัวอย่างประหลาด ไม่ถึงสิบนาที หลิวอิ่งถอยร่นพ่ายแพ้ติดๆ กัน

ไม่นึกว่าหยวนเซิงจะพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว…

สีหน้าหลิวอิ่งประหลาดใจ

“หลิวอิ่ง แค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้วว่าฉันแกร่งกว่านาย…เพราะงั้นคนที่จะท้าประลองกับสืออี ได้เป็นหัวหน้าใหญ่ทีมบอดี้การ์ด จึงมีแค่ฉันคนเดียว!” หยวนเซิงเหลือบมองหลิวอิ่ง

หลังรับมาหลายกระบวนท่า หลิวอิ่งที่โดนหยวนเซิงต้อนเดิมทีจิตใจไม่สงบอยู่แล้ว ในที่สุดก็เผยจุดอ่อนเล็กน้อยออกมา หยวนเซิงใช้โอกาสนี้ผลักหลิวอิ่งตกลงจากสังเวียนไป

“เป็นไปไม่ได้!” ม่านตาหลิวอิ่งหดตัวลง ทำใจเชื่อไม่ได้

เขาพ่ายแพ้แล้ว… แพ้ในเงื้อมมือของหยวนเซิง… เขาแพ้ได้ยังไง…!

“หลิวอิ่ง ตำแหน่งหัวหน้าทีมใหญ่นี่นายได้เป็นตั้งหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนคนบ้าง บอดี้การ์ดลับตระกูลซือไม่มีความจำเป็นที่จะไม่เปลี่ยนแปลง เข้าใจไหม?” หยวนเซิงมองหลิวอิ่งด้านล่างสังเวียนด้วยสายตาเย็นชา

“นาย!” หลิวอิ่งกัดฟันกรอด ทั้งใบหน้าแทบจะบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว

หยวนเซิงคนนี้เป็นแค่สุนัขที่อยู่ข้างกายเขาเท่านั้น เขายังไม่ทันได้ประลองกับสืออีเลย กลับมาแพ้ให้มันเสียก่อน บัดซบ…

………………………………………………………