“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” ซูหวานหว่านพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก

เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของชายผู้นั้นดังขึ้นท่ามกลางความมืด “เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย ตอนนี้พวกเจ้าอยู่บนเรือแล้ว พวกเจ้าจะต้องกลายเป็นของคุณชายข้า!”

ทันทีที่พูดจบก็มีแสงสว่างมาทางด้านหลังของชายคนนั้น บุคคลที่เข้ามาใหม่นั้นถือแส้เอาไว้ในมือ ทางเดินนั้นแคบลงเรื่อย ๆ ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เขาสะบัดแส้ลงบนพื้นอย่างรุนแรง “พวกเจ้าทั้งสองคนควรทำตัวให้ชิน และอยู่ในความสงบ! จะได้ไม่ต้องถูกแส้เฆี่ยนตีจนกลายเป็นหมู”

พูดจบก็ได้ให้คนรับใช้พาซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงไปพักผ่อน แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของฉีเฉิงเฟิง เขาก็หยุดชะงักและพูดว่า “ชายคนนี้ดูดี! พาเขาลงไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด! คืนนี้ให้ข้าจะให้เขาเป็นคนคอยรับใช้ปรนเปรอคุณชายของเรา!”

“ขอรับ!” คนรับใช้ตอบรับ ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีเสน่ห์ของตนเอง “ไม่ทราบว่าคุณชายของพวกเจ้านั้น ต้องการคนปรนนิบัติเพิ่มหรือไม่?”

เดิมทีเขาอยากจะหัวเราะเยาะซูหวานหว่าน เพราะคิดว่าที่นางปิดผ้าคลุมเอาไว้ก็เพื่อปิดบังความอัปลักษณ์ของตนเอง แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของนางจึงพูดกับคนรับใช้อีกว่า “พาพวกเขาทั้งคู่ไปทำล้างเนื้อล้างตัว รอคุณชายมาเล่นสนุกกับพวกเขาทั้งสองคนซะ”

“ขอรับ” คนรับใช้รีบรับคำ ก่อนจะนำทั้งสองไปยังห้องหนึ่งบนชั้นสาม ห้องนี้ทั้งกว้างและสว่างไสว ดูเหมือนจะเป็นห้องนอน ทั้งยังมีอ่างอาบน้ำสูงสองเมตร ซึ่งมันหรูหรามาก!

ชายหนุ่มคนนั้นบอกให้ทั้งสองคนพักผ่อนตามสบาย และขอตัวออกไปก่อน จากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับน้ำร้อนและเทลงไปในอ่าง เขาใช้มือสัมผัสน้ำทดสอบอุณหภูมิ จัดสาวใช้แสนสวยมาสองคนช่วยทั้งสองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

ซูหวานหว่านให้สาวใช้ทั้งสองคนออกไป แต่ว่าพวกนางไม่ยอม ซูหวานหว่านจึงพูดกับพวกนางทั้งสองอย่างใจเย็น และหลอกล่อให้พวกนางตายใจ หญิงสาวตบไปที่หลังคอของพวกนางให้หมดสติ จนเหลือเพียงนางและฉีเฉิงเฟิงอยู่ในห้อง ฉีเฉิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “เหตุใดเจ้าจะต้องตามข้ามาด้วย? คิดว่าข้าจะปล่อยให้ตัวเองโดนรังแกอย่างงั้นหรือ?”

นางรู้ว่าฉีเฉิงเฟิงมีทักษะการป้องกันตัวที่ดี รู้ว่าเขานั้นสามารถปกป้องตัวเองจากศัตรูได้ แต่นางเกรงว่าหากนางปล่อยให้คนรักอยู่นอกสายตา คนที่นางรักจะตกอยู่ในอันตรายจนนางไม่อาจช่วยได้ หัวใจของนางร้อนรนจนหงุดหงิดและรู้สึกอึดอัดยิ่ง!

ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมาว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ แต่มันก็ไม่ผิดอะไรถ้าข้าจะเข้ามาและช่วยเจ้ากำจัดคนชั่ว”

พูดมาก็มีเหตุผล! ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกขบขันกับเหตุผลนี้ เขามองดูน้ำในอ่างแล้วถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็กระโดดลงไป “มาสิ คุณชายเป่ยฉวน”

“ตาบ้า!” ซูหวานหว่านโกรธและรู้สึกอายมาก ฉีเฉิงเฟิงรู้อยู่แล้วว่านางเป็นผู้หญิง! ยังจะมาล้อนางในฐานะผู้ชายอีก บอกให้นางเข้าไปอาบน้ำกับเขา! คนบ้า!

“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้านั้นไม่แกล้งเจ้าแล้วก็ได้ พักผ่อนให้เต็มที่เถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะหนีกัน” ฉีเฉิงเฟิงก็ยิ้มและเริ่มอาบน้ำ

ซูหวานหว่านสำรวจห้องพักอย่างละเอียด เมื่อไม่พบสิ่งใดที่เป็นอันตรายใด ๆ นางจึงนอนลงบนเตียงแล้วหลับตาลง

นางไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ฉีเฉิงเฟิงก็อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูหวานหว่านที่นอนอยู่ก็ตื่นขึ้นมา สาวใช้สองคนถูกซ่อนเอาไว้ใต้เตียง ภายในห้องเงียบสนิท แต่ทันใดนั้นก็มีคนเคาะประตูและเปิดเข้ามา มีคนสองคนเดินเข้ามาพร้อมจุดตะเกียงน้ำมันแล้วออกไป

ไม่นานก็มีชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาพร้อมกับคนใช้ที่ถือถาดเดินตามหลัง บนถาดนั้นมีเหล้าอยู่หลายจอก ซูหวานหว่านรู้ว่ามันเป็นเหล้าประเภทไหน

“พวกเจ้าออกไปให้หมด” หลังจากชายคนนั้นพูดจบ คนรับใช้ก็ออกไปทันทีพร้อมกับลงกลอนประตูให้

ชายคนนั้นดื่มแล้วเดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นจึงนั่งลงข้างเตียง “ช่างน่าทึ่งจริง ๆ! พวกเจ้าอย่ากลัวไปเลย ข้าสัญญากับพวกเจ้าได้ว่าจะทำให้พวกเจ้าอยู่อย่างสุขสบาย มั่งคั่งร่ำรวยเงินทอง! อีกทั้งข้าจะแต่งงานกับพวกเจ้าแล้วรับพวกเจ้ามาเป็นอนุ!”

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากัน หญิงสาวยิ้มและพูดออกมาว่า “ดูเหมือนว่าคุณชายจะเป็นผู้ที่สูงศักดิ์มาก ไม่ทราบว่าท่านมีชื่อแซ่ว่าอะไรรึ?”

ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างมีชัย “ข้าเป็นลูกชายของตระกูลเจียที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองโจว! เจ้ารู้จักป้าสามของจวนอัครมหาเสนาบดีไหม? นั่นท่านป้าของข้าเอง! ตระกูลของข้ามีภูมิหลังเป็นอัครมหาเสนาบดี! เพราะฉะนั้น อย่ามายั่วโมโหข้าเลยดีกว่า ไม่เช่นนั้น…”

ก่อนที่จะเอ่ยจบ ซูหวานหว่านก็หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมา ฝังลงไปบนร่างกายของเขาจนไม่อาจขยับได้ คำพูดต่าง ๆ กลืนหายไปทันที ทำได้เพียงจ้องมองซูหวานหว่านโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้!

ซูหวานหว่านยิ้มเยาะเย้ย หญิงสาวดึงเข็มเงินออกแล้วฟาดไปที่หลังคอของชายคนนั้น ชายคนนั้นพลันล้มลงกับพื้น ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ข้ายังสามารถเอาคืนสือเป้ยเอ๋อร์ได้เลย คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”

ฉีเฉิงเฟิงยิ้มแล้วลากชายคนนั้นไปเก็บเอาไว้ใต้เตียง และดึงซูหวานหว่านให้นอนลงบนเตียง “ดึกแล้ว เข้านอนเร็ว พรุ่งนี้พวกเรายังจะต้องหาทางหนีไปจากที่นี่อีก!”

“เจ้าว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า?” ซูหวานหว่านถามออกมา

“เจ้ากำลังจะขอให้ข้ากระโดดลงไปในน้ำกับเจ้าใช่หรือไม่?” ฉีเฉิงเฟิงเลิกคิ้วขึ้น

“นี่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ในตอนกลางคืนมันเงียบมาก หากเราไปตอนนี้ก็จะไม่มีคนรู้” ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างจริงจัง

“ไม่” ฉีเฉิงเฟิงส่ายหัวและจับมือของซูหวานหว่านเอาไว้แน่น “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลงไปในน้ำอีกแล้ว”

คราวที่แล้วเขายอมปล่อยให้ซูหวานหว่านเข้าไปอยู่ในกรงหมู และเขาเกือบจะช่วยนางออกมาไม่ทัน ในตอนนั้นมันเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก และตอนนี้เขาจะไม่ให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาอีก!

เทียนในห้องปลิวไหวไปตามแรงลม แสงสว่างในห้องเผยให้เห็นความเจ็บปวดที่สะท้อนอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม ซูหวานหว่านลูบคิ้วของเขาและพูดว่า “ทั้งชีวิตนี้ ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นของเจ้าแค่คนเดียว”

ความรู้สึกแบบนี้ไม่เหมือนกับความรักที่ลุ่มหลงเช่นวัยหนุ่มสาว แต่มันเป็นเหมือนความรักที่ลึกซึ้งเหมือนคู่ชีวิตไปแล้ว หรือบางทีนี้มันอาจจะเป็นของความรักที่ลึกซึ้งมากเสียจนไม่อาจบรรยายได้

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก และตัดสินใจนอนหลับพักผ่อน

รุ่งเช้าทั้งสองก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกัน

ซูหวานหว่านเปิดม่านไม้ไผ่ และเห็นว่าเรือได้จอดเทียบท่าแล้ว มันเร็วกว่าที่พวกเขาคิด

ซูหวานหว่านมองหน้าฉีเฉิงเฟิงก่อนกระซิบ “พวกเราควรไปเดี๋ยวนี้”

พูดจบ ฉีเฉิงเฟิงก็ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเปิดประตู แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นนอกประตูว่า “คุณชายขอรับ! ได้เวลาตื่นแล้ว! นายท่านและฮูหยินกำลังรอท่านอยู่ที่ท่าเรือขอรับ!”

แย่แล้ว! เหตุใดคนตระกูลเจียถึงมาที่นี่? ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว นางไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรกับสิ่งนี้ดี พลันได้ยินคนข้างนอกพูดออกมาอย่างมีความสุขอีกว่า “คุณชาย! คนที่มาหาท่านนั้นมีคู่หมั้นของท่านมาด้วย ท่านต้องการให้สาวใช้ไปช่วยท่านขัดตัวหรือไม่ขอรับ?”

หือ? เขายังมีคู่หมั้นด้วย? ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว มองคนที่นอนอยู่ใต้เตียงเหมือนหมูตายคนนั้น นางจำที่ชายคนนั้นพูดเมื่อวานได้ จึงใช้พลังวิเศษเลียนแบบเสียงของเขาแล้วพูดออกไปว่า “ไม่ต้อง เจ้าออกไปคอยต้อนรับรอปรนนิบัติรับใช้เถอะ ข้ามีเรื่องต้องทำ”

มีเรื่องต้องทำ? ชายชราที่อยู่นอกประตูถึงกับหน้าแดงและเดินออกไปทันที

ซูหวานหว่านจับมือของฉีเฉิงเฟิง หมายเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่ว่านางก็ต้องรู้สึกเสียใจขึ้นมาเพราะประตูถูกลงกลอนเอาไว้ แล้วแบบนี้พวกนางจะหลบหนีไปได้อย่างไร?

“ตามข้ามา!” ซูหวานหว่านพูดขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างที่ปิดอยู่ หญิงสาวถีบมันอย่างแรง หน้าต่างทั้งบานก็หลุดออกร่วงลงสู่ผืนน้ำ!

เมื่อคนของตระกูลเจียเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องเกิดขึ้น พวกลูกน้องปีนขึ้นไปทีละคน ผู้คนบนชั้นสามเดินมาทางด้านหลัง ผู้คนบนชั้นสองก็เดินเข้ามาเปิดประตู ด้านในห้องเงียบสนิท พวกเขาปลุกคุณชายให้ตื่น เมื่อวิ่งไปดูก็เห็นซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงกำลังหนีไป เขาก็ตะโกนใส่ทั้งสองคนว่า “เมื่อวานนี้พวกเขาทำร้ายข้า! ใครที่จับพวกเขาได้ จะได้ค่าตอบแทนเป็นทองสิบตำลึง!”

ความโกลาหลเกิดขึ้นอีกครั้ง ทองคำสิบตำลึง แม้แต่คนที่ได้ยินนอกเรือก็ยังเข้ามาช่วยกันจับด้วย

ทั้งสองฝั่งมีคนทั้งหมดอยู่ทั้งสองด้าน ฉีเฉิงเฟิงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเราจะหนีไปได้อย่างไร?”

“ข้าคิดว่าที่ประตูทางเข้าด้านหน้าของเรือน่าจะมีคนมาเปิดประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เราสามารถจัดการพวกเขาได้ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีคนอยู่ที่ข้างหลังด้วย?” ซูหวานหว่านไม่รู้จะพูดอย่างไรกับฉีเฉิงเฟิง

ทันทีที่พูดจบก็มีคนวิ่งเข้ามาในด้านในเรืออย่างรวดเร็ว

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงไม่มีที่ให้หลบหนีไปได้อีกแล้ว!