จอนกลับมาที่โซฟาด้วยสีหน้าไม่พอใจ แอนนี่ที่เห็นและอยากจะปลอบใจเขาแต่ถูกผู้ชายขวางไว้ก่อนจะพูดเสียงดัง “ไปให้พ้น!”
รอยยิ้มของแอนนี่หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยับยั้งความโกรธก่อนจะเอนตัวเข้าไปใกล้ใบหูของจอนแล้วพูดว่า “คุณจอนคะ คุณต้องการผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ…ฉันรู้จักเธอนะคะ ฉันมีวิธีให้คุณได้ใกล้ชิดเขานะคะ”
จอนที่เดิมทียังคงโกรธอยู่ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่แอนนี่พูดก็เริ่มสนใจในทันที “เธอพูดจริงหรือเปล่า?”
“จริงแท้แน่นอนค่ะ” แอนนี่พยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนรอยยิ้มน่าสนใจจะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
“เธอมีวิธียังไง?” จอนหรี่ตาลงเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
แอนนี่กระซิบข้างใบหูจอน “คือแบบนี่ค่ะ คุณ…”
หลังจากกระซิบอยู่ครู่หนึ่ง จอนก็พยักหน้าด้วยท่าทางตื่นตัวทันที
เขาเอื้อมมือไปบีบคางของแอนนี่เบาๆ “ที่รัก คุณความคิดดีนี่”
แอนนี่ที่เห็นสถานการณ์ก็ทำท่าเหมือนชนะ “งั้นคุณอย่าลืมที่สัญญากับฉันไว้นะคะ หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว นางเอกละครเรื่องต่อไปต้องเป็นฉันนะคะ”
“ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ฉันได้เขา ไม่ว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น” จอนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เขาอยากกดยัยพริกขี้หนูและบดขยี้นั่นจนแทบทนไม่ไหว
“งั้นคำไหนคำนั้นนะคะ” แอนนี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนนัยน์ตาก็เป็นประกาย
ซูฉิง มาดูกันว่าคราวนี้เธอจะรอดจากเงื้อมมือฉันไปได้ยังไง!
“ยวี๋น่าหยุดดื่มได้แล้ว รีบกลับไปกับฉันเร็วเข้า”
ในเวลานี้ในบาร์มีคนเยอะมาก หลังจากเจอปัญหาวุ่นวาย ในที่สุดซูฉิงก็เจอยวี๋น่าที่เมาอยู่ตรงมุมห้อง
“ไม่… ฉันไม่กลับ ฉันจะดื่มอีก ซูฉิงดื่มกับฉันนะ…” ยวี๋น่ายังไม่ได้สติเต็มที่ ใบหน้าของเธอแดงก่ำและมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์
ซูฉิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะรู้สึกว่าไม่คุ้มเลย
ไม่รู้จริงๆ ว่าหัวใจของอู๋เทียนเหอทำจากเหล็กหรือไงกัน ยวี๋น่ารักเขาขนาดนี้และทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่เขากลับจากไปโดยไม่บอกลา!
ให้กับคนที่ไม่รู้คุณค่าจริงๆ
ยวี๋น่าเมาจนมีสภาพแบบนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาแขนของยวี๋น่าพาดบนไหล่ของเธอและประคองเดินกลับช้าๆ
ในเวลานั้นเอง ฮ่อหยุนเฉิงก็โทรหาซูฉิง “ซูฉิงเธออยู่ไหนน่ะ?”
ซูฉิงขมวดคิ้วและพยายามตอบด้วยเสียงดัง “ฉันอยู่ในบาร์น่ะ มารับยวี๋น่ากลับบ้าน เธอดื่มไปเยอะมาก…เอาล่ะ ไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันนะ”
หลังจากวางสาย ซูฉิงก็วางโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ทั้งยังต้องคอยสังเกตว่ายวี๋น่าไปชนตรงไหนหรือเปล่า
ขณะที่เธอกำลังประคองยวี๋น่าเดินไปที่ประตูบาร์ กลับถูกแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนเข้ามาขวาง
จอนและเจ้าของบาร์
ทันทีที่จอนเห็นซูฉิง เขาชี้ไปที่เธออย่างตื่นตัวและพูดกับเจ้าของบาร์ว่า “เธอ! เธอคนนั้น! เมื่อกี้ฉันเจอเธอและอยากจะชวนเธอดื่ม แต่ผู้หญิงคนนี้กลับฉวยโอกาสขโมยสร้อยคอมูลค่า 20 ล้านของฉัน เรื่องนี้เกิดขึ้นในบาร์ของคุณ คุณต้องรับผิดชอบ!”
แอนนี่ยืนข้างจอนและพยักหน้าสนับสนุน “ใช่แล้ว ฉันเองก็เห็นเหมือนกัน นั่นมัน 20 ล้านกว่าเลยนะ! เถ้าแก่ ถ้าวันนี้คุณปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป เงินนั่นคุณก็ต้องออกเองนะคะ”
จอนจ้องไปที่ซูฉิงอย่างดุเดือด จากนั้นก็ชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือในมือเจ้าของบาร์ “โทรแจ้งตำรวจมาจับผู้หญิงคนนี้เลย ให้เค้าชดใช้ค่าเสียหายด้วยค่ะ!”
คราวนี้แอนนี่ก้มหน้าหัวเราะก่อนจะกอดอกเหมือนกำลังดูเรื่องสนุกและยิ้มถากถางให้ซูฉิง
“โย่ นี่ไม่ใช่ซูฉิงเหรอ? ก่อนหน้านี้ก็อยู่อย่างสบายๆนี่…ทำไม ตอนนี้ไม่มีที่พึ่งอย่างตระกูลฮ่อกรุ๊ปเลยต้องมาขโมยของคนอื่นที่บาร์เลยเหรอ? ก็คงใช่ 20 ล้านไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะ ประมาณว่าถ้าเอาสร้อยคอเส้นนี้ไปก็คงพอใช้จ่ายได้อย่างชื่นมื่นเลยสินะ”
ซูฉิงหรี่ตาและมองไปที่แอนนี่อย่างตลกขบขัน
ผู้หญิงคนนี้ ทำไมไม่นานแล้วยังไร้สมองเหมือนเดิมนะ
“ไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มกับคนอื่นหรือไง? มายุ่งกับฉันเพื่อ?”
“แก!” แอนนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ จ้องไปที่ซูฉิงอย่างดุเดือด และในที่สุดก็หันไปทางด้านข้าง จากนั้นก็พูดเร่งเถ้าแก่
“เมื่อกี้ที่คุณจอนบอก เธอเองก็ได้ยินนี่ สร้อยคอ 20 ล้าน คงพอสำหรับเธอที่จะอยู่ในสถานีตำรวจสักสามถึงห้าปี คุณยังไม่รีบแจ้งความอีก? หรืออยากให้บาร์ของคุณต้องปิดกิจการกัน?”
ซูฉิงขมวดคิ้วและมองไปที่จอนและแอนนี่ ซึ่งตอนนี้เหมือนคนโง่ในสายตาของเธอ
เธอให้ยวี๋น่านั่งบนเก้าอี้สูง เอื้อมมือปลดสร้อยคอของเธอ และแสดงให้คนทั้งสามดู “สร้อยคอนี้ 100 ล้าน สร้อยคอแค่ 20 ล้าน ฉันไม่เอาหรอก”
แอนนี่ก้มมองก่อนจะเห็นว่าสร้อยคอในมือของซูฉิงส่องประกายระยิบระยับ ดูล้ำค่ามากจริงๆ
สีหน้าของแอนนี่และจอนจู่ๆ ก็ดูไม่ดี พวกเขามองหน้ากัน และในที่สุดแอนนี่ก็พูดขึ้นก่อนว่า “ใครจะไปรู้ว่าสร้อยคอเธอเป็นของจริงหรือปลอม? จะบอกว่า 100 ล้านแล้วมันจะ 100 ล้านหรือไง? อีกอย่าง แม้ว่าเธอจะสวมใส่ของราคาแพง แล้วจะไม่ขโมยสร้อยคอของคนอื่นหรือไง? ใครรับประกันให้เธอได้?”
“จริงด้วย ถ้าคุณบอกว่าคุณไม่ได้ขโมยสร้อยคอ ก็เว้นแต่คุณจะเปิดกระเป๋าให้เราตรวจดู!” จอนหน้าแดงด้วยความโกรธ
“ตกลง” ซูฉิงยักไหล่อย่างเฉยเมย ก่อนจะเปิดกระเป๋าแสดงให้พวกเขาดูอย่างใจกว้าง
ข้างในไม่มีอะไรนอกจากต่างหูคู่หนึ่งและกระดาษทิชชู่
ไม่มีสร้อยคออย่างที่จอนพูด!
มุมริมฝีปากของซูฉิงยกยิ้มประชดประชัน “เป็นไง? เห็นชัดพอหรือยัง?”
“นี่—” ใบหน้าของแอนนี่ซีดทันทีด้วยความไม่เชื่อ
เป็นไปได้ยังไง เมื่อกี้เธอเจอกระเป๋าซูฉิงแล้วใส่สร้อยคอลงไปแล้วชัดๆ จะไม่มีได้ยังไง!
ซูฉิงเชยตามอง เห็นสายตาของแอนนี่ก็รู้สึกขบขันและตั้งใจพูดขึ้นว่า “พวกคุณเห็นแล้วว่ากระเป๋าฉันไม่มีอะไร ก็ไม่แน่ว่าพวกคุณอาจกำลังใส่ร้าย ถ้าไม่รังเกียจ—”
เธอมองไปยังแอนนี่ “ทำไมไม่ลองตรวจกระเป๋าของคุณผู้หญิงคนนี้ล่ะคะ บางทีอาจจะเจอสร้อยคอก็ได้นะ”
“เป็น เป็นไปได้ยังไง? กระเป๋าฉันมีสร้อยคอได้ไง?”
แอนนี่เถียงคอเป็นเอ็น พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง เธอเปิดกระเป๋าก่อนจะพบว่ามีสร้อยคอทับทิมอยู่ข้างใน
“เป็นไปได้ยังไง! ไม่ใช่ฉันนะ ไม่ใช่ฉันจริงๆ นะ!” แอนนี่ตะโกนเสียงดัง
เป็นไปได้ยังไงเนี่ย!
เมื่อกี้เธอใส่สร้อยคอในกระเป๋าซูฉิงไปแล้วชัดๆ ทำไมตอนนี้สร้อยคอถึงมาอยู่ในกระเป๋าของเธอเองล่ะเนี่ย
“เอาล่ะ ตอนนี้ความจริงก็ถูกเปิดเผยแล้วว่าใครคือหัวขโมย” ซูฉิยกมุมริมฝีปากยิ้มอย่างเย็นชา
คนไม่มีสมองอย่างแอนนี่ยังจะกล้ามาใส่ร้ายเธอเนี่ยนะ?
หึหึ
ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ!