ตอนที่ 737

Elixir Supplier

737 ใบสั่งแพทย์ปรุงยา

 

หลังจากนั่งอยู่ในคลินิกได้สักพัก หวังเย้าก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

 

ซานเซียนวิ่งลงมาด้านล่างเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขา มันทั้งกระโดดไปมาและส่ายหางอย่างยินดี เขาดีใจที่เจ้านายของมันกลับมาแล้ว

 

“ซานเซียน นายน้ำหนักขึ้นอีกแล้วใช่ไหม?” หวังเย้าพูดหยอก

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

 

“บนเขาไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” หวังเย้าถาม

 

โฮ่ง!

 

“ดี” หวังเย้าพูด

 

เมื่อเขาเดินไปถึงตีนเขาในจุดที่เขาได้ปลูกต้นไม้เอาไว้ เขาก็สังเกตเห็นว่า ต้นไม้กำลังเจริญเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ พลังด้านบนของเขาลูกนี้เริ่มกระจายตัวลงมาสู่ด้านล่างบ้างแล้ว

 

“ทำได้ดีมาก!” หวังเย้าสังเกตเห็นดินที่อยู่รอบต้นไม้ยังคงเปียกชุ่มอยู่

 

ในตอนที่เขาไม่อยู่ มีคนเอาน้ำมารดต้นไม้เหล่านี้ เขาไม่ได้ขอให้ใครมาทำให้ ดังนั้น เขาจึงเดาว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของซานเซียน

 

“ขอบคุณนะ ซานเซียน” หวังเย้าพูด

 

โฮ่ง!

 

พลังบนเนินเขาหนานชานเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

 

“ฉันยังต้องการต้นไม้มาปลูกเพิ่มที่นี่อีก” หวังเย้าพูด

 

การเดินทางไปยังเขาหลงหู่ในครั้งนี้ เขาได้อะไรกลับมามากมาย หากเทียบกันแล้ว เนินเขาหนานชานจะเล็กกว่าเขาหลงหู่มาก แต่การมีต้นไม้และพืชพรรณเพิ่มขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

 

“เดี๋ยวนะ! ของนั่นน่าจะได้ที่แล้วล่ะ” หวังเย้าพูด

 

เขาเดินเข้าหยิบโถใบหนึ่งจากในกระท่อม ด้านในมีกล่องไม้ที่แช่อยู่ในน้ำสมุนไพร เขาหยิบกล่องไม้ออกมาเพื่อตากให้แห้ง เขาตรวจดูกล่องไม้และลองดมดู

 

“ดี ได้ที่แล้วล่ะ” หวังเย้าพูด

 

เขาจัดการทำความสะอาดกล่องไม้และเก็บเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกไปจากกระท่อมและเดินดูรอบๆเนินเขาหนานชาน ซานเซียนคอยเดินตามเขาอยู่เงียบๆ

 

“ซานเซียน เราต้องปลูกต้นไม้ต่อไป เพื่อทำให้สภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ดีขึ้นนะ” หวังเย้าพูด

 

โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนมีท่าทีตื่นเต้นทุกครั้งที่หวังเย้าเอ่ยถึงเรื่องการปลูกต้นไม้

 

“นายชอบต้นไม้เหรอ?” หวังเย้าถาม

 

ซี่ๆๆ! ซี่ๆๆ! เขาได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น นาทีต่อมา ก็มีงูสีดำตัวหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

 

“ว่าไง เสี่ยวเฮย” หวังเย้าพูด เขายังคงก้าวเดินต่อไป และตามมาด้วยผู้พิทักษ์เนินเขาอีกสองตัว

 

“ฉันจะปลูกต้นไม้เพิ่มที่ตรงนี้กับตรงนั้น” หวังเย้าชี้ไปตามจุดต่างๆที่เขาเดินผ่าน เขาใช้เท้าทำเป็นรูขนาดเล็กเป็นเครื่องหมายเอาไว้

 

จากนั้น เขาก็เดินไปที่เนินเขาซีชานและตงชาน โดยเฉพาะที่จุดพื้นที่แห่งความตายทั้งสองจุดบนเนินเขาซีชาน ดอกแดนดิไลและหญ้าหางกระรอกที่อยู่ในสองจุดนั้นก็เติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี

 

“น่าสนใจ” หวังเย้าพูด

 

เขานำน้ำแร่โบราณที่ผสมด้วยตัวยาที่ทำขึ้นมาจากหญ้าพิษรดลงไปที่ต้นดอกแดนดิไลกับหญ้าหางกระรอก ซึ่งมันสามารถช่วยฆ่าแมลงพิษเหล่านั้นได้ จากการทดลองของเขา แมลงกลายพันธุ์เหล่านั้นต่างก็หวาดกลัวหญ้าพิษ ตัวยาที่ทำขึ้นมาจากหญ้าพิษสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย แม้แต่กลิ่นยาก็สามารถมีผลต่อการเคลื่อนไหวของพวกมันได้แล้ว สมุนไพรรากชนิดนี้มีฤทธิ์รุนแรงมาก

 

ฉันต้องจัดการพวกมันให้หมด! หวังเย้าคิด แล้วที่นี่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

เขาสามารถทำให้สองสถานที่นี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่แค่เขายังไม่พร้อมที่จะทำมันเท่านั้นเอง

 

ในตอนที่เขาเดินลงจากเขาท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง ระหว่างทางกลับไปที่บ้านนั้น เขาก็มองเห็นจงหลิวชวนกำลังเดินอยู่ไม่ไกลจากเขามาก

 

“สวัสดี หมอหวัง คุณกลับมาแล้ว!” ทันทีที่เขาเห็นหวังเย้า เขาก็รีบเดินเข้าไปหาทันที

 

“ใช่ ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อบ่ายนี้เอง” หวังเย้าพูด

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับ?” จงหลิวชวนถาม

 

“อืม” หวังเย้าพูด “คุณกินข้าวรึยัง?”

 

“กินแล้วครับ” จงหลิวชวนพูด

 

“ผมมีอะไรจะให้คุณด้วย” หวังเย้าหยิบกล่องไม้ขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าของเขา

 

บนตัวกล่องไม้มีการแกะสลักคำว่า ยา药 อยู่ ส่วนอีกด้านเป็นรูปสลักภูเขา ตัวไม้มีกลิ่นสมุนไพรกระจายออกมา

 

“มันคืออะไรเหรอครับ?” จงหลิวชวนถาม

 

“แค่ของเล็กๆน้อยๆน่ะ รับไปสิ” หวังเย้าพูด “จากนี้ไป ผมจะไม่คิดเงินคนที่นำกล่องไม้นี้มารักษากับผม แล้วผมก็จะพยายามรักษาคนคนนั้นอย่างสุดฝีมือ”

 

“จริงเหรอครับ?” จงหลิวชวนถามด้วยความประหลาดใจ

 

เขารู้ว่าหวังเย้ามีความสามารถมากแค่ไหน ดังนั้น กล่องไม้อันนี้จึงมีคุณค่าต่อเขาอย่างมาก และคุณค่าของของสิ่งนี้ก็อาจจะเทียบเท่าได้กับชีวิตของคนคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

 

“จริงสิ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ขอบคุณมากเลยนะครับ” จงหลิวชวนพูด “แล้วมันมีชื่อเรียกไหมครับ?”

 

“มีสิ มันชื่อว่า ใบสั่งแพทย์ปรุงยา” หวังเย้าตอบ

 

“ใบสั่งแพทย์ปรุงยา?” จงหลิวชวนพูดทวน

 

“ในเมื่อคุณตัดสินใจจะอยู่ที่นี่แล้ว ผมคิดว่า คุณคงไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก” หวังเย้าพูด “แล้วคุณอ่านหนังสือที่ผมให้ไปจบรึยัง?”

 

“ยังเลยครับ ผมกำลังอ่านอยู่ มันเป็นหนังสือที่ดีมากเลยล่ะ” จงหลิวชวนพูด

 

ในตอนเริ่มแรก มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำความเข้าใจเนื้อหาภายในหนังสือ แล้วตัวเขาก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องของแพทย์แผนจีนเลยด้วย เขาจึงมีท่าทีต่อต้านอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็บังคับตัวเองให้อ่านต่อไป

 

หลังจากผ่านไปได้สามวัน จงหลิวชวนก็เริ่มพบความน่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ ยิ่งเขาอ่านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเข้าใจมันมากยิ่งขึ้น หนังสือได้อธิบายเกี่ยวกับจุดฝังเข็มและเส้นเลือดภายยในร่างกายของมนุษย์ รวมไปถึงเรื่องการทำงานของร่างกายมนุษย์ด้วย

 

ในตอนนี้ เขาเข้าใจทฤษฎีที่สามารถช่วยเสริมความสามารถทางกังฟูของเขามากขึ้น เขารู้วิธีการฆ่าคนหรือวิธีที่จะทำให้คนหมดสติในทีเดียวได้ ในตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ เขาก็จะคิดเกี่ยวกับการฝึกกังฟูไปด้วย ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ที่หวังเย้าให้เขาอ่านจะไม่ใช่แบบนี้ก็ตาม

 

“เยี่ยม งั้นก็อ่านต่อไปนะ มันจะช่วยคุณได้มากเลยล่ะ” หวังเย้าพูด

 

“หมอพูดถูก” จงหลิวชวนพูด

 

หลังจากที่คุยกับจงหลิวชวนได้สักพัก หวังเย้าก็กลับไปที่บ้าน

 

จางซิวหยิงทำซุปปลา และมันถูกนำไปตั้งไว้บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ตัวซุปเป็นสีขาวข้นและส่งกลิ่นหอมน่าทาน

 

“อืมมม อร่อย” หวังเย้าพูด

 

“กินให้เยอะๆนะจ๊ะ” จางซิวหยิงมองดูลูกชายของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “พรุ่งนี้ ลูกจะไปที่คลินิกไหมจ๊ะ?”

 

“ไปครับ” หวังเย้าพูด

 

“แล้วเร็วๆนี้ ลูกจะไปที่ไหนอีกรึเปล่า?” จางซิวหยิงถาม

 

“ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ผมก็คงไม่ไป” หวังเย้าพูด “แม่ถามทำไมเหรอครับ?”

 

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก กินปลาสิจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด

 

ในความเป็นพ่อเป็นแม่ เธอก็อยากให้ลูกชายของเธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เธอยังอยากให้ลูกชายของเธออยู่ด้วย โดยเฉพาะเวลาที่เธอแก่ตัวลง ที่คนโบราณพูดเอาไว้ว่า ในตอนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ลูกๆไม่ควรไปไหนไกล มันก็สมเหตุสมผลดี

 

หวังเย้าไม่ได้กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานในทันทีที่เขาทานอาหารเสร็จ เขาอยู่คุยกับพ่อแม่ของเขาและนวดให้กับพวกท่านทั้งสอง แล้วออกไปจากบ้านตอนสามทุ่มครึ่ง

 

บนถนนไม่มีคนเดินอยู่เลย และภายในหมู่บ้านก็เงียบมาก

 

มันเป็นค่ำคืนที่อากาศเย็นสบาย และยังเย็นกว่าที่เมืองเต๋าด้วยซ้ำ อากาศบนเนินเขาหนานชานก็ดีกว่านี้อีกด้วย

 

บ้านเป็นที่ที่ดีที่สุดแล้ว! หวังเย้าคิด

 

เมื่อเดินเข้าไปในกระท่อม เขาก็กดเปิดสวิทย์ไฟ

 

 

ซุนเจิ้งหรงกำลังคุยอยู่กับซุนหยุนเชิงที่เมืองเต๋า

 

“อะไรนะ? โฮ่วชื่อต๋าป่วยอย่างนั้นเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

“ใช่ครับ ผมเพิ่งได้ข่าวมา ตอนนี้เขากำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าอาการจะหนักเอาการอยู่เหมือนกัน” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเขางั้นเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาการเส้นเลือดอุดตัน และกระเพาะอาหารกับลำไส้อักเสบครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ก็ไม่ถือว่าหนักมาก” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

โฮ่วชื่อต๋าเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลโฮ่ว อาการป่วยของเขาค่อนข้างแปลก แล้วพวกเขายังได้รับหลักฐานความผิดที่โฮ่วชื่อต๋าได้ทำลงไป และกำลังคิดว่า พวกเขาควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี และตอนนี้ โฮ่วชื่อต๋าก็ดันมาป่วยอีก

 

“ก่อนที่เขาจะป่วย เขาไปทำอะไรมาบ้าง?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

“เขากำลังมีอะไรกับนักศึกษาผู้หญิงสองคนในบ้านของเขาครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ลูกลองไปตามหาผู้หญิงสองคนนั้นดูหน่อยสิ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“ได้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ตามหาและถามพวกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น” ซุนเจิ้งหรงพูด “แล้วก็อย่าให้ใครรู้ว่าเรากำลังตามเรื่องนี้อยู่”

 

“พ่อกังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ? หรือพ่อกลัวว่าพวกเขาจะโทษว่าเป็นผีมือของพวกเรา?” ซุนหยุนเชิงถาม

 

“ใช่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโฮ่วชื่อต๋าที่เมืองเต๋า พวกเราจะถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในอันดับต้นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะทำหรือไม่ก็ตาม” ซุนเจิ้งหรงพูดในขณะที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด

 

“ผมได้ยินมาว่า พวกเขามีศัตรูอยู่ทั่วไปหมด” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“พ่อรู้” ซุนเจิ้งหรงพูด “เอาเถอะ ลูกรีบไปตามหาผู้หญิงสองคนนั้นให้เจอให้เร็วที่สุด เราต้องเตรียมตัวไว้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด”

 

ในขณะเดียวกัน โฮ่วชื่อต๋ากำลังนอนอยู่ภายในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองเต๋า เขามีอาการปวดท้อง, ศีรษะ, และก้น

 

“โว้ย! มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันวะเนี่ย!?” เขาสบถออกมา

 

เขาเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว แต่แพทย์กลับบอกว่า เขาปกติดีทุกอย่าง เขาจึงคิดว่า แพทย์กำลังโกหกเขา เขาจะสบายดีได้ยังไง ในเมื่อเขามีอาการเจ็บตามร่างกายอย่างเห็นได้ชัด? เขาจึงตัดสินใจโทรไปบอกกับคนที่ตระกูล ว่าเขาต้องการกลับไปที่ปักกิ่ง

 

หรือจะเป็นฝีมือของซุนเจิ้งหรง? โฮ่วชื่อต๋าคิด

 

มันเป็นค่ำคืนที่ยาวนานสำหรับเขา แล้ววันต่อมา เขาก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในปักกิ่ง

 

 

พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าเหมือนเช่นทุกวัน หวังเย้าที่เดินลงจากเขาก็ได้เห็นคนสองคนกำลังรอเขาอยู่ที่ด้านนอกคลินิก หนึ่งในนั้นเป็นชายที่มาคุยกับเขาเมื่อวาน เขามีอายุประมาณสี่สิบกว่าและแต่งตัวดูดี อีกคนเป็นชายชราวัยประมาณหกสิบ พวกเขาสองคนดูเหมือนจะเป็นพ่อลูกกัน