ตอนที่ 352 ฆ่าคน
“ที่แท้ก็คุณหนูใหญ่นี่เอง มีอันใดเจ้าก็กล่าวมาเถิด”
อันหลิงเกอหาได้สนใจท่าทางรังเกียจของหลี่อวิ๋นเพราะอย่างไรระหว่างนางกับหลี่ซื่อก็ถึงขั้นว่าอีกฝ่ายมิตายมิเลิกราอยู่แล้ว ผู้ใดจักสนว่าหลี่อวิ๋นยังมีเมตตาต่อนางหรือไม่
นางกวาดตามองไปที่อันหลิงอี จากนั้นจึงเอ่ยออกมาช้า ๆ
“ตระกูลหลี่มิให้อภัยคนที่รังแกพี่น้อง หากมีคนทำเช่นนั้นก็จักโดนไล่ออกจากจวน ข้ากล่าวถูกหรือไม่ ? ”
“เจ้ายังกล้าพูดอีก เจ้าดูสิ สีหน้าของอีเอ๋อยังซีดเซียว…”
“หุบปาก ! ”
หลี่ซื่อที่กำลังจักแย้งขึ้นมากลับโดนอันหลิงเกอตวาดใส่เสียงดังพร้อมใบหน้าเย็นชา ร่างกายคล้ายแฝงไว้ด้วยพลังอาฆาตบางอย่างจนทำให้หลี่ซื่อพูดมิออก
ในขณะนี้ใบหน้าของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความเย็นชา มุมปากกดลง ทันใดนั้นราวกับมีไอสังหารเย็นยะเยือกที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวแผ่ออกมารอบกาย “ข้ากำลังพูดกับท่านผู้เฒ่าหลี่ หลี่อี๋เหนียงอย่าเข้ามาสอดจักดีกว่า”
“คุณหนูใหญ่ช่างหยาบคายเสียจริง ! เจ้ากล้าพูดกับข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากที่มีความประพฤติมิเหมาะสม แม้เจ้าเกิดมาในจวนโหวแต่ก็ไร้คนคอยอบรมสั่งสอนจึงนิสัยเสียจนกู่มิกลับ ! ”
หลี่ซื่อรู้สึกว่าการโดนอันหลิงเกอขู่จนตกใจเมื่อครู่เป็นเรื่องเสียหน้ามาก แต่เมื่อเหลือบไปมองหลี่อวิ๋นที่อยู่ด้านข้างจึงเกิดความกล้าและกล่าววาจาเสียดสีอันหลิงเกอออกมา
เมื่อไร้อันอิงเฉิงอยู่ข้างกาย ยามที่หลี่ซื่อเผชิญหน้ากับอันหลิงเกอเช่นนี้จึงเผยความเคียดแค้นออกมาโดยมิปิดบัง นางแทบอยากนำวาจาร้ายกาจที่สุดบนแผ่นดินมาหลอมเป็นมีดแล้วทิ่มลงไปที่ใจของอันหลิงเกอให้สาสม
ทั้งที่รู้ว่ามารดาของอันหลิงเกอจากไปก่อนเวลาอันควร ทั้งนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฮูหยินใหญ่อัน ทว่าหลี่ซื่อยังกล้านำเรื่องนี้มาพูดเสียดสีอันหลิงเกอว่ามิมีมารดาคอยอบรมสั่งสอน
เป็นเหตุให้แววตาของอันหลิงเกอเย็นชากว่าเดิม ริมฝีปากเม้มแน่นแต่มิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางเพียงจ้องมองหลี่ซื่อด้วยดวงตาดำขลับราวจักทำให้กายหยาบของหลี่ซื่อทะลุเป็นรูเสียให้ได้
หลี่ซื่อที่โดนดวงตาคู่นั้นจ้องมองก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ราวกับมีไอเย็นบางอย่างแล่นขึ้นจากปลายเท้าจนถึงไขสันหลัง
เมื่อเห็นท่าทางของหลี่ซื่อเช่นนั้น อันหลิงเกอจึงกวาดตามองหลี่อวิ๋นและหลี่ซื่ออยู่ครู่หนึ่ง พลันมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามขึ้นมา
“อันหลิงอีรังแกข้ามานานหลายปี ทั้งยังอยากเอาชีวิตข้าเพราะต้องการมู่ซื่อจื่อไปครอบครอง หากมิใช่เพราะข้าดวงแข็งจึงยังมิตายก็เกรงว่านางคงสมปรารถนาไปนานแล้ว ! ”
จากนั้นนางก็เงยหน้ามองหลี่อวิ๋น “ท่านผู้เฒ่าหลี่บอกว่าตนเป็นคนยุติธรรม ย่อมให้ความเป็นธรรมแก่ข้าใช่หรือไม่”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ใบหน้าของหลี่อวิ๋นเปี่ยมไปด้วยอำนาจแม้แก่ชรา ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมาทันที “ไปนำตัวอีเอ๋อออกจากเตียง วันนี้ข้าจักเป็นตัวแทนของตระกูลหลี่เพื่อตัดความสัมพันธ์กับนาง ! ”
หลังกล่าวจบเขาก็หันไปมองอันหลิงเกอ ริมฝีปากเหี่ยวย่นแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “เจ้าคงพอใจกับบทลงโทษนี้ใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอกำลังจักเอ่ยตอบ แต่เห็นหลี่อวิ๋นยกฝ่ามือขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ซัดฝ่ามือใส่ท้องของนาง
ฝ่ามือที่แฝงไว้ด้วยกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกใส่ช่วงท้องของอันหลิงเกอ ความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากอวัยวะภายในทำให้อันหลิงเกอมีเลือดไหลออกทางมุมปาก
“เจ้าคิดว่าที่ข้ามาวันนี้เพื่อเข้าข้างเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ” หลี่อวิ๋นยิ้มเย็นออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแฝงไว้ด้วยความอำมหิต รอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าของเขาน่ากลัวยิ่งขึ้น
“ข้าเป็นห่วงอนาคตของอีเอ๋อจึงมากำจัดเศษสวะเยี่ยงเจ้าต่างหาก ! ”
จากนั้นเขาก็ก้าวยาวเข้ามาก้าวหนึ่งแล้วชักกระบี่ที่แหลมคมออกมาจากเอวพร้อมตวัดไปที่ศีรษะของอันหลิงเกอ
อันหลิงเกอเห็นเช่นนั้น มือข้างหนึ่งกุมไว้ที่ช่วงท้องซึ่งบาดเจ็บ ส่วนมืออีกข้างยันพื้นเอาไว้ นางพยายามรวบรวมพลังทั้งหมด กัดฟันพยุงกายขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งตัวหลบไปด้านข้างด้วยความว่องไวทำให้รอดจากคมกระบี่ได้อย่างหวุดหวิด
“ชั่วช้า ! ”
นางสบถด่าออกมาอย่างเคียดแค้น หลี่อวิ๋นกลับยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “ผู้ใดบอกให้เจ้าโง่มาขวางทางหลานรักของข้า ผู้ใดขวางผู้นั้นต้องตาย ! ถ้าเจ้ามิตาย แล้วนางจักมีโอกาสเป็นที่หนึ่งได้เยี่ยงไร ? ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็ตวัดกระบี่อีกครั้ง พลังอันน่าเกรงขามแผ่ออกมาจนทำให้หลี่ซื่อผู้มิรู้วรยุทธยังอดสั่นสะท้านไปทั้งกายมิได้
แต่อันหลิงเกอหาได้สะทกสะท้านต่อพลังนี้ไม่ นางยังหลบการโจมตีของหลี่อวิ๋นได้ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับปลาที่ว่ายไปมาอย่างคล่องแคล่ว
หากมิใช่เพราะมู่จวินฮานเคยสอนวิชาตัวเบาให้นางไว้บ้าง ทั้งยังให้คนมาคอยฝึกฝนนานกว่าครึ่งปี มิเช่นนั้นนางคงได้ตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของหลี่อวิ๋นเป็นแน่
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริง ๆ ”
หลี่อวิ๋นคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจักมีวิชาตัวเบาร้ายกาจเช่นนี้
กล่าวจบเขาก็หัวเราะออกมาเสียงเย็น มือข้างหนึ่งถือกระบี่อีกข้างกำหมัดแน่น กระบี่และหมัดทะลวงไปในอากาศพุ่งเข้าใส่อันหลิงเกอ !
อันหลิงเกอมีท่าทีเคร่งขรึม นางรู้สึกเจ็บปวดที่ท้อง แต่ตอนนี้นางมิกล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย
นางจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของหลี่อวิ๋น ด้านหนึ่งคอยก้าวเพื่อหลบหลีก อีกด้านก็ลอบสังเกตสถานการณ์โดยรอบเพื่อหาโอกาสในการหลบหนี
หลี่อวิ๋นที่มือข้างหนึ่งถือกระบี่อีกข้างกำหมัดแน่นพุ่งเข้ามาพร้อมพลังมากมายมหาศาลเพื่อทำให้อันหลิงเกอสิ้นชีพคาจวนตระกูลหลี่ !
เป็นตอนนี้ !
แววตาของอันหลิงเกอเป็นประกายขึ้นมา นางรุกเข้าไปหากระบี่ที่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลแล้วเอียงตัวเข้าไปตรงช่องว่างระหว่างกระบี่กับหมัด จากนั้นก็เอื้อมมือซ้ายไปหยิบมีดสั้นที่เอวแล้วแทงออกไปอย่างแรง
มีดสั้นอันแหลมคมแทงเข้าไปในเนื้อจนเกิดเสียง หลี่อวิ๋นเบิกตากว้างมิอยากเชื่อว่าสตรีสูงศักดิ์ที่ดูอ่อนโยนจักทำให้เขาบาดเจ็บได้ !
น่าละอายยิ่งนัก !
ทำให้แววตาของเขาเปล่งประกายดุดันออกมาและกำลังตวัดกระบี่เพื่อสังหารขวากหนามที่อยู่ตรงหน้าก็เห็นอันหลิงเกอมิได้ดึงมีดสั้นออกมา แต่นางใช้มือทั้งสองข้างกุมมีดไว้แน่น จากนั้นใช้แรงทั้งหมดกรีดจากด้านล่างขึ้นด้านบน !
มีดสั้นเล่มนั้นกรีดจากช่วงท้องของหลี่อวิ๋นมาจนถึงคอหอยของเขา ละอองโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วรวมถึงเปรอะใบหน้าของอันหลิงเกอด้วย ยิ่งทำให้นางดูร้ายกาจเข้าไปใหญ่
“เจ้าทำร้ายท่านพ่อของข้า ! ” ในที่สุดหลี่ซื่อก็ได้สติขึ้นมา มืออันสั่นเทาชี้ไปที่อันหลิงเกอและแผดเสียงร้องออกมา “เด็ก ๆ สังหารนางอันหลิงเกอ ! ข้าจักให้มันชดใช้ด้วยชีวิต ! ”
สิ้นเสียงของหลี่ซื่อก็มีบ่าวรับใช้กลุ่มใหญ่พุ่งเข้ามาจากด้านนอก ในมือเต็มไปด้วยอาวุธแล้วพุ่งเข้าใส่อันหลิงเกอทันที
ส่วนอันหลิงเกอที่ฝืนร่างกายเพื่อสังหารหลี่อวิ๋น มือที่ถือมีดสั้นจึงสั่นเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็ไร้เรี่ยวแรงเต็มที
ในเมื่อนางหลบคมกระบี่ที่อยู่ในมือของหลี่อวิ๋นได้จึงพลิกฝ่ามือเล็กน้อยจากนั้นบ่าวรับใช้คนหนึ่งก็ล้มลง
อันหลิงเกออาศัยจังหวะที่พวกบ่าวรับใช้กำลังอลหม่านดีดตัวขึ้นไปแล้วเหยียบที่ศีรษะของหลี่ซื่อก่อนจักเหาะออกไปด้านนอกประตู
“จับมันไว้ ! ”
หลี่ซื่อออกคำสั่งด้วยใบหน้าประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง เสียงที่ตะโกนออกมาแหลมเล็กราวกับปิศาจ
อันหลิงเกอที่ออกจากจวนหลี่ได้แล้วก็มิสนใจเสียงตะโกนด่าทอทางด้านหลังอีก จากนั้นก็แฝงกายไปกับฝูงชน เพียงพริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
กลิ่นคาวโลหิตบนตัวของนางรุนแรงมาก มีเลือดที่กระจายอยู่เต็มใบหน้าทำให้อันหลิงเกอต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
นางคาดมิถึงว่าหลี่อวิ๋นเดิมเป็นเพียงขุนนางชั้นผู้น้อยในเมืองหลวงจักมีพลังภายในที่สูงส่งเช่นนี้
ทั้งยังกล้าลอบสังหารคนในเมืองหลวงกลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ส่วนคนที่ต้องการสังหารยังเป็นถึงบุตรีภรรยาเอกแห่งจวนโหวอีกด้วย อาจเพราะหลี่กุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เขาจึงมิได้เกรงกลัวสิ่งใดใช่หรือไม่ ?