ตอนที่ 55: รถสามล้อของนายมีไว้ทำอะไร?
“จุดประสงค์ของนายก็คือบริษัทครอบครัวของเธอสินะ?”
เจียงเฉินยังคงถามต่อไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน”
ซุนเหอในตอนนี้คิดว่าเขานั้นควบคุมทุกอย่างในกำทือเอาไว้หมดแล้ว “สำหรับการที่ฉันจะอยู่กับเธอก็ไม่ได้มีอะไรมากฉันต้องการแค่บริษัทพันล้านก็เท่านั้น ส่วนเสี่ยวเถาเธอก็แค่ของแถมแล้วถ้าฉันจะไปหานอนกับผู้หญิงอีกหลายๆคนมันจะไปเป็นอะไร”
คิ้วของเจียงเฉินกระตุกจากความโกรธและพูดอกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แก! แกเป็นคนแบบนี้สินะ!”
“ใช่!”
ซุนเหอยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “อา… ซุนเหอคนนี้เนี่ยนะเรียนรู้พิชัยสงครามมาตั้งแต่เด็ก แถมยังมีปริญญาโทตั้งสองใบเป็นบริหารหนึ่งแล้วก็เศรษฐศาวตร์อีกหนึ่ง การจะรับมือกับผู้หญิงคนเดียวน่ะไม่ใช่เรื่องยากหรอก! แล้วคนส่งพัสดุแบบแกเนี่ย ยังจะกล้ามาเทียบกับฉันคนนี้อีกไหม?”
แปะ แปะ แปะ~
เจียงเฉินปรบมือ “สูงจริงๆ ฉันต้องยอมรับเลยนะว่าแผนนายน่ะสูงจริงๆ! ฉันเจียงเฉินขอชื่นชม ออกมาได้แล้วล่ะ การแสดงจบแล้ว!”
ซุนเหอตกตะลึง “จบแล้ว???”
ทันใดนั้นเองท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็หยดนิ่งและก็มีอีกคนหนึ่งลุกขึ้นยืน!
ปรากฏว่าเป็นหนิงเสี่ยวเถาที่แอบดูอยู่ตลอด!
ซุนเหอในตอนนี้สติแตกไปแล้ว!
ซุนเหอ ปรากฏว่านายเป็นคนแบบนี้เองสินะ ทำไมแม่ของฉันถึงต้องแนะนำคนแบบนี้ให้ฉันด้วย”
หนิงเสี่ยวเถาแสดงท่าทีรังเกียจสาปแช่ง “เดรัจฉานเอ้ย! ใบหน้าเป็นคนแต่ภายในไม่ต่างกับสัตว์เดรัจฉาน!”
“เถาน้อยเธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน”
ซุนเหอตกตะลึง! สมองของเขาในตอนนี้ว่างเปล่า!
สถานการณ์แบบนี้มันอะไรกัน?
หนิงเสี่ยวเถาพูดอย่างเย็นชา “เจียงเฉินน่ะสังเกตุเห็นว่านายตามพวกเรามาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงวสงแผนเพื่อที่จะเปิดเผยใบหน้าของนายยังไงล่ะ!”
เจียงเฉินยิ้มก่อนจะพูด “ดูเหมือนว่าพิชัยสงครามจากโรงเรียนปฐมของนายจะไม่ได้เรื่องนะ”
หนิงเสี่ยวเทาพูดอย่างเย็นชา: “พี่เฉินพบว่าคุณติดตามเรามานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็นอยู่ในการคำนวณเพียงเพื่อเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของคุณ!”
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน ไม่สิฉันยังมีวีดีโออยู่นะ”
ซุนเหอพูดออกมา เขาตื่นตระหนกชีวิตของเขาอยู่สุขสบายบนสวรรค์มาโดยตลอดแต่ตอนนี้เขากำลังจะตกลงสู่นรก!
หนิงเสี่ยวเถาพูดอย่างโกรธเคือง “มันสายไปแล้ว ทุกคำพูดที่นายเพิ่งจะพูดออกมาฉันส่งพวกมันทั้งหมดไปให้แม่ของฉันแล้ว!”
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้แม่ของเธอคิดอะไรอยู่
โดยที่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตัวเองเกือบจะได้ผลักลูกสาวลงสูงกองเพลิงไปแล้ว!
โชคดีที่เจียงเฉินฉลาดพอ ที่จะวางแผนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขาออกมาได้!
“พวกเธอ….พวกเธอ…”
ซุนเหอเกือบจะหัวใจวายตาย ใบหน้าของเขาขาวซีด
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มขยับและพยายามคว้าโทรศัพท์ของหนิงเสี่ยวเถา แต่ในวินาทีต่อมาเขาก็ถูกคนสองคนกดลงบนพื้น!
ทันใดนั้น เขาก็ขยับอย่างกะทันหัน พยายามคว้าโทรศัพท์ของหนิง เสี่ยวเทา แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ถูกคนอื่นอีกสองคนกดลงกับพื้น!
พ่อบ้านจ้าว “ไอ้หนู ซื่อสัตย์หน่อย!”
หลี่หมิงฮุ่ย “ยังจะกล้าอีกไหม”
เจียงเฉินยิ้มและพูด “เป็นยังไงบ้างล่ะ คนที่อยู่ตรงนี้ต่างเป็นคนของฉันหมด!”
ซุนเหอขยับแขนขาไม่ได้ “แกกล้าเล่นลิ้นกับฉันงั้นหรอ! กล้าโกหกฉันใช่ไหม! คิดว่าฉันเป็นเพื่อนแกรึไง!”
“แล้วไง? โกรธหรอ?”
หลี่หมิงฮุ่ยตบหน้าซุนเหอและพูดว่า “ไม่เก่งพองั้นหรอ? ทำเป็นวางอำนาจต่อหน้าพี่เฉินแกรู้ไหมว่าพี่เฉินน่ะมีรถซุปเปอร์คาร์สองคัน แค่สองคันนี้ก็มีมูลค่า 200 ล้านแล้ว! แล้วแกเทียบพี่เฉินได้จริงหรอ?”
“หึหึหึหึหึหึ!”
ในฐานะน้องชายคนแรกของเจียงเฉินหลี่หมิงฮุ่ยยังคงสร้างหน้าตาให้เขาอยู่อย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรงต่อศัตรู!
เขาแทบจะบ้าไปแล้ว!
“อ๊ากกก~~ ปล่อยกูนะเว้ย ช่วยด้วย!”
จู่ๆก็โดนกระแทกกับพื้น!
อึก!
บิดาซุนเหอคนนี้เรียนรู้พิชัยสงครามมาตั้งแต่เด็กแถมยังมีปริญญาโทสองใบ แต่สุดท้ายเขายังไม่อาจผายลมต่อหน้าเจียงเฉินได้ด้วยซ้ำ!
ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว!
“เจียงเฉินเราไปกันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว!”
หนิงเสี่ยวเถาจับมือเจียงเฉินก่อนจะแสดงรอยยิ้มอันแสนหวานและพากันจากไป
พ่อบ้านจ้าวและหลี่หมิงฮุ่ยถูกท้งไว้เพื่อจัดการกับซุนเหอต่อ
…..
ในศูนย์นันทนาการระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง ก็มีผู้หญิงที่ดูสวยงามสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างมีความสุข
คนหนึ่งคือเฉินตันแม่ของหนิงเสี่ยวเถา และอีกคนหนึ่งคือลู่ซินหยูเพื่อนสนิทที่สุดของเธอ ซึ่งเป็นแม่ของซุนเหอ
ลู่ซินหยูยิ้มและคุยโวเกี่ยวกับลูกชายของฌธอ
“ลูกชายของฉัน ซุนเหอเขาไม่มีข้อด้อยอะไรแม้แต่น้อย เรื่องการดูแลผู้หญิงเขาก็เชี่ยวชาญ เรื่องครอบครัวเขาก็ใส่ใจด้วยความรัก แถมยังมีปริญญาโทตั้งสองใบ ถ้าเถาน้อยเข้ากับเขาได้ซุนเหอของฉันคงทำให้เธอมีความสุขอย่างแน่นอน”
เฉินตันก็เห็นด้วยกับการจับคู่ครั้งนี้มาก และเอาแต่มองดูข้อดีและความสามารถของซุนเหอหลานชายของเธอ
และในขณะนี้เองเฉินตันก็ได้รับวีดีโอมา
เฉินตันกล่าวด้วยรอยยิ้มบนหน้า “วีดีโอจากเสี่ยวเถาน่ะ มาดูกันว่าทั้งคู่พัฒนาไปถึงไหนแล้ว”
ลู่ซินหยูก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “โอเค โอเค”
เมื่อเปิดดูวีดีโอเธอก็รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าทันที
รอยยิ้มของพวกเธอหายไปทันที
แถมยังแข็งค้างเป็นหินไปอีก!
“สำหรับฉันการได้อยู่กับเสี่ยวเถา ก็เพื่อบริษัทมูลค่าพันล้านก็นั้น….”
“นี่…”
เฉินตันเต็มไปด้วยความโกรธในทันที : “โอเค คุณลู่ซินหยู ฉันคิดว่าเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ตอบฉันมา เธอต้องการบริษัทของฉันจริงๆหรือว่าฉันเข้าใจเธอผิดไปกันแน่!”
“ลูกชายของเธอมันเศษสวะชัดๆ ไหนบอกว่าเขาเก่งนักเก่งหนาไง?”
เฉินตันโกรธจัด โยนแก้วน้ำทิ้งไปทันที!
ลู่ซินหยูก็โมโหขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงโทรไปหาเขาและเริ่มต่อว่าซุนเหอทันที
“แม่คนนี้ให้กำเนิดแกมาส่งเสียเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เด็ก แต่นี่คือสิ่งที่แกตอบแทนแม่ของแกงั้นหรอ”
“นี่ฉันเป็นแม่แกนะ %¥%…¥”
ซุนเหอในตอนนี้เขาอับอายมาก ความมั่นใจในตัวเองถูกทำลายจนหมด!
เขาโยนโทรศัพท์ทอ้งขณะที่ตัวเองอยู่บนสะพานลอย
ลมเย็นๆพัดผ่าน ความโศกเศร้าก็ทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ
ไม่มีอะไรให้เขารัก ทุกคนญาติพี่น้องก็ทรยศเขา!
ทันมดนั้นก็มีคนเดินผ่านมาเห็น!
“พระเจ้า! มีคนกำลังฆ่าตัวตาย!”
“แจ้งตำรวจเร็ว!”
“ไอ้หนู เพิ่งอย่าคิดมากถ้าอยากฆ่าตัวตายจริงๆก็ไปซื้อประกันก่อน~”
“เจออะไรแบบนี้ก็อย่าตื่นตระหนก หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปแล้วโพสต์ลงโลกออนไลน์ก่อนดีกว่า~”
【ช็อก! ชายคนหนึ่งในหลงเฉิงพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลมไปก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้สติ】
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สามวันต่อมา
ที่ประตูคฤหาสน์ของเจียงเฉิน
ครอบครัวของหยางยี่ยี่และเพื่อนร่วมชั้นบางคนก็มาถึงที่นี่
ตามตำแหน่งที่เจียงเฉินให้พวกเขามา!
หลี่ปู้ฟานกดโทรออกพร้อมกับเงื่อที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เจียงเฉิน นายให้ที่อยู่พวกเราผิดรึเปล่า เราเดินหากันตั้งนานแล้วจุดที่นายให้พิกัดมาไม่มีที่อยู่อาศัยเลยนะ ไม่มีแม้กระทั่งตรอกซอกซอยซักแห่ง มีแต่ราชวังขนาดใหญ่!”
“ถ้างั้นพวกนายไปรอที่ประตูวัง อย่าไปไหนล่ะ”
เจียงเฉินประหลาดใจ หลี่ปู้ฟานก็มาด้วยงั้นหรอ?
กลุ่มคนทั้งหมดต่างมายืนรอที่หน้าประตูวัง
หยางยี่ยี่มองซ้อาขวาไปมา “นี่ พี่เฉินเขาอาสัยอยู่ที่ไหนกันแน่ แถวนี้ไม่เห็นจะมีชุมชนที่อยู่อาศัยเลยนะ~”
หลี่ปู้ฟานพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้า “ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่”
ในเวลานี้เองประตูวังก็เปิดออกมา
เจียงเฉินและพ่อบ้านจ้าวออกมาทักทายพวกเขา
ทุกคนหันกลับมามอง!
ช็อก!
ดวงตาที่สวยงามของหยางยี่ยี่เปิดกว้างขึ้น “ว้าว! อย่าบอกนะว่านี่บ้านของพี่น่ะ?“
หลี่ปู้ฟานรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง!
ประณามมัน!
ประณามมัน!
แค่บอกมากันซักคำว่าวังมันยากรึยังไงมันเหนื่อยมากรู้ไหมกับการที่ต้องเดินไปมาแบบนี้!
ครูหยางและภรรยาต่างประหลาดใจกันมาก พวกเขารู้ว่าเจียงเฉินนั้นรวยมาก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะรวยถึงขนาดนี้!
พ่อบ้านจ้าวให้คนมาช่วยยกสัมภาระต่างๆเข้าไปข้างใน “เชิญเข้าไปข้างในได้เลยครับ”
เมื่อทุกคนเข้าไปภายในทุกคนต่างก็ตระหนักว่าตัวตนของตัวเองนั้นเล็กจ้อยขนาดไหน!
วังขนาดใหญ่นี้แต่กลับเป็นของเจียงเฉินทั้งหมด!
สวนหย่อม สระว่ายน้ำ ลานหิน ลานจอดรถ ฯลฯ
ของตกแต่งก็สวยหรูอลังการเว่อร์!
ทุกคนล้วนมาจากชนบท ตาของทุกคนจึงเป็นประกาย~
“โอ้โห นี่มันเลขหกหลักต่อตารางเมตรแล้ว!“
“เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ หนานมู่สีทอง พระเจ้า!”
“แอร์ตัวนี้พูดได้ด้วย!”
“ที่นั่นมีสระว่ายน้ำด้วย! แม่จ๋า!”
“รถของหลี่ปู้ฟานจะพอให้ฉันซื้อที่นี่ได้ซักสองตารางเมตรไหมนะ?”
(หลี่ปู้ฟาน: ขอบคุณจริงๆเลย~)
“…”
ทุกคนพากันนั่งบนโซฟาหนังราคาหลักล้านหยวน เพลิดเพลินกับบรรยากาศเครื่องปรับอากาศก็ส่งไอเย็นออกมาทำให้ทุกคนต่างรู้สึกเย็นสบายพร้อมดูทีวี LCD ขนาด 120 นิ้ว!
มันสบายมาก!
นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ!
มันเจ๋งมาก!
ในเวลานี้เอง พ่อบ้านเจ้าก็เข้ามาพร้อมกับนำขวดเครื่องดื่มออกไป
นางฟ้าตัวน้อยหยางยี่ยี่ถามด้วยความสงสัย: “ลุงจ้าวลุงกำลังถืออะไรอยู่คะ?“
“โอ้”
พ่อบ้านจ้าวมองไปที่เครื่องดื่ม: “ชาพวกนี้หมดอายุแล้วครับ ผมจะนำมันไปทิ้ง”
ทันใดนั้น
หลี่ปู้ฟานก็เดินหอบมาพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว เขาคว้าชาในมือของพ่อบ้านจ้าวทันที
ถอดหมวก~
“ฮา~”
หลี่ปู้ฟานรู้สึกเท่~
หยางยี่ยี่หัวเราะเยาะ: ฮ่าฮ่าฮ่า (ಡωಡ)
พ่อบ้านจ่าว: “…”
ทุกคนต่างตกตะลึง
หลี่ปู้ฟานที่ไม่รู้อะไรเลย: “บ้าจริง แค่ไปจอดรถที่โรงจอดรถ ฉันต้องขับไปมาตั้งสองรอบกว่าจะเจอ!”
“พระเจ้า! เจียงเฉินวังของนายใหญ่เกินไปแล้ว ฉันต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะเดินกลับมาถึง!”
หลี่ปู้ฟานหยุดและถามว่า “แล้ว…แล้วรถสามล้อในโรงจอดรถนายเอาไว้ทำอะไร?”
“สามล้อ?”
เจียงเฉินกล่าวเบาๆ “ฉันใช้มันส่งพัสดุน่ะ”
“อะไรนะ ส่งพัสดุ!!”
หลี่ปู้ฟานตกตะลึง “ส่งพัสดุมันได้เงินขนาดที่ นายเอามาซื้อวังทั้งหลังแบบนี้เลยหรอ?“
เจียงเฉินมองข้าม: “นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือน้ำในของนายดูเหมือนจะหมดอายุแล้ว”
“ฮะ? เป็นไปไม่ได้! มันอร่อยอยู่นะ~”
หลี่ปู้ฟานพลิกขวดมาดู! Σ(っ°D°;)っ
“พระเจ้า! หมดอายุไปครึ่งปีแล้ว!!!”