บทที่ 1235+1236

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1235+1236 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1235 พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่?

เธอเบี่ยงไปสองก้าว หลบเลี่ยงการประคองของคนผู้นั้น มองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร หันหลังหมายจะจากไป ทว่าถูกคนผู้นั้นจับข้อมือไว้

คนผู้นั้นย่อมเป็นตี้ฝูอี เขายิ้มน้อยๆ มองดูเธอ “ชอบกำไลวงนี้หรือ?”

แล้วมองวัสดุของกำไลวงนั้นอย่างจริงจังแวบหนึ่ง “วัสดุของกำไลวงนี้ธรรมดาทั่วไป ไม่คู่ควรกับเจ้า ข้าเล็งไว้แล้วชิ้น ดูดียิ่งนัก น่ามองกว่าหยกนภาอันนั้นของเจ้าเสียอีก ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดู” ไม่พูดทำเพลงอันใดจูงเธอออกเดินทันที

ฝ่าเท้ากู้ซีจิ่วเหมือนงอกรากออกมา ไม่ขยับเขยื้อนเลย “ท่านปล่อยมือนะ ข้าไม่ชอบกำไลอะไรนั่นที่ดูดีกว่าหยกนภาหรอก!”

หยกนภาก็คือหยกนภา เป็นเพื่อนของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่กำไลใดจะมาแทนที่ได้!

กู้ซีจิ่วดิ้นรนอยู่สองครั้ง เนื่องจากเขากุมไว้แน่นเกินไป เธอเลยดิ้นไม่หลุด

เธอมุ่นคิ้วนิดๆ ขณะที่กำลังจะใช้วิชายุทธ์อย่างหนึ่งปลีกตัวออกมา ตี้ฝูอีพลันออกแรงอีกครั้ง ดึงเธอเข้าสู้อ้อมแขนตนเสียเลย ครานี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่โอนอ่อนลงไม่น้อย “ข้าขอโทษ! ไม่โกรธแล้วดีไหม?”

กู้ซีจิ่วไม่อยากอิรุงตุงนังกับเขาบนถนนใหญ่ “ท่านปล่อยมือก่อน”

“ปล่อยมือเดี๋ยวเจ้าก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปอีก” ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ซีจิ่ว เจ้าฟังข้าอธิบายหน่อยดีไหม?”

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง โชคดีว่าเธอไม่ใช่ประเภทที่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ‘ข้าไม่ฟังๆ’ ลูกเดียว และเอ่ยออกมาสุขุมยิ่งนักปะโยคหนึ่ง “ท่านปล่อยมือเถอะ ท่านสบายใจได้ ข้าไม่ใช้วิเคลื่อนย้ายหีไปอีกแล้ว ข้าจะฟังท่านอธิบาย!”

ตี้ฝูอีก็ไม่กล้าโต้แย้งแล้ว ท้ายที่สุดจึงปล่อยเธอ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ที่นี่มิใช่สถานที่เหมาะสำหรับพูดคุย พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีหรือไม่?”

….

สถานที่ที่ตี้ฝูอีหามาคือโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง

ในโรงน้ำชามีคนดื่มชาอยู่ไม่มาก สภาพแวดล้อมก็สงบเงียบยิ่งนัก เหมาะสำหรับพูดคุยกันเงียบๆ พอดี

ตี้ฝูอีชงชาให้เธอด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวสง่างามดั่งสายธารไหลริน

กู้ซีจิ่วเล่นถ้วยชาใบหนึ่งอยู่ในมือ ไม่ได้เอ่ยปากขึ้นก่อน

ตี้ฝูอีรินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง “ลองชิมชาที่ชงจากน้ำทะเลนี่ดูสิ”

ดื่มชาที่ชงจากน้ำทะเลได้ด้วยหรือ? ไม่เค็มตายหรือไง?

กู้ซีจิ่วมองชาถ้วยนั้นเงียบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มเข้าไป

ตี้ฝูอีนั่งลงตรงข้ามเธอ “หลานจิ้งอี๋มีโรคประหลาด ไม่อาจบาดเจ็บจากคมศาสตราวุธ ยิ่งไม่อาจถูกขอดเกล็ดได้ มิเช่นนั้นนางจะตายภายในหนึ่งเค่อ การตายของชาวเงือกตามปกติแล้วไม่อาจกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ ไร้ซึ่งดวงวิญญาณ การตายเป็นการสิ้นชีพอย่างแท้จริง…”

กู้ซีจิ่วตะลึง มิน่าล่ะเธอแค่กรีดคอของอีกฝ่าย ขอดเกร็ดออกมาสองแผ่นเท่านั้น สองคนนี้ก็ทำราวกับเผชิญสัตรูตัวฉกาจ ลงมือกับเธอทันที…

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ “ข้าไม่มีเจตนาจะสังหารนาง มิเช่นนั้นหัวนางคงหลุดไปนานแล้ว! การกระทำของประมุขเงือกข้าเข้าใจ เขาร้อนใจอยากช่วยเหลือน้องสาว ลงมือกับข้าก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ ข้าไม่โทษเขา แต่ว่าท่าน…”

สายตาของเธอร่อนลงบนใบหน้าตี้ฝูอี ความน้อยเนื้อต่ำใจที่สะกดกลั่นไว้ในส่วนลึกของจิตใจเอ่อล้นออกมา เบ้าตาร้อนผ่าวอยู่บ้าง แต่สุ้มเสียงยังคงสงบยิ่งนักเช่นเดิม “ท่านไม่พูดอะไรเลยก็ลงมือกับข้าแล้ว ข้าปวดใจนัก” เขาน่าจะรู้นิสัยเธอ รู้ว่าเธอไม่ใช่คนบุ่มบ่ามมุทะลุ

ถึงแม้เขาจะแค่ทำลายอาวุธของเธอ แต่ก็ซัดถูกมือเธอด้วย ตอนนั้นง่ามนิ้วเธอเกือบจะฉีกแล้ว ความรู้สึกปวดชานั้นจวบจนยามที่เธอร้องเพลงเมื่อครู่ก็ยังไม่เลือนหายไปทั้งหมด ราวกับทำให้เกิดแผลเป็นบางๆ สายหนึ่งขึ้นบนหัวใจเธอด้วย…

มีความขมขื่นผุดพรายออกมาจากในแผลเป็นนั้นด้วย ความขมขื่นนี้ทำให้เธอไม่อยากเจอเขาไปชั่วขณะ

นัยน์ตาตี้ฝูอีฉายแววลุแก่โทษ “ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ทำร้ายมือเจ้าเข้าหรือ?”

พลางยื่นมือไปจับข้อมือขวาของเธอ คิดจะดูมือเธอ

————————————————————————————-

บทที่ 1236 ข้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ข้าอยากซื้อเลย

กู้ซีจิ่วไม่ยอมให้เขาดู “ไม่ได้ทำร้าย เพียงซัดกระบี่สั้นเล่มนั้นแตกหักไปแล้ว”

สุ้มเสียงเธอสบายๆ ยิ่งนัก ตี้ฝูอีถอนหายใจอย่างโล่งอก “กระบี่สั้นเล่มนั้นไม่นับว่าเป็นของดีอะไร กลับไปข้าจะตีให้เจ้าด้วยตัวเองเล่มหนึ่ง ดีกว่ากระบี่เล่มนั้นร้อยเท่าแน่นอน!”

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร

อันที่จริงบางครั้งกระบี่จะดีหรือจะแย่ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือความหมายของมันต่างหาก

กู้ซีจิ่วปราดเปรื่องเสมอมา เธอพอจะฝืนเข้าใจได้ว่าในสภานการณ์เช่นนั้น ตี้ฝูอีร้อนรนไปชั่วขณะ เธอจึงไม่คิดจะสงสัยอะไรเขามากมาย

ถึงแม้เขากับเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็ยากเย็นนัก เขาชอบตนมากแค่ไหน กู้ซีจิ่วยังคงกระจ่างแจ้งยิ่งนัก เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ทว่าหัวใจกลับมีถุงความขมขื่นใบหนึ่งโป่งพองขึ้นมา…

เพียงแต่เมื่อเทียบกับถุงความขมขื่นใบนี้แล้ว เธอใส่ใจอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า

“ท่านเคยเป็นพี่เขยขององค์หญิงผู้นั้นหรือ?”

มือของตี้ฝูอีชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองเธอ “เจ้าใส่ใจเรื่องนี้หรือ?”

นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหลสินะ!

กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างตรงไปตรงมานัก “หากว่ามีคนผู้หนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ ไม่รู้จักมักจี่กับท่าน แต่กลับเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ท่านจะใส่ใจไหมล่ะ?”

ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย

เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “เรื่องนี้…ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่ได้กลายเป็นพี่เขยของนางอย่างเป็นทางการ ข้ากับพี่สาวนางไม่ได้แต่งกัน…นั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุอย่างหนึ่งเมื่อหลายพันปีก่อน”

“อุบัติเหตุ?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีมีความลำบากใจ ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ซีจิ่ว เรื่องนั้นข้าเคยรับปากผู้อื่นไว้ ว่าจะไม่เอ่ยถึงอีก อีกทั้งพี่สาวของนางก็เสียไปหลายพันปีแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องหึงหวงเรื่องนางหรอก”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

เธอไม่พูดไม่จา ตี้ฝูอีทาบมือบนมือเธอ “เอาล่ะ เด็กน้อย งานชุมนุมบุปผาของชาวเงือกที่นี่หนึ่งปีถึงจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง ที่นี่มีของดีมากมาย ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะได้มาเที่ยวสักรอบ จะพลาดไม่ได้นะ!”

ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดดึงเธอให้ลุกขึ้น “เดิมทีครานี้ข้าคิดจะพาเจ้ามาซื้อของบางอย่าง”

กู้ซีจิ่วค่อนข้างหมดความสนใจแล้ว “ข้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ข้าอยากซื้อเลย”

ตี้ฝูอีมองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “ของที่ข้าจะซื้อคือข้าวของบางส่วนในงานวิวาห์ แบบนี้ยังไม่อยากซื้ออยู่หรือเปล่า?”

กู้ซีจิ่วใจเต้นทันที

งานวิวาห์?

เร็วขนาดนี้เชียว?!

เธอเอ่ยประโยคหนึ่งออกไปตามสัญชาตญาณ “ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะแต่งให้ท่าน…” พวกเขาถึงขั้นที่ยังไม่ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ!

ตี้ฝูอีพลันออกแรง ดึงเธอเข้าสู้อ้อมอก ไม่พูดไม่จาอะไรจูบลงไปทันที!

จูบจนหัวใจเธอเต้นกระหน่ำ ยามที่สมองวิงเวียนมึนงง เขาจึงเอ่ยออกมาเนิบๆ ประโยคหนึ่ง “ลองพูดว่าเจ้าจะไม่แต่งให้ข้าดูอีกทีสิ?!”

กลิ่นอายของเขาโอบคลุมเธอไว้ จุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ทำให้สมองเธอลัดวงจรไปชั่วขณะ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยออกมาอย่างไม่กลัวตายอีกครั้ง “ก็ข้าไม่อยากแต่งให้ท่านนี่…”

ประโยคที่กล่าวออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำนี้กล่าวยังไม่จบ ตี้ฝูอีก็วางเธอลงทันที

เธอตกใจไปครู่หนึ่ง นึกว่าจะล้มลงบนพื้นหินอ่อนที่เย็นเฉียบเสียแล้ว คาดไม่ถึงว่ายามที่เอนกายลงไปกลับพบว่าใต่ร่างมีเบาะอ่อนนุ่มปานก้อนเมฆอยู่

ตี้ฝูอีทับลงบนร่างเธอ มือข้างหนึ่งกุมมือทั้งสองของเธอไว้ กดไว้เหนือศีรษะเธอ ส่วนมืออีกข้างก็แกะสาบเสื้อออก รอยยิ้มตรงมุมปากค่อนข้างชั่วร้าย “เด็กน้อย เจ้ากำลังท้าทายขีดจำกัดของข้า…”

เขางับมุมปากของเธอเบาๆ พ่นลมหายใจร้อนผ่าว แววตาอันตราย “เด็กน้อย เจ้าอยากให้ข้าครอบครองเจ้าที่นี่งั้นหรือ?”

พละกำลังของชายหญิงเดิมทีก็ต่างกันอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับกู้ซีจิ่วที่พลังวิญญาณก็สู้เขาไม่ได้ เมื่อเขาควบคุมเธอไว้ต้ร่างได้เบ็ดเสร็จแล้ว เธอก็ผลักเขาออกไปไม่ได้ เว้นแต่ว่าเธอจะใช้วิธีลอบโจมตีเขา

————————————————————————————-