ตอนที่ 355 เเค่นาทีเดียวก็รอไม่ไหว

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดที่มั่นใจของสวีหว่านเอ๋อร์ เฉินจุนเหยียนก็อดเยาะเย้ยไม่ได้
เขาเอนกายลงหน้าโต๊ะและพูดอย่างเคร่งขรึมกับอีกคนว่า “คุณสวี ด้วยความเคารพนะครับ คุณไร้เดียงสาเกินไป ถ้าฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงสามารถแยกจากกันเพราะคุณพูดเพียงไม่กี่คำ วันนี้คุณคงไม่มาหาผม”
ประโยคนี้จี้จุดสวีหว่านเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย เธอกำมือเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง
“แล้วไงคะ?”
เฉินจุนเหยียนส่ายหัว มองไปที่สวีหว่านเอ๋อร์นิ่งๆ ก่อนจะพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ “เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องการร่วมมือกับคุณครับ แม้ว่าผมจะชอบซูฉิง แต่ผมก็ไม่มีวันใช้วิธีที่น่าละอายแบบนี้เพื่อจับเธอไว้หรอกครับ เกรงว่าคุณจะหาผิดคนแล้วล่ะ”
การปฏิเสธของเฉินจุนเหยียนชัดเจน จนดวงตาสวีหว่านเอ๋อร์หรี่ลงครู่หนึ่ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญคุณสวีกลับไปได้แล้วครับ!” เฉินจุนเหยียนเอ่ยปากไล่อย่างไม่เกรงใจ
สวีหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะจ้องไปยังเฉินจุนเหยียน “ซุปเปอร์สตาร์เฉินคะ หวังว่าคุณจะไม่มานั่งเสียใจกับสิ่งที่คุณพูดนะคะ”
พูดจบสวีหว่านเอ๋อร์ก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋หลานที่คอยตามอยู่ข้างๆ สวีหว่านเอ๋อร์ ดวงตาก็มืดมนลงไปเช่นกัน
สวีหว่านเอ๋อร์มาชักชวนเฉินจุนเหยียน เธอต้องการตัวฮ่อหยุนเฉิงเลยจะจับคู่เฉินจุนเหยียนกับซูฉิง?
เฉินจุนเหยียนเป็นของไป๋หลานคนนี้!
ดูเหมือนว่าบทเรียนที่เธอสั่งสอนสวีหว่านเอ๋อร์ไปครั้งก่อนคงจะเบาเกินไป

ซูฉิงที่กลับถึงบ้าน ก็ได้สายโทรศัพท์จากเฉินจุนเหยียน “ซูฉง เธออยู่บ้านหรือเปล่า?”
“เพิ่งถึงน่ะ มีอะไรหรือเปล่า?” ซูฉิงตอบขณะเปลี่ยนรองเท้าตรงทางเข้า
“เกี่ยวกับพิธีเปิด “พ่าหวังเปี๋ยจี” ฉันจะไปคุยกับเธอต่อหน้านะ” เฉินจุนเหยียนพูดจบก็วางสายไป
ยี่สิบนาทีต่อมา กริ่งประตูก็ดังขึ้น
ซูฉิงเปิดประตู ร่างสูงของเฉินจุนเหยียนก็ยืนอยู่ตรงประตูพอดี
“เข้ามาสิ” ซูฉิงยิ้ม
เฉินจุนเหยียนพยักหน้าก่อนจะก้าวไปข้างหน้า “อีกสามวันบริษัทจะจัดพิธีเปิดภาพยนตร์เรื่องนี้ ถึงตอนนั้นเธอกับฉันต้องอยู่ด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอว่างเข้าร่วมหรือเปล่า?”
“เร็วขนาดนั้นเลย?” ซูฉิงขมวดคิ้ว ช่วงนี้เธอยุ่งมากจนเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย
เฉินจุนเหยียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่เร็วไปหรอก ถ้าช้ากว่านี้ก็เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไม่ทันแล้วล่ะ”
ซูฉิงครุ่นคิด “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว “พ่าหวังเปี๋ยจี” เป็นหนังสือที่ฉันเขียน ฉันต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน”
“ซูฉิง คงยังไม่ได้กินอาหารเย็นใช่ไหม ไปด้วยกันไหม?” หลังจากพูดเรื่องงานเสร็จ เฉินจุนเหยียนก็มองซูฉิงด้วยแววตาล้ำลึก
ไม่เจอตั้งหลายวัน เธอผมลงไปเยอะเลย
เฉินจุนเหยัยนรู้สึกกังวล เขารู้ว่าช่วงนี้ซูฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาแฟนของยวี๋น่าจนวิ่งวุ่นไปทุกที่
“ไม่ต้องหรอก…” ซูฉิงส่ายหัวและเอ่ยปฏิเสธ
เธอที่ยุ่งมาทั้งวันนั้นรู้สึกเหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนอยู่บ้าน
ดวงตาของเฉินจุนเหยียนหรี่ลงเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่างก็มีเสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงน่าดึงดูดของฮ่อหยุนเฉิง “ซูฉิง!”
ซูฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมจู่ๆ ฮ่อหยุนเฉิงถึงมาที่นี่?
เธอเปิดประตู “นายมาได้ไงน่ะ?”
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงจ้องไปที่เฉินจุนเหยียนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าเย็นชา
“เฉินจุนเหยียน มืดค่ำขนาดนี้แล้วมาทำอะไรน่ะ?”
ผู้ชายคนนี้ หึงอีกแล้ว!
ซูฉิงรู้นิสัยฮ่อหยุนเฉิงดี ตอนนี้ยังไม่ถือว่าดึกด้วยซ้ำ เขาพูดประโยคนี้ ถ้าไม่หึงแล้วจะเป็นอะไรได้
ซูฉิงอธิบายอย่างอดทน
“เราคุยกันเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ”
“จริงเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงขดมุมริมฝีปากและพูดอย่างไร้อารมณ์ “งั้นคุยเรื่องงานเสร็จแล้วใช่ไหม?”
“เสร็จแล้วล่ะ” ซูฉิงยักไหล่
“ในเมื่อเสร็จแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่ไปล่ะเฉินจุนเหยียน?” ฮ่อหยุนเฉิงไล่แขกอย่างไม่เกรงใจ
ฮ่อหยุนเฉิงมองสายตาที่เฉินจุนเหยียนมองซูฉิงออก เขายังไม่ยอมแพ้เรื่องซูฉิง
สิ่งนี้ทำให้ฮ่อหยุนเฉิงไม่พอใจอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงหึงมากขึ้นเรื่อยๆ ซูฉิงจึงพูดกับเฉินจุนเหยียนอย่างช่วยไม่ได้ “นายกลับไปก่อนนะ ถึงตอนนั้นฉันจะเข้าร่วมพิธีเปิดตรงเวลาเอง”
“อืม งั้นฉันไปก่อนนะ” เฉินจุนเหยียนลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าผิดหวัง
ในขณะที่ประตูปิด ซูฉิงก็หันกลับมาจ้องฮ่อหยุนเฉิงอย่างดุเดือด “เฉินจุนเหยียนมาคุยเรื่องงานกับฉันจริงๆ นะ นายจะหึงทำไมกัน แถมยังไล่เขาอีก”
“ฉันเห็นว่าเขาคุยกับภรรยาฉันสนุกขนาดนี้ ไม่ควรหึงหรือไง?”
ฮ่อหยุนเฉิงกางแขนโอบซูฉิงเอาไว้ในอ้อมแขน เมื่อเขาเข้าใกล้เธอก็จงใจลดเสียงลง
เขาเอื้อมมือออกไปเชยคางผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้าสวยอยู่ใกล้แค่เอื้อม แถมใบหน้ายังแดงระเรื่อ…
ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกแน่นคอทันที เขาไม่ได้อยู่ใกล้ซูฉิงนานมากแล้ว ประกอบกับแรงหึงเมื่อกี้ก็ไฟสุมอก ก่อนจะเชยคางของซูฉิงแล้วกดจูบทันที
“อื้อ นาย—”
ซูฉิงยังไม่ทันพูดจบก็ถูกจูบอีกคนโจมตีทันที
ฮ่อหยุนเฉิงเปิดปากของเธออย่างแรงก่อนจะสอดลิ้นหนาเข้าไป
ซูฉิงนั่งบนตักของเขาจึงได้เพียงตอบสนองโดยยกศีรษะขึ้นก่อนจะจับไหล่และคอของอีกคนโดยไม่รู้ตัว และชุดสูทก็ถูกดึงออกมาจนยับยู่ยี่
“ซูฉิง”
หลังจากจูบแล้วจูบเล่า มือของฮ่อหยุนเฉิงก็เริ่มอยู่ไม่สุข อาศัยเอวของซูฉิงที่เคลื่อนที่ขึ้นลงพยายามเลิกชายเสื้อของเธอขึ้น และพูดด้วยเสียงคลุมเครือ
“ฉันคิดถึงเธอมาก…”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็อุ้มซูฉิงเข้าห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียง
ฮ่อหยุนเฉิงก้มมองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างจริงจัง นิ้วของเขาลูบใบหน้าด้านข้างของซูฉิงและค่อยๆ ไล้เลื่อนไปที่คอและกระดูกไหปลาร้าของเธออย่างอ่อนโยน
หลังจากนั้นเขาก็ผนึกริมฝีปากสีแดงของเธออีกครั้ง แต่ไม่เหมือนการครอบงำแต่เป็นความอ่อนโยนและหวงแหนมาก
ซูฉิงรู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา
เธอไม่ได้ปฏิเสธ แต่ทว่าก็ได้สติตอนที่ชุดนอนของเธอกำลังเลิกขึ้น
เธอจับมือฮ่อหยุนเฉิง ก่อนจะปรือตามองเขาอย่างมึนงง
แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นการปฏิเสธ
“หยุนเฉิง ฉันรู้ว่านายคิดถึงฉัน ฉันเองก็เหมือนกัน…แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ เรา เราอย่าเพิ่งทำกันเลยได้ไหม?”
ยิ่งซูฉิงพูดก็ยิ่งได้สติ น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนแต่กลับปฏิเสธอย่างหนักแน่น
ฮ่อหยุนเฉิงชะงักและไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
“นายไม่ได้บอกว่านายเคารพฉันเหรอ?” ซูฉิงสูดหายใจลึกๆ แล้วดันฮ่อหยุนเฉิงออก
เปลวไฟยังคงส่องประกายในดวงตาฮ่อหยุนเฉิง ก่อนที่เขาจะพูดด้วยเสียงทุ้มและแหบแห้ง “แต่เเค่นาทีเดียวฉันรอไม่ไหวแล้ว”
“ตอนนี้ไม่ได้จริงๆ” ซูฉิงเป็นคนมีหลักการ “นายสัญญากับฉันแล้วก็ต้องรักษาสัญญาสิ”