ผู้นำตระกูลหวงและผู้นำตระกูลหลิน เดินเข้ามาและตบลงไปที่หน้าของหวงเทียนและหลินลี่ฉาดใหญ่
“นี่พวกเจ้ายังไม่ยอมคุกเข่าขอโทษคุณหยางอีกหรอ!”
“ข้า…”
หวงเทียนและหลินลี่หันหน้ามาสบตากัน
พวกเขาสองคนไม่กล้าที่จะต่อกรกลับ จึงทำได้เพียงแค่ยอมคุกเข่าให้กับท่านหยางเฟิง
หวงเหอและเซินหลินได้แต่มองท่านหยางเฟิน พร้อมทั้งถามด้วยสีหน้าเศร้าใจ“คุณหยาง เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง หากคุณจะตี หรือว่า จะฆ่าข้า เอาตามที่ท่านกำหนดก็แล้วกัน! ”
ทำเหมือนไม่ได้ยิน
หวงเทียนแหละหลินลี่ได้แต่กลัวพร้อมกับสีหน้าที่มีสีขาวซีดเผือด
ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมข้าและพ่อของข้าจะต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนหยางเฟิงล่ะ?
ในช่วงเวลานี้
พวกเขาได้รู้สึกถึงความน่ากลัวแล้ว
“คุณหยาง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรานะ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเฉ่าปิ่งเป็นคนทำร้ายพวกเรา”
“ใช่ๆ คุณหยาง ถ้าอย่างงั้นพวกเราขอให้ท่านที่มีกำลังอำนาจเหลือล้น ไว้ชีวิตพวกเราเถอะ”
ทั้งสองคนได้แต่คุกเข่าลงพร้อมทั้งร้องไห้ออกมา
ณ ตอนนี้ ในที่สุดพวกเขารู้สึกเสียใจแล้ว
หากรู้มาก่อนว่า ไม่คิดเลยว่าหยางเฟิงจะเป็นคนที่แม้แต่พ่อของข้าก็หวาดกลัว
ฆ่าข้าให้ตาย ข้าแต่ก็ไม่กล้าที่จะไปยั่วยุท่านหยางเฟิง
แต่ว่าตอนนี้ มารู้สึกเสียใจก็สายไปสะแล้ว!
หยางเฟิงมองไปที่หวงเทียนและหลินลี่ พร้อมกับพูดเย็นชา“พวกเจ้าเก่งกันนักไม่ใช่หรอ?พูดว่าจะฆ่าข้า อีกทั้งยังดูถูกภรรยาของข้าอีก ทำไมตอนนี้เจ้ากลัวสะแล้วล่ะ”
“พวกข้า……”
หวงเทียนและหลินลี่ได้แต่พูดไม่ออก และหมดคำที่จะพูด
ในตอนแรกตอนที่พวกเขาดื้อรั้นทะนงตัว นั่นก็เพราะว่าพวกเขานั้นไม่รู้จักถึงตัวตนที่แท้จริงของหยางเฟิง
ตอนนี้ได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหยางเฟิงแล้ว พวกเขาหรือจะกล้าทะนงตัวต่อไป
“เจ้าเด็กอกตัญญู ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไล่เจ้าออกจากบ้านตระกูลหวง!”
“เจ้าเด็กอกตัญญู ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไล่เจ้าออกจากบ้านตระกูลหลิน!”
พอได้ยินคำนี้
หวงเหอและหลินเซินทั้งสองคนก็ได้ตะโกนเสียงดัง
พอได้ยินคำนี้ หวงเทียนและหลินลี่ทั้งสองคนก็ได้ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
ถ้าหากพวกถูกไล่ออกจากตระกูลล่ะก็
พวกเขาทั้งสองคนคงจะโดนพวกคู่อริจากตระกูลอื่นไล่ทุบตีอย่างแน่นอน
เมื่อก่อนตอนที่พวกเขานั้นใช้อำนาจต่างๆได้ไปหู้ไห่ นั่นก็เพราะว่าอยู่มีอำนาจที่อยู่ภายใต้อำนาจของครอบครัวตระกูล
ในเมื่อพวกเขาถูกไล่ออกจากครอบครัวตระกูลล่ะก็ ถ้าอย่างงั้นพวกเขาก็ไม่มีอำนาจอะไรทั้งนั้นแหละ
“ท่านพ่อ ผมผิดไปแล้ว ผมขอร้องอย่าไล่ผมออกจากครอบครัวตระกูลเลย”
หวงเทียนและหลินลี่ทั้งสองคนได้แต่ร้องไห้ออกมา
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหวงเหอและหลินเซินก็ยืนยันคำเดิม
เพราะเมื่อสักครู่ เมื่อสิบนาทีก่อน นายหมายเลขหนึ่งของเมืองหู้ไห่เพิ่งโทรศัพท์มาหาด้วยตนเอง
เตือนให้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ ว่าอย่ากล้าที่จะดูหมิ่นหรือเหยียดหยามหยางเฟิง!
ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะก็ ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในเมืองหู้ไห่อีกต่อไป!
เมื่อหลังจากได้รับโทรศพท์ ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็จะไม่ลังเลที่จะมาเข้าร่วมงานกับหยางเฟิง
แม้แต้นายใหญ่หมายเลขหนึ่งแห่งเมืองหู้ไห่ยังโทรมาหา
ไม่ต้องอธิบายก็สามารถทราบได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของหยางเฟิงนั้นมีความน่ากลัวขนาดไหน
ต้องรู้ไว้ว่า หู้ไห่นั้นเป็นเมืองเศรษฐกิจใจกลางของประเทศต้าเซี่ย
นายใหญ่หมายเลขหนึ่งแห่งเมืองหู้ไห่นั้น ท่านก็เป็นเหมือนทูตแห่งนคร
นี่คือการมีอยู่ที่ทำให้แม้แต่ท่านทูตแห่งนครนั้นตกใจ
หรือว่าพวกเขาทั้งสี่ตระกูลใหญ่ทำให้ไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าภายในเมืองหู้ไห่นั้นทั้งสี่ตระกูลใหญ่จะมีอำนาจมากมาย
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านายใหญ่หมายเลขหนึ่งแห่งเมืองหู้ไห่ แค่ดีดนิ้วก็สยบแล้ว
ตอนนี้หวงเทียนและหลินลี่ทำให้หยางเฟิงไม่พอใจ
ทั้งหมดก็เป็นเพราะตัวเองรนหาที่ตายนั่นแหละ!
ถึงแม้ว่าหวงเทียนและหลินลี่จะเป็นลูกชายของเขา
แต่ทว่าพวกเขานั้นก็มีลูกชายอีกหลายคน
หากลูกชายตายไปสักสองคน คงจะไม่เป็นอะไร
ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องครอบครัวตระกูล นับว่าเป็นการเสียสละที่เหมาะสมและคุ้มค่า!
เมื่อเห็นอาการที่แน่วแน่ไม่หวั่นไหวของพ่อแล้ว
หวงเทียนและหลินลี่คิดว่าพวกเขาต้องตายแน่ๆ
“พวกเจ้ามานี่ มาลากเจ้าสองคนนี้ออกไปจากที่นี่ หลังจากนี้ข้าไม่อนุญาตให้พวกมันเข้ามาในบ้านตระกูลเราแม้แต่ก้าวเดียว”
“รับทราบ!”
หลังจากนี้หวงเทียนและหลินลี่ก็ถูกลากออกไปราวกับหมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากการเวลาผ่านไป ก็ไม่มีใครพบเห็นหวงเทียนและหลินลี่สองคนนี้อีกเลย