หากร้านถูกตรวจสอบพบว่ามีฝิ่นจริง ร้านจะต้องถูกปิดตัว!

ซูเสี่ยวเหยียนร้ายกาจมาก!

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วพยายามหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้

พลลาดตระเวนกล่าว “คุณชาย ตอนนี้ผู้สมรู้ร่วมคิดได้ยอมรับออกมาแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาอีก ท่านควรเอาฝิ่นออกมาเองจะดีกว่า!”

“เจ้าควรค้นหามันด้วยตัวเอง” ซูหวานหว่านพยายามซ่อนสิ่งของภายในมือเอาไว้ในแขนเสื้อ ชายชราจึงพูดออกมาทันทีว่า “ของที่อยู่ในมือเขาคือฝิ่น! นั่นคือสิ่งที่เขาบอกให้ข้านำมาให้แก่เขา!”

“งั้นหรือ?” ซูหวานหว่านอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ นางพูดออกมาอย่างประชดประชัน “เจ้าเป็นใคร พวกเราเพิ่งจะเคยเจอกันวันนี้เอง จิตใจของเจ้าชั่วร้ายนัก!”

“คุณชายเป่ยฉวน! เจ้าจะพูดเอาแต่ความดีใส่ตัวไม่ได้! เจ้าเป็นคนบอกให้ข้าซื้อฝิ่นมาให้เอง” ชายชราตะโกนเสียงดังจนคนจำนวนมากต่างหันมามองดู ใบหน้าของซูหวานหว่านแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองทันที

ซูเสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มออกมา นี่คือแผนการที่นางวางเอาไว้เป็นอย่างดี วันนี้เป่ยฉวนไม่รอดแน่!

พลลาดตระเวนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เอามันออกมาให้ข้าซะดี ๆ! ไม่อย่างนั้น… หึ!”

“ไม่ใช่ว่าข้านั้นเอาออกมาไม่ได้ แต่ว่าหากข้าเอาออกมาแล้วมันไม่ใช่ฝิ่น? เจ้าจะต้องให้คำอธิบายแก่ข้า” ซูหวานหว่านเอ่ยปากต่อรอง

“แน่นอนอยู่แล้ว!” พลลาดตระเวนนายนั้นตอบตกลง

ซูหวานหว่านกางแขนออกและหยิบมันขึ้นมา ซูเสี่ยวเหยียนก็พูดออกมาว่า “คอยดูเถอะ ที่คุณชายเป่ยฉวนไม่กล้าเอามันออกมา! เพราะรู้ว่ามันคือฝิ่นอย่างไรล่ะ!”

“แม่นางจูพูดถูก! คุณชายเป่ยฉวนนั้นมีจิตใจที่มืดมนมากจริง ๆ!”

“…”

ชาวบ้านที่มุงดูต่างรู้สึกโกรธ และบางคนถึงขั้นโกรธจนอยากจะทุบร้านอาหารเจวียเซ่อเพื่อระบายความโกรธของพวกเขา แต่ซูหวานหว่านกลับถือห่อเอาไว้อย่างใจเย็นและพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกท่าน ข้าก็แค่อยากเปิดห่อนี้ให้ทุกท่านได้ดูพร้อมกัน เหตุใดพวกท่านถึงคิดมากไปได้?”

พูดจบซูหวานหว่านก็โยนห่อเล็ก ๆ ในมือทิ้ง และของข้างในก็ตกลงมา กลายเป็นผลไม้เล็ก ๆ ไม่ใช่ฝิ่นแต่อย่างใด!

พลลาดตระเวนตกใจ แต่ซูเสี่ยวเหยียนนั้นยิ่งตกใจมากกว่า!

ชายชราตกตะลึงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ “เป็นไปไม่ได้! ข้าได้มอบ…”

หลังจากเขาก็มองไปที่ซูเสี่ยวเหยียนและพูดออกมาว่า “แม่นางจู ข้า…”

เพียะ!

ซูเสี่ยวเหยียนฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าของชายชรา “ทุกคน เขาสร้างเรื่องเหลวไหลขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายคุณชายเป่ยฉวน เห็นได้ชัดว่านี่มันไม่ใช่ฝิ่น! เขาตาบอด!”

ทุกคนต่างถอนหายใจออกมา ชายชราถูกนำตัวลงไปรับโทษและเรื่องราวก็จบลงเช่นนี้ หากแต่ซูเสี่ยวเหยียนยังไม่ทันได้เดินจากไปก็แสร้งเป็นเป็นเอ่ยขอโทษกับซูหวานหวาน “คุณชายเป่ยฉวน มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยทำให้ข้าทำแสดงกิริยาหยาบคายออกไป ข้าต้องขอโทษด้วย”

นางต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่? พูดออกมาเหมือนว่าตนเองไม่ได้เป็นคนวางแผนเรื่องพวกนี้! ซูหวานหว่านขมวดคิ้วออกมา “ไม่เป็นไร ไสหัวไปซะ”

กล่าวจบซูหวานหว่านก็สั่งให้เด็กภายในร้านเก็บผลไม้เล็ก ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น และซูเสี่ยวเหยียนก็ย่อตัวลงทำเป็นช่วยหยิบมันขึ้นมา นางได้บีบมันเบา ๆ สักพักมันก็ส่งกลิ่นหอม ซูเสี่ยวเหยียนจึงมั่นใจว่ามันคือเป็นฮวาเจียว*[1] จึงเอ่ยว่า “คุณชายเป่ยฉวน เจ้าได้ฮวาเจียวนี้มาจากที่ใด?”

“สิ่งนี้เรียกว่าฮวาเจียว?” ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ทำไม เจ้าต้องการมันงั้นหรือ?”

แน่นอนอยู่แล้วว่านางต้องการมัน! ในยุคสมัยนี้นางไม่เคยเห็นฮวาเจียวมาก่อน! หากได้ใช้ฮวาเจียวมาใช้ในการทำอาหารมันจะต้องเป็นอะไรที่แปลกใหม่! ซูเสี่ยวเหยียนก็พยักหน้า “หากคุณชายเป่ยฉวนมี ข้าขอซื้อมันในราคาสูงเพื่อเป็นการขอโทษ เจ้าจะว่าอย่างไรล่ะ?”

“ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่ของข้า พ่อครัวของข้านั้นเป็นคนหามันเจอ หากว่าเจ้าต้องการซื้อก็คงจะต้องไปถามเขาเสียแล้ว!” ซูหวานหว่านชี้ไปที่พ่อครัวที่ออกไปด้วยกันกับนางและพูดว่า “ฮาวปั๋ว เจ้ายินดีขายของในครัวหรือไม่ อีกอย่างข้าก็ไม่ค่อยชอบมันเท่าไร!”

คนที่ถูกเรียกว่าฮาวปั๋วงุนงง สิ่งนั้นไม่ใช่ของเขาแต่เมื่อเห็นแววตาของซูหวานหว่านที่มองมา เขาก็พูดออกมาว่า “แน่นอน ข้านั้นยินดีที่จะขายมัน! เมื่อมันไม่มีใครต้องการ หากจะให้ทิ้งก็คงจะเสียเปล่า สู้เอามาขายแลกเงินเสียดีกว่า”

ขณะที่พูดก็ทำตามการส่งสัญญาณของซูหวานหว่านและนำ ‘ฮวาเจียว’ ออกมา

ซูเสี่ยวเหยียนหยิบเงินออกมาทันทีส่งให้ฮาวปั๋ว จากนั้นก็จากไปอย่างมีความสุขกับสิ่งของในมือ ฮาวปั๋วเห็นว่าซูเสี่ยวเหยียนได้เดินจากไปแล้ว ก็พูดออกมาทันทีว่า “คุณชายเป่ยฉวนนั้น มันคืออะไรรึ? เหตุใดจะต้องขายมันให้นาง? ไม่ใช่ว่าพวกเราเป็นศัตรูกันหรือ?”

“เจ้าพูดถูก! พวกเราเป็นศัตรูกัน! นางต้องการฮวาเจียว เจ้าคิดว่าข้าจะให้ฮวาเจียวแก่นางหรือไม่?”

ซูหวานหว่านหัวเราะและหยิบอะไรบางอย่างที่คล้ายกันออกมา ฮาวปั๋วหยิบมันขึ้นมาดม ปรากฎว่าผลมันคล้าย ‘ฮวาเจียว’ มากแต่ก็ไม่ใช่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมซูหวานหว่านออกมาทันที!

กลิ่นของฮวาเจียวนั้นทั้งชาและเผ็ด หากแต่ของที่ถืออยู่นั้นไม่มีกลิ่นเลย! ‘ฮวาเจียว’ ในตะกร้าของที่ซูเสี่ยวเหยียนนำไปจริง ๆ แล้วมันคือหนานเซ่อเถิง*[2]!

ไม่คาดคิดเลยว่าซูเสี่ยวเหยียนจะมองไม่ออกว่ามันคือหนานเซ่อเถิง ซูหวานหว่านคิดว่ามันน่าขันเสียเหลือเกิน

ฮาวปั๋วมองไปที่ซูหวานหว่านพร้อมกับครุ่นคิด และกล่าวออกมาว่า “คุณชายเป่ยฉวน ของที่เราเพิ่งซื้อมาจะยังใช้มันอยู่หรือไม่”

“ใช้อยู่แล้ว!” ซูหวานหว่านพยักหน้า จำได้ว่าลุงคนนั้นได้นำกิ่งไม้มาสองสามกิ่ง ซูหวานหว่านเลยนำมันเข้าไปในมิติฟาร์มแล้วปักมันใส่ลงไปในดินพร้อมกับรดด้วยน้ำแร่ และอธิบายให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมิติฟาร์มช่วยดูแลมันด้วย แล้วหลังจากนั้นนางก็ออกไปจากมิติฟาร์มทันที

ท้องฟ้าค่อยมืดลงเรื่อย ๆ ซูหวานหว่านออกมาจากร้านอาหาร นางไม่รู้ว่าจะต้องไปพักที่โรงแรมเตี๊ยมไหนดี อีกทั้งนางก็ไม่มีอะไรทำ จึงนำผ้ามาคลุมผมและเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย

ทันใดนั้น ชายร่างสูงคลุมหน้าด้วยผ้าสีดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง นั่นใช่ฉีเฉิงเฟิงหรือไม่? ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นและไล่ตามเขาไปในทันที ก็พบว่าฉีเฉิงเฟิงกำลังไล่ตามพระสองรูปอยู่!

จนกระทั่งไล่ตามมาถึงโรงน้ำชา พระสองรูปก็เดินเข้าไปและฉีเฉิงเฟิงก็กำลังจะเดินตามเข้าไป ซูหวานหว่านเงยหน้ามองขึ้นไปที่ป้ายชื่อของโรงน้ำชา แต่เมื่อนางกำลังจะเข้าไป ทันใดนั้นฉีเฉิงเฟิงพลันดึงนางเอาไว้และลากไปที่ประตูตรงหัวมุมโต๊ะ

“เจ้ากำลังทำอะไร?” ซูหวานหว่านถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉีเฉิงเฟิงก็ส่งเสียง ‘ชู่ว’ และพูดให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า “เจ้ายังจำตระกูลเจียได้หรือไม่?”

ตระกูลเจีย? ตระกูลเจียที่พวกเขาเคยไปอยู่บนเรือมาก่อนใช่หรือไม่! ซูหวานหว่านชะงักไปครู่ จากนั้นจึงพูดออกมา “แน่นอนว่าจำได้ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”

“ในวันนั้นตอนที่เราหนีออกมาด้วยกัน ได้มีหลายคนขึ้นไปบนเรือเพื่อช่วยเหลือ และเพราะเช่นนั้น มันจึงทำให้ข้าสืบสาวจนไปพบคดีใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเจีย! มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ข้าเลยยังไม่ได้กลับไปหาเจ้า!”

“คดีใหญ่อะไร?” ซูหวานหว่านถามออกมา หญิงสาววางมือบนแขนของฉีเฉิงเฟิง และเขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ซูหวานหว่านจึงถกแขนเสื้อของเขาขึ้น นางเห็นว่ามีบาดแผลที่น่ากลัวอยู่สองแห่งตามตัวของฉีเฉิงเฟิง!

ซูหวานหว่านตกใจมาก ฉีเฉิงเฟิงได้รับบาดเจ็บตอนนางไม่อยู่ด้วย! แน่นอนว่าจะต้องมีชายชุดดำหลายคนที่มาลอบทำร้ายฉีเฉิงเฟิง และพวกมันคงโดนฉีเฉิงเฟิงเล่นงานกลับไปจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าฉีเฉิงเฟิงไม่พูดอะไรออกมาอีก ซูหวานหว่านที่เป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ตกลงมันคือคดีใหญ่อะไรกันแน่?”

ฉีเฉิงเฟิงกำลังจะพูด ทันใดนั้นไหล่ของเขาก็ทรุดลงเพราะมีคนมาแตะไหล่ของเขาเบา ๆ เสียก่อนแล้วพูดออกมาว่า “พวกเจ้าสองคนได้สะกดรอยตามพระมานานแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าไปดื่มชากับเขาด้วยกันล่ะ?”

————————————————————————————————

[1] 花椒 หรือ พริกไทยเสฉวน’ มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ในประเทศจีน เป็นพืชตระกูลส้มมีลักษณะเป็นพวงคล้ายพริกไทย ผิวขรุขระคล้ายมะกรูดลูกเล็กๆ ติด ๆ กัน มีกลิ่นหอมแรงและรสเผ็ดชาลิ้น ในฮวาเจียวมีสารที่ออกฤทธิ์กระตุ้นให้ปุ่มรับสัมผัสบนลิ้นของเราสั่นสะเทือนจึงทำให้เกิดอาการชาลิ้น

[2] 南蛇藤 อ่านว่า หนานเซ่อเถิง ชื่อภาษาอังกฤษก็คือ Celastrus orbiculatus ลักษณะเด่นของมันคือเป็นพืชเถาวัลย์ มีลักษณะเรียวบาง มีหนาม และมีเปลือกสีเงินถึงสีน้ำตาลแดง หรือเขาจะเรียกกันว่า หวานอมขมกลืนแบบตะวันออกนั่นเอง