หลังจากสิ้นเสียงซูจิ่นซี เสียงขลุ่ยก็หยุดลง คนผู้นั้นเหินกายลงหน้าผาทันที
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยโยวเหยาก็โอบเอวซูจิ่นซีไล่ตามไปเช่นกัน
ลมหนาวปะทะใบหน้าจนเย็นเยือกมากขึ้น โดยเฉพาะบนภูเขาเช่นนี้ ยิ่งหนาวเย็นเสียดแทงเข้ากระดูก ความรู้สึกของซูจิ่นซีขณะพุ่งลงมาจากหน้าผา นางสัมผัสได้เพียงลมหนาวที่เสียดแทงเข้ากระดูก และไม่สามารถลืมตาได้เลย บางครั้งเมื่อพยายามลืมตาก็เห็นเพียงภาพที่อยู่ตรงหน้ากำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังพร่ามัวเลือนราง
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาใช้กระบี่ปลายอ่อนเสียบที่ผนังหน้าผา เขาหยุดนิ่งพร้อมกับซูจิ่นซีในอ้อมกอด
ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นว่าพวกเขาทั้งสองราวกับอยู่บนปุยเมฆ ด้านบนเป็นปากเหว ใต้ฝ่าเท้าเป็นเมฆหมอกที่มองไม่เห็นพื้นดิน
ซูจิ่นซีอดตกใจเล็กน้อยไม่ได้ ทว่าไม่นานก็สามารถควบคุมสติ นางพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา ไม่ไล่ตามแล้วหรือ? ”
หากเป็นสตรีนางอื่น เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องตกใจเป็นอย่างมาก ทว่าซูจิ่นซีกลับกล้าหาญแน่วแน่ ทั้งยังสอบถามเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง เยี่ยโยวเหยามองตาซูจิ่นซี จู่ๆ ก็แสดงท่าทีพอใจและชมเชย เขารู้ว่าตนมองสตรีนางนี้ไม่ผิดจริงๆ
“ไม่ไล่ตามแล้ว พวกเรากลับก่อน ข้าพบฐานที่มั่นใหญ่ของไหวเจียงที่แฝงตัวในแคว้นจงหนิง พวกมันอยู่ที่หุบผาราชันพิษ ทว่าขณะที่ต่อสู้กัน เหล่าพี่น้องวิหารวิญญาณจำนวนมากถูกจับไปเป็นเชลย เจ้าไปช่วยคนเหล่านั้นกับข้าก่อน”
ซูจิ่นซีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า พวกเขาออกมาครั้งนี้เพราะต้องการช่วยคน
หุบผาราชันพิษ?
ฐานที่มั่นใหญ่ของไหวเจียงที่แฝงตัวในแคว้นจงหนิง?
ซูจิ่นซีไม่เข้าใจ นางเพียงติดตามเยี่ยโยวเหยาไปเท่านั้น ขณะที่พวกเขาเหาะขึ้นมาจากหุบเขา ฟ้าก็มืดแล้ว
เมื่อลงมาถึงตีนเขา ศพพิษก็ไม่อยู่แล้ว จิ้นหนานเฟิงก็ไม่อยู่เช่นกัน เหลือเพียงนักฆ่าจากวิหารวิญญาณไม่กี่คน
“จิ้นหนานเฟิงเล่า? ” เยี่ยโยวเหยาถาม
องครักษ์นายหนึ่งเดินออกมา “ทูลท่านอ๋อง สตรีนางหนึ่งที่ท่านอ๋องสังหารไปนั้น ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด นางฟื้นคืนชีพขึ้นมา และหลบหนีไปแล้ว องครักษ์จิ้นจึงไล่ตามไปพ่ะย่ะค่ะ”
อนุซุน?
ฟื้นคืนชีพขึ้นมา และหลบหนีไปแล้ว?
เป็นไปได้อย่างไร?
ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาก็แสดงอารมณ์สับสนเช่นกัน
แม้ซูจิ่นซีจะไม่รู้วรยุทธ์ ทว่านางก็มองออกว่า เยี่ยโยวเหยาแทงเข้าไปอย่างแม่นยำ อนุซุนไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน นางจะฟื้นคืนชีพได้อย่างไร?
เยี่ยโยวเหยาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เขาฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เล็ก ลงมือไม่เคยผิดพลาดสักครั้ง ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนถูกเขาแทงจนตาย ทว่ากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
หรือเขาแทงพลาดไปจริงๆ ?
เป็นไปไม่ได้!
เยี่ยโยวเหยาปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้นางเห็นชัดว่าตนเองแทงเข็มเงินเข้าที่จุดชีพจรของอนุซุน จนทำให้อนุซุนนอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลังจากนั้นนางได้ฝังเข็มเพิ่มไปอีกหลายจุด ทว่าอนุซุนกลับไม่เป็นอันใด ทั้งยังหลบหนีออกจากจวนสกุลซูได้อีก
นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
ในเวลานี้ แม้จะมีข้อสงสัยมากมาย ทว่าพวกเขาไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก
เยี่ยโยวเหยาจัดเตรียมให้องครักษ์ครึ่งหนึ่งกลับไปที่วิหารวิญญาณ อีกครึ่งหนึ่งให้ตามไปช่วยเหลือจิ้นหนานเฟิง
ส่วนเขาจะไปหุบผาราชันพิษกับซูจิ่นซี
ม้าถูกศพพิษแยกร่างจนแหลกละเอียดแล้ว เยี่ยโยวเหยาจึงใช้วิชาตัวเบาพาซูจิ่นซีเหาะไป
ใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วยาม พวกเขาก็มาถึงหุบผาราชันพิษตามที่เยี่ยโยวเหยาพูดไว้
เวลานี้ใกล้จะถึงยามจื่อ
ตำแหน่งที่แน่ชัดของหุบผาราชันพิษคือ ทางใต้ของแคว้นจงหนิง เป็นภูเขาสูงชันเต็มไปด้วยอันตราย
แสงจันทร์สว่างไสว ทำให้เห็นดวงดาวไม่มากนัก แสงนั้นสาดส่องไปบนยอดเขา
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีกระโดดลงจากหน้าผา
เท้ายังไม่ทันแตะพื้น ระบบถอนพิษก็แจ้งเตือนว่ามีสารพิษจำนวนมหาศาลอยู่รอบบริเวณ อีกทั้งเสียงแจ้งเตือนยังดังขึ้นเรื่อยๆ
ซูจิ่นซีประหลาดใจอย่างมาก
“เด็กดี ที่นี่เป็นเพียงแหล่งกบดานของพวกโจรเท่านั้น! ”
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ทางด้านหน้าของซูจิ่นมีผนังหินมันวาวยื่นออกมาจากหน้าผา ด้านบนมีตัวอักษรที่ใช้พลังภายในเขียนไว้ไม่กี่คำว่า ‘หุบผาราชันพิษ’
ที่แท้ก็มีสถานที่แห่งนี้ด้วย ทว่าสถานที่แห่งนี้ช่างลึกลับซับซ้อน คนทั่วไปคงยากที่จะหาสถานที่แห่งนี้พบ
“ที่นี่คือทางเข้าทางเดียวของหุบผาราชันพิษ” เยี่ยโยวเหยาพูด “เจ้าพอจะตรวจพบอันใดบ้างหรือไม่? ”
“ทางเข้ามีทางเดียวหรือเพคะ? ” ซูจิ่นซีพูดขึ้น “ด้านล่างอันตรายมาก ที่ก้นเหวหม่อมฉันตรวจสอบไปไม่ถึง ทว่าตรงจุดที่พวกเรายืนอยู่จนถึงด้านล่าง หม่อมฉันตรวจพบว่ามีพิษสิบกว่าชนิด ทั้งยังอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน”
“ไม่มีทางอื่นแล้ว” ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยานิ่งขรึม “เจ้าพอรับมือไหวหรือไม่? ”
“ขอเวลาหม่อมฉันเตรียมตัวสักครู่”
หากไม่มั่นใจเต็มร้อย ปกติซูจิ่นซีจะไม่รับปากผู้ใดง่ายๆ
ซูจิ่นซีหลับตาลง นางรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปที่ระบบถอนพิษ และเริ่มต้นประมวลผลจากพิษที่ตรวจสอบได้เพื่อคำนวณวิธีการถอนพิษ
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งกาน้ำชาเดือด ซูจิ่นซีลืมตาทั้งสองข้างขึ้น “เรียบร้อยแล้วเพคะ! ”
ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เยี่ยโยวเหยาคิดอันใดอยู่ ขณะที่ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมา เขาจึงมีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย
หลังจากคืนสติเมื่อได้ยินเสียงของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาพลันยกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู รักใคร่ และพึงพอใจยิ่งนัก
“เตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่? ” เยี่ยโยวเหยาโอบเอวซูจิ่นซีไว้ “จับข้าแน่นๆ ! ”
ซูจิ่นซียื่นมือทั้งสองข้างโอบเอวเยี่ยโยวเหยา พลางพยักหน้าอย่างแน่วแน่
เยี่ยโยวเหยาเหินตัวพาซูจิ่นซีกระโดดลงไปในหุบเขา
ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนที่ไล่ตามคนเป่าขลุ่ย แม้ยังคงหนาวเหน็บ ลมเย็นเสียดแทงเข้ากระดูก ทว่าครานี้ซูจิ่นซีไม่ได้หลับตา แต่กลับเปิดตาคู่งามทั้งสองกว้างเพื่อเตรียมพร้อม
เพราะนางต้องตรวจสอบสารพิษ และต้องมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบให้ชัดเจน
“เยี่ยโยวเหยา ทางซ้าย! ”
เมื่อระบบถอนพิษตรวจพบว่ามีสารพิษกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ซูจิ่นซีก็รีบพูดเตือนทันที
“ระวัง ด้านหน้ามีสารพิษจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา เหมือนจะเป็น… ยุงพิษ”
เยี่ยโยวเหยามีท่าทีจริงจังมาก ซูจิ่นซีเองก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ในเวลานี้ ไม่เพียงระบบถอนพิษที่ตรวจพบสารพิษเท่านั้น อาคมกำไลปี่อั้นที่ซูจิ่นซีเปิดด้วยความถี่สูงสุด ก็ได้ยินเสียงของยุงพิษดังมากขึ้นทุกที
ในที่สุด พวกเขาก็เห็นยุงพิษจำนวนมหาศาลอย่างชัดเจน พวกมันปิดกั้นหุบเขาไว้ทั้งหมด ทั้งยังปิดกั้นเส้นทางลงไปยังก้นเหวอีกด้วย
น่ากลัวยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมาซูจิ่นซีไม่เคยเห็นยุงปรากฏตัวจำนวนมหาศาลถึงเพียงนี้ อีกทั้งหัวของพวกมันยังใหญ่กว่ายุงธรรมดานับสิบเท่า
อย่างไรก็ตาม แม้จะกลัวอยู่บ้าง ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้แสดงความตกใจออกมาแม้แต่น้อย
นางรวบรวมสมาธิ วางมือขวาไว้ที่หน้าท้อง เตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา
ขณะที่ฝูงยุงพิษอยู่ห่างจากพวกเขาในระยะหนึ่งเมตร ซูจิ่นซีพลันยกมือขึ้น และสาดผงยาพิษสีน้ำเงินอ่อนที่หยิบจากระบบถอนพิษออกไปราวกับพ่นหมอกควัน
สาด สาด สาด สาด สาด…
ตลอดทางที่เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีลงมายังก้นเหว ซูจิ่นซีคอยสาดผงยาพิษที่นำออกมาจากระบบถอนพิษอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างทาง ฝูงยุงพิษจำนวนมากที่ดูเหมือนพายุหิมะสีดำพลันร่วงลงสู่ด้านล่างของพวกเขา พวกมันร่วงตายเป็นเบือ มองดูเหมือนแผ่นกว้างสีดำ
เยี่ยโยวเหยาโบกสะบัดแขนเสื้อผืนใหญ่ ศพของยุงพิษเหล่านั้นจึงไม่ตกลงบนตัวพวกเขาแม้แต่ตัวเดียว
รอบตัวพวกเขาเป็นเหมือนเขตเวทมนตร์ ทำให้ศพยุงพิษร่วงลงไปทางขอบหน้าผาแทน
ทว่าซูจิ่นซีรู้ดี นี่ไม่ใช่เขตเวทมนตร์ แต่เกิดจากพลังภายในของเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดว่าเกล็ดหิมะจะมีสีดำหรือไม่? ”
เป็นคำถามที่มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ทว่าซูจิ่นซีก็อดถามออกมาไม่ได้