เล่ม 9 ตอนที่ 9 ตอนที่ 251 เกล็ดหิมะมีสีดำด้วยหรือ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

หลังจากสิ้นเสียงซูจิ่นซี เสียงขลุ่ยก็หยุดลง คนผู้นั้นเหินกายลงหน้าผาทันที

ในเวลาเดียวกัน เยี่ยโยวเหยาก็โอบเอวซูจิ่นซีไล่ตามไปเช่นกัน

ลมหนาวปะทะใบหน้าจนเย็นเยือกมากขึ้น โดยเฉพาะบนภูเขาเช่นนี้ ยิ่งหนาวเย็นเสียดแทงเข้ากระดูก ความรู้สึกของซูจิ่นซีขณะพุ่งลงมาจากหน้าผา นางสัมผัสได้เพียงลมหนาวที่เสียดแทงเข้ากระดูก และไม่สามารถลืมตาได้เลย บางครั้งเมื่อพยายามลืมตาก็เห็นเพียงภาพที่อยู่ตรงหน้ากำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังพร่ามัวเลือนราง

ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาใช้กระบี่ปลายอ่อนเสียบที่ผนังหน้าผา เขาหยุดนิ่งพร้อมกับซูจิ่นซีในอ้อมกอด

ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นว่าพวกเขาทั้งสองราวกับอยู่บนปุยเมฆ ด้านบนเป็นปากเหว ใต้ฝ่าเท้าเป็นเมฆหมอกที่มองไม่เห็นพื้นดิน

ซูจิ่นซีอดตกใจเล็กน้อยไม่ได้ ทว่าไม่นานก็สามารถควบคุมสติ นางพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา ไม่ไล่ตามแล้วหรือ? ”

หากเป็นสตรีนางอื่น เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องตกใจเป็นอย่างมาก ทว่าซูจิ่นซีกลับกล้าหาญแน่วแน่ ทั้งยังสอบถามเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง เยี่ยโยวเหยามองตาซูจิ่นซี จู่ๆ ก็แสดงท่าทีพอใจและชมเชย เขารู้ว่าตนมองสตรีนางนี้ไม่ผิดจริงๆ

“ไม่ไล่ตามแล้ว พวกเรากลับก่อน ข้าพบฐานที่มั่นใหญ่ของไหวเจียงที่แฝงตัวในแคว้นจงหนิง พวกมันอยู่ที่หุบผาราชันพิษ ทว่าขณะที่ต่อสู้กัน เหล่าพี่น้องวิหารวิญญาณจำนวนมากถูกจับไปเป็นเชลย เจ้าไปช่วยคนเหล่านั้นกับข้าก่อน”

ซูจิ่นซีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า พวกเขาออกมาครั้งนี้เพราะต้องการช่วยคน

หุบผาราชันพิษ?

ฐานที่มั่นใหญ่ของไหวเจียงที่แฝงตัวในแคว้นจงหนิง?

ซูจิ่นซีไม่เข้าใจ นางเพียงติดตามเยี่ยโยวเหยาไปเท่านั้น ขณะที่พวกเขาเหาะขึ้นมาจากหุบเขา ฟ้าก็มืดแล้ว

เมื่อลงมาถึงตีนเขา ศพพิษก็ไม่อยู่แล้ว จิ้นหนานเฟิงก็ไม่อยู่เช่นกัน เหลือเพียงนักฆ่าจากวิหารวิญญาณไม่กี่คน

“จิ้นหนานเฟิงเล่า? ” เยี่ยโยวเหยาถาม

องครักษ์นายหนึ่งเดินออกมา “ทูลท่านอ๋อง สตรีนางหนึ่งที่ท่านอ๋องสังหารไปนั้น ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด นางฟื้นคืนชีพขึ้นมา และหลบหนีไปแล้ว องครักษ์จิ้นจึงไล่ตามไปพ่ะย่ะค่ะ”

อนุซุน?

ฟื้นคืนชีพขึ้นมา และหลบหนีไปแล้ว?

เป็นไปได้อย่างไร?

ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาก็แสดงอารมณ์สับสนเช่นกัน

แม้ซูจิ่นซีจะไม่รู้วรยุทธ์ ทว่านางก็มองออกว่า เยี่ยโยวเหยาแทงเข้าไปอย่างแม่นยำ อนุซุนไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน นางจะฟื้นคืนชีพได้อย่างไร?

เยี่ยโยวเหยาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เขาฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เล็ก ลงมือไม่เคยผิดพลาดสักครั้ง ทว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนถูกเขาแทงจนตาย ทว่ากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้

นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?

หรือเขาแทงพลาดไปจริงๆ ?

เป็นไปไม่ได้!

เยี่ยโยวเหยาปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็นึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้นางเห็นชัดว่าตนเองแทงเข็มเงินเข้าที่จุดชีพจรของอนุซุน จนทำให้อนุซุนนอนแข็งเป็นท่อนไม้ หลังจากนั้นนางได้ฝังเข็มเพิ่มไปอีกหลายจุด ทว่าอนุซุนกลับไม่เป็นอันใด ทั้งยังหลบหนีออกจากจวนสกุลซูได้อีก

นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?

ในเวลานี้ แม้จะมีข้อสงสัยมากมาย ทว่าพวกเขาไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก

เยี่ยโยวเหยาจัดเตรียมให้องครักษ์ครึ่งหนึ่งกลับไปที่วิหารวิญญาณ อีกครึ่งหนึ่งให้ตามไปช่วยเหลือจิ้นหนานเฟิง

ส่วนเขาจะไปหุบผาราชันพิษกับซูจิ่นซี

ม้าถูกศพพิษแยกร่างจนแหลกละเอียดแล้ว เยี่ยโยวเหยาจึงใช้วิชาตัวเบาพาซูจิ่นซีเหาะไป

ใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วยาม พวกเขาก็มาถึงหุบผาราชันพิษตามที่เยี่ยโยวเหยาพูดไว้

เวลานี้ใกล้จะถึงยามจื่อ

ตำแหน่งที่แน่ชัดของหุบผาราชันพิษคือ ทางใต้ของแคว้นจงหนิง เป็นภูเขาสูงชันเต็มไปด้วยอันตราย

แสงจันทร์สว่างไสว ทำให้เห็นดวงดาวไม่มากนัก แสงนั้นสาดส่องไปบนยอดเขา

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีกระโดดลงจากหน้าผา

เท้ายังไม่ทันแตะพื้น ระบบถอนพิษก็แจ้งเตือนว่ามีสารพิษจำนวนมหาศาลอยู่รอบบริเวณ อีกทั้งเสียงแจ้งเตือนยังดังขึ้นเรื่อยๆ

ซูจิ่นซีประหลาดใจอย่างมาก

“เด็กดี ที่นี่เป็นเพียงแหล่งกบดานของพวกโจรเท่านั้น! ”

ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ทางด้านหน้าของซูจิ่นมีผนังหินมันวาวยื่นออกมาจากหน้าผา ด้านบนมีตัวอักษรที่ใช้พลังภายในเขียนไว้ไม่กี่คำว่า ‘หุบผาราชันพิษ’

ที่แท้ก็มีสถานที่แห่งนี้ด้วย ทว่าสถานที่แห่งนี้ช่างลึกลับซับซ้อน คนทั่วไปคงยากที่จะหาสถานที่แห่งนี้พบ

“ที่นี่คือทางเข้าทางเดียวของหุบผาราชันพิษ” เยี่ยโยวเหยาพูด “เจ้าพอจะตรวจพบอันใดบ้างหรือไม่? ”

“ทางเข้ามีทางเดียวหรือเพคะ? ” ซูจิ่นซีพูดขึ้น “ด้านล่างอันตรายมาก ที่ก้นเหวหม่อมฉันตรวจสอบไปไม่ถึง ทว่าตรงจุดที่พวกเรายืนอยู่จนถึงด้านล่าง หม่อมฉันตรวจพบว่ามีพิษสิบกว่าชนิด ทั้งยังอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน”

“ไม่มีทางอื่นแล้ว” ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยานิ่งขรึม “เจ้าพอรับมือไหวหรือไม่? ”

“ขอเวลาหม่อมฉันเตรียมตัวสักครู่”

หากไม่มั่นใจเต็มร้อย ปกติซูจิ่นซีจะไม่รับปากผู้ใดง่ายๆ

ซูจิ่นซีหลับตาลง นางรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปที่ระบบถอนพิษ และเริ่มต้นประมวลผลจากพิษที่ตรวจสอบได้เพื่อคำนวณวิธีการถอนพิษ

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งกาน้ำชาเดือด ซูจิ่นซีลืมตาทั้งสองข้างขึ้น “เรียบร้อยแล้วเพคะ! ”

ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เยี่ยโยวเหยาคิดอันใดอยู่ ขณะที่ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมา เขาจึงมีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย

หลังจากคืนสติเมื่อได้ยินเสียงของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาพลันยกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู รักใคร่ และพึงพอใจยิ่งนัก

“เตรียมพร้อมแล้วใช่หรือไม่? ” เยี่ยโยวเหยาโอบเอวซูจิ่นซีไว้ “จับข้าแน่นๆ ! ”

ซูจิ่นซียื่นมือทั้งสองข้างโอบเอวเยี่ยโยวเหยา พลางพยักหน้าอย่างแน่วแน่

เยี่ยโยวเหยาเหินตัวพาซูจิ่นซีกระโดดลงไปในหุบเขา

ครั้งนี้ไม่เหมือนตอนที่ไล่ตามคนเป่าขลุ่ย แม้ยังคงหนาวเหน็บ ลมเย็นเสียดแทงเข้ากระดูก ทว่าครานี้ซูจิ่นซีไม่ได้หลับตา แต่กลับเปิดตาคู่งามทั้งสองกว้างเพื่อเตรียมพร้อม

เพราะนางต้องตรวจสอบสารพิษ และต้องมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบให้ชัดเจน

“เยี่ยโยวเหยา ทางซ้าย! ”

เมื่อระบบถอนพิษตรวจพบว่ามีสารพิษกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ซูจิ่นซีก็รีบพูดเตือนทันที

“ระวัง ด้านหน้ามีสารพิษจำนวนมากกำลังใกล้เข้ามา เหมือนจะเป็น… ยุงพิษ”

เยี่ยโยวเหยามีท่าทีจริงจังมาก ซูจิ่นซีเองก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

ในเวลานี้ ไม่เพียงระบบถอนพิษที่ตรวจพบสารพิษเท่านั้น อาคมกำไลปี่อั้นที่ซูจิ่นซีเปิดด้วยความถี่สูงสุด ก็ได้ยินเสียงของยุงพิษดังมากขึ้นทุกที

ในที่สุด พวกเขาก็เห็นยุงพิษจำนวนมหาศาลอย่างชัดเจน พวกมันปิดกั้นหุบเขาไว้ทั้งหมด ทั้งยังปิดกั้นเส้นทางลงไปยังก้นเหวอีกด้วย

น่ากลัวยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมาซูจิ่นซีไม่เคยเห็นยุงปรากฏตัวจำนวนมหาศาลถึงเพียงนี้ อีกทั้งหัวของพวกมันยังใหญ่กว่ายุงธรรมดานับสิบเท่า

อย่างไรก็ตาม แม้จะกลัวอยู่บ้าง ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้แสดงความตกใจออกมาแม้แต่น้อย

นางรวบรวมสมาธิ วางมือขวาไว้ที่หน้าท้อง เตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา

ขณะที่ฝูงยุงพิษอยู่ห่างจากพวกเขาในระยะหนึ่งเมตร ซูจิ่นซีพลันยกมือขึ้น และสาดผงยาพิษสีน้ำเงินอ่อนที่หยิบจากระบบถอนพิษออกไปราวกับพ่นหมอกควัน

สาด สาด สาด สาด สาด…

ตลอดทางที่เยี่ยโยวเหยาอุ้มซูจิ่นซีลงมายังก้นเหว ซูจิ่นซีคอยสาดผงยาพิษที่นำออกมาจากระบบถอนพิษอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างทาง ฝูงยุงพิษจำนวนมากที่ดูเหมือนพายุหิมะสีดำพลันร่วงลงสู่ด้านล่างของพวกเขา พวกมันร่วงตายเป็นเบือ มองดูเหมือนแผ่นกว้างสีดำ

เยี่ยโยวเหยาโบกสะบัดแขนเสื้อผืนใหญ่ ศพของยุงพิษเหล่านั้นจึงไม่ตกลงบนตัวพวกเขาแม้แต่ตัวเดียว

รอบตัวพวกเขาเป็นเหมือนเขตเวทมนตร์ ทำให้ศพยุงพิษร่วงลงไปทางขอบหน้าผาแทน

ทว่าซูจิ่นซีรู้ดี นี่ไม่ใช่เขตเวทมนตร์ แต่เกิดจากพลังภายในของเยี่ยโยวเหยา

“เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดว่าเกล็ดหิมะจะมีสีดำหรือไม่? ”

เป็นคำถามที่มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ทว่าซูจิ่นซีก็อดถามออกมาไม่ได้