ตอนที่ 398 หวังเจียเหยาเหยียดหยามเย่เฉินและซูมู่ชิง!
ซูเจิ้นหางเดินขึ้นไปนเวที คว้าไมค์แล้วกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาเข้าร่วมงานนะครับ ทั้งหมดที่ลูกสะใภ้ผมพูดบนเวทีเมื่อครู่เป็นเรื่องล้อเล่นเท่านั้นเอง ทุกท่านอย่าได้ถือเป็นจริงเป็นจังเลยนะครับ ที่จริงแล้วหลานสาวและหลานเขยของผมรู้จักกันตั้งแต่แต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้วพวกเขาก็ยังมีลูกสาวน่ารักวัย 4 ขวบด้วยกัน เพียงแต่ว่าที่บ้านเราไม่เห็นด้วยที่เด็กสองคนจะคบหากัน พอผ่านการทดสอบตลอดเวลา 4 ปีก็พบว่าเย่เฉินเขารักเดียวใจเดียว และเป็นคนรักความก้าวหน้า บ้านเราถึงได้เห็นด้วยที่พวกเขาแต่งงานกัน”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ออกมาแล้วพวกเขาต่างก็เถียงกันจอแจ
“เดิมทีพวกเขามีลูกกันแล้วด้วยซ้ำ นี่มันมาตบหัวแล้วลูบหลัง เด็กนี่เก่งจริงๆ!”
“มีลูกแล้ว ต้องทดสอบอีกตั้ง 4 ปี เขยตระกูลซูนี่ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เลย!”
ซูเจิ้นหางกล่าวต่อ “งานแต่งงานวันนี้เราไม่รับซอง แต่ก็มีแขกไม่น้อยที่พยายามจะใส่ซองให้เรา ผมขอบอกทุกท่านในตอนนี้เลยว่าวันนี้เราจะไม่ขอรับซอง ต้องขอบคุณในน้ำใจของทุกท่านด้วย”
งานเลี้ยงเริ่มฮือฮากันอีกครั้ง
“คนระดับท่านซูไม่เหมาะจะรับของกำนัลจากใครจริงๆ ไม่อย่างนั้นด้วยศักยภาพของตระกูลซูทั้งในวงการธุรกิจและการเมืองแล้ว เกรงว่าคงจะมีคนให้เงินเขาเป็นสิบล้านเลยล่ะมั้ง!”
“ฮ่าๆ สิบล้านเหรอ? ดูถูกตระกูลซูมากเกินไปแล้ว? เงินร้อยล้านก็คงมีคนกล้าให้ด้วยซ้ำไป!”
“จริงด้วย แค่ตระกูลซูรับซอง ก็จะเป็นหนี้น้ำใจคนให้ เงินก็จะกลับไปหาพวกเขาแน่นอนจริงไหมล่ะ?”
ซูเจิ้นหางมมองบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน “แต่ว่าผมเห็นว่าคนไม่น้อยเลยที่หอบของขวัญมาด้วย ตั้งแต่โบราณนานมา เรามีจารีตและความเชื่อที่จะให้ของขวัญกับคู่แต่งงานใหม่ ดังนั้นเราจึงยินดีรับของขวัญ”
เมื่อซูเจิ้นหางกล่าวเช่นนี้แขกในงานก็ตื่นเต้นกันใหญ่
หญิงวัยกลางคนรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านซู ดิฉันคือผู้บริหารของนาฬิกาผู้หญิงเฟยต๋า ฉันขอมอบนาฬิกาผู้หญิงสีแดงรุ่นลิมิเต็ดที่เพิ่งวางขายมาให้ บนหน้าปัดมีทอง 15K เม็ดเล็กๆ จำนวน 500 เม็ดกลิ้งไปมา จากรางบนหน้าปัดสามารถจัดเรียงเป็นหน้ากวางได้ คิดว่าคุณหนูซูน่าจะชอบ ”
ทุกคนฮือฮาทันที
“นาฬิกาผู้หญิงเฟยต๋าเป็นเหมือนแอร์เมสของประเทศเรา คิดว่านาฬิกาเรือนนี้น่าจะมีราคาเป็นล้านเลยล่ะมั้ง?”
“ผู้บริหารมามอบนาฬิกาให้ด้วยตัวเอง เจ๋งจริงๆ เสียดายที่เอามาให้เจ้าสาวแต่ไม่ให้เจ้าบ่าว ฮ่าๆ”
ซูเจิ้นหางยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ”
ซูมู่ชิงรีบร้อนขอบคุณ
สวี่ฉู่หมิงเองก็ผุดลุกขึ้นอย่ารวดเร็ว “ท่านซู วันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณหนูซูมู่ชิง ผมมีทับทิมจากกราฟฟ์ 1 เม็ด ผมประมูลได้มาจากที่ซัทเทบีส์ วันนี้ผมขอมอบให้คุณหนูซูเพื่ออวยพรให้คุณหนูมีความสุขครับ!”
สวี่ฉู่หมิงหยิบกล่องที่ประณีตออกมาแล้วเปิดออกดู เพื่อนำเสนอเพชรที่ส่องประกายแวววาวออกมาให้ทุกคนดู
“โอ้โห! ทับทิมจากกราฟฟ์! ฉันจำได้ว่าปี 2014 ราคาที่ประมูลจบลงที่เกือบเก้าล้านดอลลาร์! ราคาตอนนี้ขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว!”
“สวรรค์ นี่มันราคาพันล้านหยวนเลยเหรอ? สมแล้วที่เขาเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองเสินเฉิง รวยจริงๆ!”
“แม่ง ทำไมคุณสวี่ถึงมาเป็นคนที่สองล่ะ เขาน่าจะมาข่มคนอื่นแน่เลย เขาให้ของขวัญราคาพันล้านแล้วใครจะกล้าขึ้นเวทีต่อเขาล่ะเนี่ย”
ซูมู่ชิงพอจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ฉู่หมิง เย่เฉินและฉินหงเหยียน ทั้งยังรู้ว่าทับทิมมีราคาแพงมากขนาดไหนรีบร้อนกล่าว
“คุณสวี่ ของขวัญของคุณแพงเกินไป ฉันไม่กล้ารับหรอกค่ะ”
สวี่ฉู่หมิงกลับกล่าวตอบอย่างแน่วแน่ “คุณหนูซู ผมมีทุกวันนี้เพราะได้ท่านซู ถ้าคุณไม่รับของขวัญชิ้นนี้แปลว่าคุณดูถูกผมนะ”
ซูมู่ชิงกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณปู่คะ นี่…”
ซูเจิ้นหางหัวเราะร่วน “ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันกับสวี่ฉู่หมิงเป็นพาร์ทเนอร์กัน สวี่ฉู่หมิงยังติดเงินฉันอยู่เลย ทับทิมเม็ดนี้ถือว่าใช้หนี้แล้วกัน ฮ่าๆ”
ซูเจิ้นหางเก็บของขวัญชิ้นนี้เมื่อกล่าวเสร็จ ทั้งให้เกียรติสวี่ฉู่หมิงและไม่เป็นขี้ปากใคร
หลังจากสวี่ฉู่หมิงให้ของขวัญเสร็จแล้ว งานก็เงียบไปครู่หนึ่งอย่าที่คิดเพราะไม่มีของขวัญของใครที่จะมีมูลค่าเท่าของทับทิมของเขา
แล้วมีคนอายุน้อยคนหนึ่งใช้ของขวัญราคาหนึ่งแสนมาทำลายความเก้อเขินที่เกิดขึ้น ทุกคนก็เริ่มทยอยมาให้ของขวัญเรื่อยๆ
ทว่าเมื่อเห็นแขกที่มาให้ของขวัญพวกนี้แล้ว ซีกวาและหวังเอ้อร์เชอก็รู้สึกไม่พอใจ
ซีกวากล่าว “ของขวัญทุกชิ้นให้ซูมู่ชิงทั้งนั้นเลย ไม่มีใครเอาของให้คุณชายเย่เลย!”
หวังเอ้อร์เชอ “จริงด้วย อย่างไรเสียก็เป็นงานแต่งงานทั้งสองคน เอามาให้คุณชายหน่อยจะตายหรือไง นี่เอาแต่บอกว่าจะให้ซูมู่ชิง ไม่พูดถึงชื่อคุณชายด้วยซ้ำไป โมโหจริงๆ!”
จะโทษที่พวกเขาอ่อนไหวไม่ได้ ที่จริงแล้วแขกในงานต่างก็รู้สึกได้เหมือนกัน
หวังหยวนหยวนและเฉินม่านอวี้ที่นั่งอยู่ไกลๆ ก็หัวเราะออกมา
เฉินม่านอวี้กล่าวพลางยิ้ม “เย่เฉินพี่เขยเก่าของเธอยืนบนเวทีเหมือนคนโง่เลย คนเยอะแยะให้ของขวัญก็เยอะ แต่ไม่มีใครให้เขาเลย”
หวังหยวนหยวนถอนหายใจ “จริงด้วย นี่เป็นงานแต่งงานที่ผู้หญิงจัด พี่เย่เฉินน่าสงสารจัง ตอนที่แต่งงานกับพี่สาวฉันก็เป็นแบบนี้ คราวนี้ก็เหมือนกัน งานแต่งงานแบบนี้ถ้าแต่งไปแล้วผู้ชายจะไม่มีที่ยืนในบ้านเลย ฝ่ายหญิงจะต้องกล้านอกใจโดยไม่หวาดกลัวอะไรแน่ เฮ้อ ไม่รู้ว่าซูมู่ชิงคนนี้เป็นยังไงบ้าง จะไปแอบมีผู้ชายนอกบ้านเหมือนพี่สาวฉันไหม”
เฉินม่านอวี้แทะเม็ดทานตะวันพลางกล่าว “เธอจะไปกังวลแทนเขาทำไม เขาโดนสวมเขาก็ไม่เห็นแปลกเลยจริงไหม? ใครจะให้เขาดึงดันแต่งเข้าล่ะ? ถ้าฉันมีสามีที่แต่งเข้าฉันจะสวมเขาให้เขาแน่นอน ชิ!”
นอกจากเฉินม่านอวี้คนอื่นๆ ต่างก็เยาะเย้ยเย่เฉิน
“ฮ่าๆ เจ้าบ่าวเสียหน้าจังเลย ไม่มีของขวัญใครให้เขาเลย เขาเหมือนไม่มีตัวตนเลยบนเวที”
“เจ้าบ่าวอะไร เขาเป็นเจ้าสาว คุณหนูซูต่างหากที่เป็นเจ้าบ่าว ซูมู่ชิงเป็นคนแต่งกับเย่เฉิน ไม่ใช่เย่เฉินแต่งกับหล่อน ฮ่าๆ”
และในตอนนี้เอง หวังเจียเหยาก็ยืนขึ้นอีกครั้ง!
ซูมู่ชิงคว้าแขนหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยาเธอทำอะไร จะก่อความวุ่นวายอีกแล้วเหรอ? รีบนั่งเลย!”
หวังเจียเหยาหยิบสร้อยลายกุหลาบออกมาจากกระเป๋าแล้วกล่าว
“ใครก่อความวุ่นวายกัน? ฉันจะให้ของขวัญพวกเขา!”
ซูมู่ชิงเห็นสร้อยในมือหวังเจียเหยาก็พอจะเดามูลค่าของมันออก เขาก็ชะงักไปทันที
หล่อนมาก่อความวุ่นวายไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงได้เตรียมของขวัญมาด้วยล่ะ?
ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็เปิดปากเอ่ย “เย่เฉิน! นายนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ เลยนะ วันนี้เป็นวันแต่งงาน แต่ทั้งงานกลับไม่มีใครให้ของขวัญเจ้าบ่าวอย่างนายเลย!”
เย่เฉินลอบด่าในใจ ผู้หญิงสารเลวแบบนี้ยังจะทำอะไรอีกจะไม่จบใช่ไหม!
“แล้วก็เย่เฉิน เมียนายซูมู่ชิงวันนี้เป็นเจ้าสาว นอกเสียจากแหวนเพชรในมือแล้ว ไม่เห็นมีเครื่องประดับอะไรเลยสักชิ้น ต้องเป็นเพราะสามีอย่างนายไม่มีเงินซื้อให้ภรรยา!”
ที่จริงก็เป็นอย่างที่หญิงสาวบอก ตระกูลซูมีกฎหนึ่งข้อ เครื่องประดับของฝ่ายหญิงในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวต้องเป็นคนเตรียมให้ ห้ามให้เจ้าสาวเตรียม
ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็ยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะหยิบสร้อยลายกุหลายออกมา
“สร้อยเส้นนี้มีมูลค่าสิบล้าน เป็นของที่เย่เฉินเคยให้ฉันเมื่อก่อน คุณหนูซูคะ ฉันขอมอบสร้อยที่เขาให้ฉันเอาให้คุณนะคะ!”
ทั้งงานตกตะลึงเพราะหวังเจียเหยาจะเอาของที่เป็นของเก่าของตนเองให้คุณหนูคนโตของตระกูลซู!