ตอนที่ 909 สิ่งที่ต้องการก็คือห้ามปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่สุขสบาย

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมพูดให้เขายอมเข้าไปอยู่ในค่ายทหารอย่างว่าง่ายได้แน่ แต่ก็ติดอยู่นิดนึงนะ อนาคตเขาอาจจะค่อนข้างลำบากถึงขนาดแทบอยากขาดใจตายเลยก็ว่าได้ แล้วแม่คุณ—”

“เรื่องนั้นไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันไม่เชื่อว่าจะเอาน้องชายคนนี้ไม่อยู่”

“เรื่องเรียนอะไรคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วง อายุขนาดต้าหลงเข้าไปเป็นทหารครบสองปีสามารถสอบเข้าโรงเรียนทหารได้ ต่อให้สอบไม่ติดปีแรก ขอแค่เขาทำตัวเป็นที่น่าพอใจก็เลื่อนเป็นนายทหารอาชีพได้ แล้วก็ยังจะสามารถสอบได้อีกครั้ง ขอแค่เขาคิดได้รู้จักใฝ่เรียน ผลการเรียนย่อมดีกว่าตอนนี้แน่นอน ยังไงซะเขาก็ไม่ได้โง่ ก็แค่สมองไม่จดจ่ออยู่กับเรื่องเรียนแค่นั้น”

อวี๋หมิงหลางมองออกอย่างแท้จริง

ต้าหลงไม่ได้โง่ ไม่ได้ซื่อบื้อ ออกจะมีความฉลาดอยู่บ้างด้วยซ้ำ เพียงแต่เขามีความคิดที่ต่อต้านการเรียน ไม่ว่าจะเสี่ยวเชี่ยนสอนหรือให้ฟู่กุ้ยติว ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของต้าหลงหมด แต่ถ้าให้เวลา ปล่อยให้ต้าหลงคิดอยากเรียนเอง เขาย่อมทำได้ดีกว่าตอนนี้แน่

“ความยากในการสอบเข้าโรงเรียนทหารแทบจะพอๆกับสอบเรียนดอกเตอร์แล้ว จำนวนที่รับก็น้อย แถมยังมีแบ่งทดสอบด้านทหารกับด้านวิชาการ ยากยิ่งกว่าสอบเข้ามหาลัย อย่างต้าหลงน่ะเหรอ…”

“ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น สิ่งสำคัญก็คือในหนึ่งปีเขาเจออะไรไปบ้าง เจอกับสิ่งที่เป็นตัวเร่งให้เขาเติบโตหรือเปล่า ถึงสอบเข้าโรงเรียนทหารจะมีบททดสอบร่างกายเพิ่มเข้ามา แต่ถ้ามองในแง่ดี คะแนนสอบวิชาการยังต่ำกว่าสอบเข้ามหาลัยปกติอีกนะ ขอแค่มีความพยายามก็ย่อมมีความหวัง แต่ถึงจะสอบไม่ติด ประสบการณ์ระหว่างนั้นมันก็คือการได้เติบโตไปอีกขั้น”

ส่วนหลังจากเข้าโรงเรียนทหารได้แล้วควรจะเลือกเรียนทางไหนต่อ เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางไม่ห่วงเท่าไร แต่ถึงจะสอบไม่ติด การได้อยู่ในค่ายทหารสองปีก็ย่อมมีพลังชักจูงไปในทางที่ดี เด็กคนนี้ไม่ได้แย่เสียทีเดียว ในอนาคตออกมาแล้วไปทำงานอะไรก็ย่อมดีกว่าทุกวันนี้

“เข้าหน่วยของทางนี้ไปแล้วมีโอกาสเลือกสังกัดไหม?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้

“เด็กคนนี้ดวงดีไม่เบา ผมดูแล้วตามทะเบียนบ้านของเขา มีหน่วยที่เหมาะกับเขาพอดี”

“นายคงไม่ได้ใช้เส้นสายหรอกนะ? ห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด” เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากให้เขาทำลายหลักการตัวเอง

“ไม่ต้องใช้เส้น ปกติที่นั่นคนที่รู้จักวงการนี้ดีจะไม่ส่งเด็กไป มันลำบากมาก แค่ไปสมัครทางนั้นก็รับหมด”

“เอาให้เหนื่อยตายสิดี จะได้กำจัดความคิดที่อยากสบายทางลัดให้หมดจากสมอง”

สิ่งที่ต้องการก็คือ สามเดือนแรกห้ามให้น้องชายเธออยู่สุขสบายแม้แต่วันเดียว

ชีวิตต้าหลงอยู่สุขสบายเกินไปแล้ว

ถึงจะเป็นครอบครัวที่ผ่านการหย่าร้าง แต่เสี่ยวเชี่ยนกับแม่ก็เอาใจใส่น้องชายคนนี้เป็นอย่างมาก เสี่ยวเชี่ยนให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจของน้องชายและการอบรมสั่งสอน บวกกับครอบครัวใหม่ไม่ได้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในครอบครัว ต้าหลงจึงไม่ได้ทำตัวต่อต้านเหมือนเด็กคนอื่นๆที่ครอบครัวหย่าร้าง แต่ชีวิตก็สุขสบายจนเกินไป เลยทำให้ขาดความกระตือรือร้น

ตอนนี้เสี่ยวเฉียงกับเสี่ยวเชี่ยนจะร่วมมือกันทำลายความสุขสบายของเด็กคนนี้ กดดันต้าหลงให้ไม่มีทางถอยได้อีก ให้เขาดิ้นรนปีนป่ายขึ้นมาเอง ไปอยู่ในที่แบบนั้น ไม่มีทางตกต่ำ ไม่มีเวลามานั่งเสียใจ ไม่มีทางให้ถอย

พอคำพูดนี้ของเสี่ยวเฉียงหลุดออกจากปากมา สิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจของเสี่ยวเชี่ยนก็เหมือนได้หลุดออก เธอยิ้มให้เขา

“นายเสี่ยวเฉียง หน้าที่นี้ขอมอบให้นายแล้ว นายมั่นใจว่าจะทำสำเร็จไหม?”

“ครับ! รับรองว่าสำเร็จแน่ครับผม!” อวี๋หมิงหลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่ได้ นายต้องยืนตรงทำให้สมจริง ต้องให้ฉันรับรู้ได้ถึงความเท่ห์สิ” พอสิ่งที่ค้างคาใจหมดไปก็คุยได้อย่างสบายใจ มีอารมณ์ล้อเล่น

เสี่ยวเชี่ยนชอบเห็นเขาทำท่าทางจริงจัง รู้สึกเหมือนพลังแห่งฮอร์โมนเพศชายจะทะลุปรอทแตก

“ครับ รับรองว่าสำเร็จแน่ครับผม!” เขายืนตรงยืดอกทำตามที่เธอบอก เสี่ยวเชี่ยนมองอย่างพอใจ

เฉินจื่อหลงที่อยู่บนบ้านเห็นภาพนี้แล้วในใจก็เต็มไปด้วยความหวัง

พี่เขยเชื่อฟังพี่สาวของเขามากที่สุด อนาคตของเขาจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน!

ตกเย็น ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็ได้เจอจู้จื่อกับภรรยาก่อนกินข้าวเย็น จู้จื่อดูอายุราวๆยี่สิบห้ายี่สิบหกปี ใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงดำขายาว ดูสุภาพเรียบร้อย ใส่แว่นกรอบทอง ภรรยาของเขาดูเหมือนจะแก่กว่าเขาสองปี ไม่ค่อยพูดเท่าไร

พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางจู้จื่อก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขาจับมือทักทายอวี๋หมิงหลาง

“น้องเขย กลับมากันแล้วเหรอ?”

อวี๋หมิงหลางจับมือจู้จื่ออย่างนิ่งๆ ไม่พูดอะไร เสี่ยวเชี่ยนเองก็เงียบ

“เห้อ บ้านฉันมีแต่คนพูดน้อย นั่งลงกินข้าวกันเถอะ!” เจี่ยซิ่วฟางไม่รู้ว่าทำไมลูกเขยที่ปกติออกจะร่าเริงสดใสทำไมอยู่ๆก็ดูเย็นชา จึงรีบแก้ไขสถานการณ์

“ไม่เป็นไรครับ คนหนุ่มคนสาวเป็นตัวของตัวเองก็ดีครับ” จู้จื่อรู้จักพูด

“นั่งลงกินข้าวเถอะ จู้จื่อทำไมวันนี้ซื้อของมาเยอะแยะเลยล่ะ กินกันไม่หวาดไม่ไหวหรอกนะ” เจี่ยซิ่วฟางพูด

“ไม่เป็นไรครับ เป็นของธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีราคาอะไร เดี๋ยวผมยังต้องรบกวนน้องเสี่ยวเชี่ยนด้วย”

เสี่ยวเชี่ยนเห็นของฝากที่พวกเขาถือมากันแล้ว มีแต่บรรจุภัณฑ์ที่ดูสวยงามประณีต

ลองคำนวณราคาทั้งหมดดูอย่างน้อยๆก็หลักพัน

ต้าหลงนิสัยเหมือนแม่เปี๊ยบ ใครพูดอะไรก็เชื่อ เจี่ยซิ่วฟางก็เหมือนกัน จู้จื่อบอกว่าไปรักษาที่โรงพยาบาลแพงก็เชื่อหมด

เห็นของฝากจำนวนมากพวกนี้แล้ว ไปหานักจิตวิทยาที่โรงพยาบาลได้หลายครั้งเลยล่ะ

แบบนี้คิดจะมาตีสนิทใช่ไหม?

ต้องยอมรับเลยว่าจู้จื่อคนนี้รู้จักวิธีเข้าหาคน เขารู้ว่าครอบครัวใหม่ของเจี่ยซิ่วฟางไม่ธรรมดา จึงอยากมาตีสนิทไว้ ถ้าจะให้เอาของมาฝากเลยก็คงไม่ได้ คิดๆแล้วจึงบอกว่ามารักษา เจี่ยซิ่วฟางก็เห็นใจตามคาด ตอนนี้ยังคุยได้ถูกคออีก ค่อยๆตีสนิททีละนิด

เขากลับไม่รู้เลยว่า การทำตัวแบบนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

เดี๋ยวจะให้เสี่ยวเฉียงประเมินราคาทั้งหมดแล้วยัดเงินคืนกลับไป จะรับของไว้ไม่ได้เด็ดขาด

ตลอดการกินข้าวมื้อนี้ จู้จื่อรู้จักพูดจาได้ดีอย่างไร้ที่ติ เขาพยายามเอาใจพ่อเลี่ยว พ่อเลี่ยวเห็นแก่หน้าภรรยาตัวเองจะปฏิเสธตรงๆก็ไม่ได้ แต่เห็นสีหน้าเสี่ยวเชี่ยนแล้วเขาก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี

ต้าหลงผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวยังคิดว่าจู้จื่อเป็นพี่ชายที่ดี พูดคุยกับเขาอย่างสนุกสนาน เสี่ยวเฉียงก็ทำตัวตามเสี่ยวเชี่ยน จู้จื่อถามคำก็ตอบคำ ท่าทางหยิ่งๆแบบนี้ทำให้คนที่มองสถานการณ์เป็นอย่างจู้จื่อรู้ว่าควรถอย จะปล่อยให้โดนทำเย็นชาใส่ไปตลอดไม่ได้ สักพักเขาก็ไม่กล้ายุ่งกับเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางอีก หันไปคุยกับต้าหลงไม่หยุด

พอกินข้าวเสร็จจู้จื่ออยากคุยกับพ่อเลี่ยวนิดหน่อย เสี่ยวเชี่ยนรีบส่งสายตาไป เสี่ยวเฉียงจึงพูดขึ้น

“อาเลี่ยวครับ ผมอยากเลือกหนังสืออ้างอิงด้านกฎหมายหน่อยครับ อาช่วยไปร้านหนังสือกับผมได้ไหมครับ?”

“แขกยังอยู่ในบ้านอยู่เลย พรุ่งนี้ค่อยไปเถอะ” เจี่ยซิ่วฟางยังดูไม่ออกว่าเสี่ยวเฉียงจงใจหาข้ออ้างขึ้นมา