บทที่ 8 บ้าหรือว่าโง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ฉันจะอายุยืนหรือไม่ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่า ถ้าแกพัวพันไม่เลิก ชีวิตของแกไม่ยืนแน่นอน”

สำหรับความก้าวร้าวของพี่เบียว เย่เทียนไม่สนใจแม้แต่น้อย พูดจาแบบเฉยชา

พูดแบบนี้ออกมา เหลียงเยว่หรูที่อยู่ข้างกายเขางงแล้ว พี่เบียวที่ถือมีดก็งงเช่นกัน คนโดยรอบต่างงงกันหมด

เจ้าหนุ่มนี่สมองผิดปกติอะไรเหรอ? ไม่เห็นพี่เบียวคนนี้ถือมีดไว้เหรอ!

ยั่วโมโหเขาแล้ว รับรองว่าเอาแกมาแทนแตงโมฟันเป็นสิบกว่าชิ้นในไม่กี่นาทีนี้แน่!

ในใจเหลียงเยว่หรูร้อนรน รีบส่งสายตาไปให้เย่เทียน

แต่ทว่า เย่เทียนไม่ได้สนใจสักนิด บนหน้ายังมีรอยยิ้มที่สดใสสบายใจ

“สัตว์เอ๊ย ไอ้หนุ่มนี่บ้ามากเลย! ฉันพี่เบียวชื่นชมคนที่ใจกล้าแบบแกนี่แหละ รอเดี๋ยวไว้จะเล่นกับแก!”

“ลิ่วจื่อ ให้คนขับรถจอดรถข้างทาง พาคนในนี้ไปที่ป่าข้างทาง!”

พี่เบียวชอบใจแล้ว แต่ไม่รีบร้อนเก็บกวาดเย่เทียน หลังพูดจบยังชายตามองไปยังเหลียงเยว่หรูที่ด้านข้างแวบหนึ่ง

หญิงสาวคนนี้ สมบูรณ์แบบพอตัว! รอเดี๋ยวไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดื่มด่ำสักที!

ความละโมบและความชั่วร้ายในสายตาเขา ไม่ได้หลุดรอดการสังเกตของเหลียงเยว่ไปได้ นี่ทำให้ในใจเธอสั่นสะเทือน

ถึงแม้จะเป็นลูกสาวตระกูลร่ำรวย แต่อย่างไรเสียยังเกิดมาในยุคที่สงบสุข ไม่ทันไรก็เจอสถานการณ์เช่นนี้ แวบเดียวใบหน้าซีดเซียวลงไป

“ไม่ต้องกังวล คนพวกนี้จะไม่ทำอะไรเธอได้หรอก”

เสียงพูดอ่อนโยนของเย่เทียนดังขึ้นอยู่ข้างหู

เหลียงเยว่หรูหันหน้ามอง ทันใดนั้นสบสายตาที่นิ่งสงบนั้นของเย่เทียนเข้า

ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เดิมทีหัวใจดวงหนึ่งที่พะวงอยู่ สงบลงไปฉับพลัน

เหมือนว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้สามารถช่วยเธอรอดจากหายนะได้จริง

แต่ว่าพอคิดดูอีกที เหลียงหวั่นชิงอดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้ เจ้าหมอนี่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย จะมาช่วยชีวิตตนเองได้อย่างไร?

เย่เทียนย่อมไม่รู้ว่าในใจเหลียงหวั่นชิงกำลังคิดอะไร ความจริงเรื่องนี้เขาไม่ได้อยากสนใจมาก

แต่ดูจากการกระทำเมื่อสักครู่ของผู้หญิงคนนี้ที่ยอมแลกเปลี่ยนสร้อยทองด้วยราคาเดิม เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวที่จิตใจดี

คนที่จิตใจดี ไม่ควรได้รับการตอบแทนอยุติธรรม

เวลานี้มีนักเลงหัวเกรียนสองคนขยับขึ้นมา หัวเราะเยาะเย้ย “ยังกล้าเป็นฮีโร่ รอเดี๋ยวแกเจอดีแน่!”

ในเรื่องนี้ เย่เทียนเพียงแต่ชำเลืองมองพวกเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดจาโดยสิ้นเชิง ตามฝูงชนลงรถแล้ว

ใช้เวลาไม่นาน ผู้โดยสารในห้องโดยสาร ทั้งหมดถูกไล่ไปด้านในป่าข้างทางกันแล้ว

ส่วนตอนที่ลงจากรถ ทุกคนถึงพบว่า สภาพแวดล้อมของที่นี่เมื่อเทียบกับในเมืองเจียงหนัน แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเสียจริง

ตึกเตี้ยที่มองเห็นได้ทุกที่ แม้แต่ถนนยังเป็นหลุมเป็นบ่อ พอมองก็รู้ว่าขาดการซ่อมแซมมานานปี

“แย่แล้ว แย่แล้ว นึกไม่ถึงเป็นที่ชุมชนแออัด!”

มีคนส่งเสียงร้องตกใจ สั่นเทาทั้งตัวไปหยุด

เจียงหนันถือว่าเป็นเมืองใหญ่ภายในประเทศจีน แต่ว่าระหว่างรวยจนของเจียงหนันแตกต่างกันมาก

พูดง่ายๆ ร่ำรวยก็รวยอย่างมาก ยากจนก็คือจนเป็นพิเศษ

ในนี้ก็มีชุมชนแออัดเป็นตัวแทน

ชุดชนแออัดแห่งนี้ เป็นเมืองเก่าที่คงอยู่เมื่อหลายสิบปี เนื่องจากพื้นที่ห่างไกล การประปาไม่สะดวก ถูกหน่วยงานในเมืองละเลย

สถานที่แห่งนี้ ใช้คำหนึ่งมาบรรยายคงไม่มีคำไหนเหมาะสมที่สุดเท่านี้แล้ว

นั่นก็คือ: ยุ่งเหยิง!

แก๊งที่ใหญ่มากคนนับร้อย กลุ่มที่เล็กมีสิบกว่าคน สำนักคิดต่างๆ ล้วนรวมตัวด้วยกันในชุมชนแออัด

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยากกวาดล้างมาตลอด แต่ทว่ากลุ่มผิดกฎหมายพวกนี้กลับผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ดโดยตลอด อย่างไรก็เก็บกวาดไม่เกลี้ยง

ถึงตอนสุดท้าย จึงเลือกที่จะปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ขอเพียงไม่ก่อเรื่องจนเป็นปัญหาใหญ่โตอะไร โดยพื้นฐานจะไม่ใส่ใจเกินไป

พวกเขาอยู่สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นตอนกลางคืน นั่นเรียกว่าตกอยู่ในภาวะยากลำบาก ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ

เวลานี้ ลูกน้องห้าคนของพี่เบียว เริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้นขึ้นมา

ถือมีดหัวตัดไว้ เริ่มรีดไถผู้โดยสายกลุ่มหนึ่ง แย่งกระเป๋าเงิน แย่งมือถือ ขอเพียงของที่มีค่าหน่อยไม่ปล่อยผ่านทั้งนั้น

มีคนต่อต้านนิดหน่อย จึงโดนชกต่อยและแตะไปยกหนึ่ง สุดท้ายยังโดนแย่งไปจนหมด ยังต้องเข้าโรงพยาบาลเสียเงินก้อนโตอีกด้วย

ในช่วงเวลานี้ทุกคนรู้สึกอันตราย ไม่มีใครสักคนกล้าต่อต้าน

เงินไม่มีแล้วสามารถหาใหม่ได้ แต่ชีวิตมีเพียงชีวิตเดียว!

คนพวกนี้แค่มองก็รู้ว่าเป็นนักโทษที่ไม่หลาบจำ หลอกไม่สำเร็จก็ปล้นซึ่งหน้า ในมือยังมีมีด ใครจะกล้าไปวอนหาที่ตาย?

สาวนักต้มตุ๋นถูกพี่เบียวโอบในอ้อมอก พูดจาเสียงน่ารัก “ยังเป็นพี่เบียวที่เก่ง รอบนี้พวกเราหาเงินไปได้หลายหมื่นกันเลย!”

“หึๆ มันแน่อยู่แล้ว!”

เห็นได้ชัดว่าพี่เบียวภูมิใจอย่างมาก

“พี่เบียว ทางนั้นมีสาวสวยคนหนึ่ง! ดูขึ้นมายังดูดีกว่าเบอร์ตองของไนท์คลับอีกนะ หรือว่าจะ……”

ไอ้ผมเหลืองที่หน้าตาเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเห็นเหลียงเยว่หรูเข้า ดวงตาเป็นประกายทันที วิ่งไปตรงหน้าพี่เบียว เลียริมฝีปากแบบละโมบ

“ฉันเห็นสาวคนนั้นแต่แรกแล้ว เป็นแกที่รู้ใจฉันดี!”

พี่เบียวหัวเราะฮาๆ ตบไหล่ไอ้ผมเหลือง “รอเดี๋ยวพวกแกเก็บกวาดตรงนี้ให้เกลี้ยง ฉันจะพาสาวคนนั้นไปก่อน”

ไอ้ผมเหลืองพยักหน้าทันที และพูดเข้าใจ

พี่เบียวหันหน้ามองเหลียงเยว่หรูที่รูปร่างมหัศจรรย์และใบหน้างดงามนั้น ในสายตาเต็มไปด้วยไฟชั่วร้าย กลืนน้ำลายอย่างแรงสองสามที และอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป เดินก้าวใหญ่ๆ ไปหาเหลียงเยว่หรูทางนั้นโดยตรง

เห็นว่าพี่เบียวเดินมาทางตนเอง ท่าทางที่หิวกระหายผู้หญิง เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาไม่ดี

ในใจเหลียงเยว่หรูสั่นเทา ขยับเข้าใกล้ข้างกายเย่เทียนโดยจิตใต้สำนึก

“โอ๊ะ รู้สึกว่าเจ้าหนุ่มที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนี้เป็นพวกเดียวกับเธอด้วย?”

พี่เบียวหัวเราะขึ้น ชั่งน้ำหนักมีดหัวตัดที่แวววาวในมือดูแล้ว

เย่เทียนหรี่ดวงตา กวาดสายตามองเขาอย่างนิ่งๆ แวบหนึ่ง

“ไอ้หนุ่ม ฉันพี่เบียวไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล แต่แกทำธุรกิจของฉันพังเสียหาย ว่ากันตามกฎ แกต้องโดนฉันฟันทั้งมือทั้งตีนนะ!”

“แต่ว่าวันนี้ฉันอารมณ์ดี ถ้าตอนนี้แกคุกเข่าต่อหน้าฉัน เอาสาวงามในมือของแกให้ฉันยืมเล่นสักคืน ฉันพิจารณาปล่อยแกไปสักครั้งได้”

พูดจบ พี่เบียวหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างได้ใจ

ในความคิดเขา สถานการณ์ใหญ่ขนาดนี้ เจ้าหมอนี่ต้องตกใจจนฉี่ราดกางเกงแน่ อีกแวบหนึ่งคงคุกเข่าต่อหน้าตนเองแล้วร้องเรียกพ่อแน่

ไอ้ผมเหลืองก็คึกคักขึ้นมาแล้ว พูดโวยวาย “ได้ยินไหม รีบคุกเข่าให้พี่เบียวของฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันฟันแกตาย!”

พูดจบยังทำท่าทางฟันลงอย่างโหดเหี้ยม

สถานการณ์เช่นนี้ เหลียงเยว่หรูตกใจจนขาสั่นเทิ้มไปตั้งนานแล้ว คนอื่นๆ ยิ่งแม้แต่ตดยังไม่กล้าเลย ตกใจจนขดตัวรวมเป็นกลุ่มหนึ่ง กลัวว่าจะพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย

ทุกคนต่างคิดว่าเย่เทียนต้องคุกเข่าลงแน่นอน ไม่คุกเข่า ต้องมือขาดเท้าขาด กลายเป็นคนพิการมีจุดจบเศร้าสลด

“วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไร เอาของที่พวกแกแย่งไปทิ้งไว้แล้วไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกแกได้ซวยกันมากแน่”

รู้ที่ไหนว่า เย่เทียนไม่มีความหมายจะขยับสักนิด พูดจานิ่งเรียบ

วิธีการพูดนี้ ราวกับพูดคุยกับเพื่อนเก่าที่คบกันมาหลายปี แต่ยังมีความรู้สึกหนาวเหน็บที่เย็นเสียดกระดูกปกคลุมในอากาศด้วย ทำให้คนสั่นไปทั่วตัว

“เจ้าหมอนี่……”

เหลียงเยว่หรูมองทางเย่เทียนแบบไม่อยากเชื่อ ทันใดนั้นนึกคำที่เหมาะมาบรรยายเย่เทียนไม่ออก

บอกว่าเขาบ้าเหรอ นี่คือบ้าจริงๆ!

อันธพาลมากขนาดนี้อยู่ที่นี่ ยังกล้าข่มขู่อีกฝ่าย

บอกว่าเขาโง่เหรอ นั่นก็โง่จริง

อีกฝ่ายแม้แต่มีดยังแสดงออกมาแล้ว สถานการณ์ที่ทุกคนรู้สึกอันตราย ยังกล้าพูดอวดดี ไม่กลัวโดนมีดฟันตาย?

“เชี้ย ไว้หน้าแล้วยังไม่ยอมรับ ฉันฟันแกแน่!”

ไอ้ผมเหลืองที่ด้านข้างคว้าโอกาสแสดงผลงานไว้ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟันไปยังเย่เทียนโดยตรงทีหนึ่ง

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ ต่างคิดว่าเย่เทียนไม่รอดแน่เลย

ตึง!

เสียงทุ้มดังขึ้น ทันใดนั้นไอ้ผมเหลืองล้มลอยออกไปหลายเมตร เสียงตึงล้มอยู่บนพื้น

เหมือนหมาตายที่ไม่ขยับเขยื้อน เป็นตายไม่อาจรู้ได้!