ตอนที่ 150 ฉากน้ำเน่า / ตอนที่ 151 พูดอะไรกับนายสักหน่อย

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 150 ฉากน้ำเน่า 

 

 

“จะไปไหน” ชุยหังเอ่ยถาม 

 

 

“ซอยฮู่ปู้เซี่ยง” หลูจื้อพูดขึ้น 

 

 

ชุยหังได้ยินชื่อนี้ ขณะนั้นในใจก็ไหวสั่น 

 

 

นี่คือสถานที่ที่คนในหอของพวกเขาอยากจะไปด้วยกันมาโดยตลอด ที่นั่นเป็นแหล่งรวมอาหารเลิศรสที่มีของกินเล่นจากทุกที่ทั่วประเทศหลากหลายที่สุดในเมืองเอ้อ ขอเพียงแต่คุณอยากกิน ก็สามารถหาได้ในซอยฮู่ปู้เซี่ยงได้แน่นอน 

 

 

ชาวต่างชาติหลายคนเองก็มาถึงที่นี่เพื่อมาชิมอาหารหลากรสแตกต่างจากทุกแห่งโดยเฉพาะ 

 

 

“นายใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เหมาะสมเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม 

 

 

หลูจื้อเอ่ยขึ้น “มีอะไรไม่เหมาะสมกัน ยังไงกัน ยังอยากให้ฉันล่อนจ้อนไปหรือไง” 

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “ไม่ใช่…” 

 

 

“อะไรกัน ไม่อยากเห็น? ไม่สนใจฉัน?” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังพูดต่อ “ก็ไม่ใช่อีก ทำไมนายถึงหาเรื่องฉันตลอดเลยนะ” 

 

 

“ก็สนุกดีไง เห็นนายทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้น ฉันก็ดีใจแล้ว” 

 

 

ชุยหังพูดไป “ความสนุกนี้ของนาย ฉันนี่ยอมใจจริงๆ เลย” 

 

 

“ความสนุกนี้ของฉัน? ยังไงนี่ นายไม่อยากจะเห็นฉันจริงๆ เหรอ” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

พูดจบ เขาก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ชุยหัง จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นปลดกระดุม 

 

 

ชุยหังตื่นตระหนกแทบแย่แล้ว รีบเอ่ยทันควัน “พอแล้ว ช่างเถอะ ฉันเก็บไว้ดูวันหลังก็ได้” 

 

 

หลูจื้อเอ่ยต่อ “อะไรกัน กลัวตัวเองจะห้ามใจไม่ไหวเหรอ” 

 

 

“ไม่ใช่ นายไม่แกล้งฉันแล้วจะได้ไหม ฉันยอมแล้วยังไม่โอเคหรือไง” ชุยหังรีบยกธงขาว 

 

 

สำหรับคำพูดเมื่อครู่นี้ของหลูจื้อ เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ 

 

 

หลูจื้อมองเขา หลังจากนั้นก็ยิ้มหัวเราะ มือที่กำลังปลดกระดุมอยู่เมื่อครู่นี้ยิ่งเร่งเครื่องมากขึ้นไปอีกจนปลดกระดุมออกทั้งหมดแล้ว 

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ดึงเสื้อบนตัวแยกออกจากกัน 

 

 

“เป็นยังไงบ้าง ยังพอได้อยู่ใช่ไหมล่ะ” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังตาพร่ามัวไปหมด จิตใจค่อนข้างจะเตลิดเปิดเปิงทีเดียว 

 

 

หลูจื้อเดินไปสำรวจข้างหน้า พูดไป “เป็นไรไป ไม่ดูเหรอ เซอร์วิสนะ ผ่านหมู่บ้านนี้ไป ก็ไม่มีร้านนี้แล้ว” 

 

 

“ครูฝึก…” 

 

 

“นายเรียนกฉันว่าอะไรนะ” หลูจื้อถลึงตาใส่ 

 

 

ชุยหังรีบถอยหลังไปทันที แล้วเอ่ยขึ้นต่อจากนั้น “สา…สามี…” 

 

 

หลูจื้อถอดเสื้อบนตัวออก หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปโอบเอวชุยหังทันที 

 

 

เวลานี้ชุยหังถึงได้พบว่า ที่แท้ข้างในหลูจื้อยังใส่เสื้อกล้ามตัวหนึ่งไว้อยู่… 

 

 

‘แม่งเอ๊ย เมื่อกี้ตัวเองโดนหลูจื้อล่อลวงอะไรแล้วใช่ไหม’ 

 

 

เขารู้สึกปลงกับตัวเองที่ยังอ่อนเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะติดกับดักมุขแบบนี้ได้ 

 

 

“เป็นไรไป ไม่ดีใจแล้วเหรอ นี่ยังอยากให้ฉันถอดอยู่ใช่ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังรีบเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ ฉันหิวแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันเถอะนะ” 

 

 

หลูจื้อยิ้มหัวเราะ พูดไป “วางใจเถอะ ในรถไม่มีกล้องวงจรปิดหรอก” 

 

 

ชุยหังรีบพูดต่อ “ไม่ใช่เพราะอันนี้ ฉันหิวแล้วจริงๆ …” 

 

 

“เรียกฉันว่าสามีให้ฉันฟังอีกสิ” หลูจื้อเอ่ยขึ้น 

 

 

ชุยหังจะจนปัญญาแล้ว เมื่อก่อนที่ฝึกอยู่ในกองทัพ เขาก็มักจะแกล้งทรมานตัวเองแบบนี้ ตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนความสนุกแบบนี้อีก 

 

 

แต่ว่าเขาเองก็ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ เพราะเขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธหลูจื้อได้โดยสิ้นเชิง 

 

 

“สามี…” เขาเอ่ยเรียกขึ้นมาอย่างว่าง่ายอีกครั้ง 

 

 

หลูจื้อจูบหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยต่อ “ออกเดินทางไปฮู่ปู้เซี่ยงกัน” 

 

 

ในที่สุดในใจของชุยหังก็ผ่อนคลายลงได้สักที ทางที่ยาวที่สุดที่เขาเดินผ่านก็คือกลอุบายของหลูจื้อ 

 

 

แต่ว่าพวกเขาเพิ่งจะออกเดินทางกัน มือถือของหลูจื้อก็ดังขึ้นมาแล้ว 

 

 

หลูจื้อทำมือบอกไม่ให้ชุยหังพูดอะไร หลังจากนั้นเขาก็รับสาย 

 

 

ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจของชุยหังถึงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก 

 

 

อาจจะเป็นเพราะดูทีวีมากเกินไป ขอเพียงแต่เป็นช่วงที่ทหารพักผ่อน รับสายโทรศัพท์ ก็ไม่มีเรื่องอะไรดีแล้ว ต้องมาพังเดตแน่ๆ 

 

 

เป็นอย่างที่คิดหลังจากที่หลูจื้อพูดกับปลายสายทางนั้นไม่กี่คำ เขาก็หันมาพูดกับชุยหัง “ไม่ได้แล้ว วันนี้หมดหนทางจะพานายไปฮู่ปู้เซี่ยงแล้ว มีธุระด่วนพอดี เอางี้ไหมนายกลับไปก่อนแล้วกัน ครั้งหน้าฉันจะชดเชยให้นายแน่นอน” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 151 พูดอะไรกับนายสักหน่อย 

 

 

อารมณ์ในใจแต่เดิมของชุยหังที่จะได้โบยบินขึ้นไปแล้วถูกเหวี่ยงลงพื้นบนไปเรียบร้อยทันที 

 

 

แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นที่เขาตัดสินใจจะคบกับหลูจื้อ เขาก็เตรียมทำใจให้ตัวเองแล้ว 

 

 

คนที่เป็นทหารมักจะเป็นเช่นนี้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากะทันหัน ก็ต้องรีบกลับไปทันที 

 

 

การปฏิบัติตามคำสั่งถึงจะเป็นภาระหน้าที่อันพึงกระทำ 

 

 

“ไม่เป็นไร นายกลับไปเถอะ ถึงยังไงโรงอาหารพวกเราก็กินอะไรได้อยู่ ซอยฮู่ปู้เซี่ยงก็วิ่งไปไหนไม่ได้ เมื่อไหร่ฉันก็ไปได้ทั้งนั้น” ชุยหังพูดไป 

 

 

หลูจื้อลูบหัวของเขา พลางพูดขึ้น “ทำไมวันนี้รู้ความขนาดนี้นะ” 

 

 

ชุยหังเอ่ยต่อ “จุดสำคัญคือโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่ นายควรไปแล้วยังจะไม่ไปอีกเหรอ” 

 

 

“นายดูสิ นี่คือแสดงออกว่าโกรธแล้วใช่ไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังเอ่ยต่อ “เปล่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยที่ยังจะมาเล่นทำเป็นปากไม่ตรงกับใจแบบนั้นอีก อีกอย่างพวกนายเป็นทหารตรงไปตรงมากันหมด พูดตรงข้ามกับพวกนาย พวกนายก็ฟังไม่เข้าใจอยู่แล้ว ตัวเองก็จะยิ่งเหนื่อย” 

 

 

หลูจื้อยิ้มหัวเราะพลางเอ่ยบอก “นั่นก็ใช่ นายไม่โกรธก็โอเค ครั้งหน้าต้องชดเชยให้นายแน่นอน” 

 

 

“อืม ได้ งั้นฉันกลับไปก่อนนะ” ชุยหังเอ่ย 

 

 

หลูจื้อพยักหน้ารับ แล้วพูดต่อ “อืม ไปเถอะ” 

 

 

ชุยหังมองหลูจื้อแวบหนึ่ง ก่อนจะกำชับให้เขาใส่เสื้อ แล้วลงจากรถไป 

 

 

ที่จริงอารมณ์ของเขายังแย่อยู่จริงๆ ได้โอกาสเดตกันมาถึงมือแล้วแท้ๆ โดนสายโทรศัพท์พันจนยุ่งแล้ว ตัวเองยังโวยวายเรียกร้องอะไรไม่ได้อีก ทำได้เพียงแค่พูด รู้สึกบีบคั้นไม่เบา 

 

 

เมื่อหลูจื้อถึงกองทัพ เจ้าตัวก็ส่งข้อความให้เขา บอกว่าตัวเองเดินทางถึงโดยสวัสดิ์ภาพแล้ว 

 

 

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ชุยหังรู้สึกแปลกใจนั่นคือเพียงครู่เดียวซ่งไข่ก็โทรมาหาเขา 

 

 

ที่จริงเขาไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก หลังจากยอมรับกับเขาเรื่องที่ตัวเองคบกับหลูจื้อไปเมื่อครั้งก่อนแล้ว เหมือนว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับตัวเองมาสักพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มเขายังกังวัลอยู่บ้าง ว่าซ่งไข่จะกลั่นแกล้งสร้างความลำบากให้หลูจื้อ เช่นว่าย้ายเขาไปที่อื่น หรือไม่ก็ใช้วิธีอื่นเพิ่มงานให้หลูจื้อ ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาเจอกัน เพราะว่าโกรธหรือจะเพราะเหตุผลอื่นได้หรือเปล่า 

 

 

แต่ว่าตอนนี้ดูท่าว่าความคิดนี้ดูจะเหลวไหลสิ้นดี 

 

 

ท่าทีของซ่งไข่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินดีให้เต็มที่ แต่ว่าก็ถือว่ายอมรับโดยนัยเช่นกัน 

 

 

ถึงแม้ว่าการที่พวกเขาจะคบกันไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบของซ่งไข่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ถือว่ามีประสบการณ์ผ่านเรื่องนี้มา 

 

 

เขารับสายโทรศัพท์ พลางเอ่ยขึ้น “สวัสดีครับครูฝึกซ่ง” 

 

 

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” ซ่งไข่เอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “สบายดีมากเลย เข้าเรียนทุกวัน หลังจากนั้นควรจะทำอะไรก็ทำไป” 

 

 

“นายกับหลูจื้อเป็นยังไงกันบ้างแล้ว” ซ่งไข่เอ่ยถามต่อ 

 

 

ชุยหังลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยต่อ “ยังพอได้มั้ง ก็เขายุ่งมากเลย ถึงยังไงก็เป็นแบบนี้กันหมด ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ได้เปิดกองทัพมาเอง เขาจะอยากทำยังไงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว” 

 

 

“อืม เมียทหารอย่างนายนี่ยังรู้ตัวเองดีใช้ได้อยู่นี่” ซ่งไข่เอ่ยแซว 

 

 

ชุยหังยิ้มหัวเราะหน้าเจื่อนๆ แล้วพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่ปัญหาว่ารู้ตัวเองหรือเปล่า แต่เป็นปัญหาที่อยู่ในโลกความจริง ซึ่งทำได้แค่เพียงเผชิญหน้ากับมันเท่านั้น” 

 

 

“อืม ที่พูดมาก็ใช่ ที่จริงที่ฉันโทรหานาย ก็มีเรื่องอยากจะคุยกับนายสักหน่อย มีบางเรื่อง นายต้องเตรียมทำใจไว้ล่วงหน้าก่อน” ซ่งไข่พูดไป 

 

 

ได้ยินน้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร 

 

 

ชุยหังเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรเหรอ เกี่ยวกับผม?” 

 

 

“เกี่ยวกับหลูจื้อถือว่าเกี่ยวกับนายด้วยไหมล่ะ” ซ่งไข่เอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังเอ่ย “ก็ถือว่าใช่มั้ง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเหมือนคุณจะไม่ได้มาบอกข่าวดีอะไรผมเลย” 

 

 

ซ่งไข่ยิ้มหัวเราะไปพูดไป “นายยังฉลาดอยู่นี่ แต่ฉันรู้สึกว่านายควรจะมีความสามารถในการยอมรับได้ด้วย” 

 

 

“ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่”