ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายของตัวเอง เฉ่าซือไห่ไม่อยากที่จะลงโทษมากนัก
ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะก็ กลัวว่าคงจะนอนตายอยู่ที่ถนนแห่งไหนแห่งหนึ่งแล้วล่ะ!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงนั้น ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหู้ไห่อย่างรวดเร็ว
ใครๆต่างก็รู้ ช่วงนี้ในเมืองหู้ไห่นั้นมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
ในคืนนั้น สำนักหงและสี่ตระกูลใหญ่ได้ทำการโจมตีต่อสู้ที่ดุร้ายกับแก๊งเขียว
กิจการทั้งหมดของแก๊งเขียวนั้นก็จะได้รับการโจมตีด้วย
ภายในค่ำคืนเดียว แก๊งเขียวนั้นได้สูญเสียพ่ายแพ้หนักเป็นอย่างมาก
“หัวหน้า ในหนึ่งคืน แก๊งเขียวของพวกเรา ทั้งหมดหลายร้อยคน รวมทั้ง ร้านเหล้า ร้านเต้นรำ คาราโอเกะ ได้รับการโจมตีจากสำนักหงและสี่ตระกูลใหญ่ พวกเราได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก!”
ผู้อาวุโสชุดเทาได้รวบรวมรายชื่อสิ่งของที่เสียหายไว้ทั้งหมดแล้ว ก่อนจะยื่นให้เฉ่าซือไห่
เฉ่าซื่อไห่พออ่านจบแล้ว ก็ได้ทำการบดขยี้รายชื่อที่อยู่ภายในมือ
แค่ภายในค่ำคืนเดียว แก๊งเขียวของเรานั้นสูญเสียไปกว่าร้อยล้าน
ถึงแม้ว่าการสูญเสียครั้งนี้สำหรับแก๊งเขียวนั้นจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
แต่ว่าหากเกิดการสูญเสียแบบนี้ทุกวันล่ะก็ แก๊งเขียวของพวกเราคงรับไม่ไหว!
เฉ่าซือไห่พูดคำราม“ให้ตายเถอะ คนสำนักหงและสี่ตระกูลใหญ่นี่ไม่อยากจะให้แก๊งเขียวของพวกเราได้พักกันบ้างเลยหรอ?”
ผู้อาวุโสชุดดำพูดด้วยใบหน้าที่เครีงเครียด “ท่านหัวหน้า ถ้างั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?คงจะไม่ยอมมองเฉยๆให้เจ้าพวกสำนักหงและสี่ตระกูลใหญ่หลงละเลิงไปกว่านี้ใช่มั้ย?”
เฉ่าซือไห่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ประกาศคำสั่งข้าออกไป!พวกเราจะโจมตีกิจการของสำนักหงและของสี่ตระกูลใหญ่ไม่ว่าอันไหน ข้าจะทำให้พวกมันรู้ถึงความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของแก๊งเขียว ข้าจะทำให้มันรู้ว่า ใครกันที่คือตัวพ่อแห่งเมืองหู้ไห่”
“รับทราบ!”
ในไม่ช้าจากนี้ การโจมตีจากแก๊งเขียวก็ได้เกิดขึ้น
โดยทั้งบนถนนและตรอกซอยทั้งเมืองหู้ไห่นั้น ก็เกิดการโจมตีและระเบิดเกิดขึ้นตลอดเวลา
สักพักหนึ่ง ผู้คนก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้น
……
ศูนย์แก๊งเขียว
ถึงแม้แก๊งเขียวจะเริ่มการโจมตีตอบโต้กลับ แต่ทว่าการสูญเสียก็ยังคงมากเหมือนเดิม
แต่ถึงอย่างไรวะสำนักหงและสี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่ใช่พวกกินเจนะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ต้องพบกับพวกพันธมิตร แต่ตอนนี้แก๊งเขียวนั้นมีกำลังไม่พอ
แต่เพราะว่าหยางเฟิงต้องการที่จะให้สำนักหงทำลายแก๊งเขียวภายในระยะเวลาสามวัน
ดังนั้นสำนักหงจึงจำเป็นต้องโจมตีต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้คนสำนักหงเหมือนคนบ้าไปแล้ว แค่มองเห็นคนของแก๊งเขียวดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ราวกับว่าทั้งสองฝั่งนั้นมีความเกลียดแค้นกันมานาน!
หลังจากที่ต้องเผชิญกับค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉ่าซือไห่ก็รู้สึกหมดแรงกำลัง
“หัวหน้า เจี้ยนเฟิงมาขอเข้าพบ!”
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสชุดเทาเดินเข้ามาแล้วเรียนพูดให้ทราบ
เฉ่าซือไห่ถามกลับอย่างรำคาญ“บอกให้มันไสหัวไปสะ! ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาสนใจหรอกนะ!”
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ เขายังคงจะขายผ้าเอาหน้ารอด
แต่ทว่าตอนนี้ เขาเหมือนถูกไฟไหม้หัวไปหมดแล้ว แล้วจะยังมีเวลามาสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องของเจ้าเจี้ยนเฟิงหรอ?
ผู้อาวุโสชุดเทาถามด้วยความลังเล “แต่ว่ารอบนี้เจี้ยงเฟิงที่เรื่องสำคัญที่จะต้องรายงานให้ท่านทราบ”
เฉ่าซือไห่ขวมดคิวแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างงั้นให้ไปพาเขาเข้ามา”
“เจี้ยนเฟิงคารวะท่านหัวหน้าเฉ่า!”
และเจี้ยนเฟิ้งก็เดินเข้ามาก่อนจะเคารพอย่างสุภาพ
เฉ่าซือไห่มองไปที่เจี้ยนเฟิง ก่อนจะถามด้วยความไม่เกรงใจ “เจ้ามีเรื่องอะไรถึงอยากจะเจอข้า? ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญล่ะก็ รีบไสหัวไปสะ ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาจะมานั่งฟังเจ้าพูดเรื่องไร้สาระ”
เมื่อเจี้ยนเฟิงนั้นได้ฟังคำพูดที่ไม่ดีของเฉ่าซือไห่แล้ว ทว่าเขากลับไม่ได้มีความโกรธใดๆ
เจี้ยนเฟิงพูดด้วยสีหน้านิ่ง “ท่านหัวหน้าเฉ่า ที่ข้ามาวันนี้ ข้ามาบอกเรื่องความจริงที่เกี่ยวกับหยางเฟิง”
“อะไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉ่าซือไห่ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
ากรอบครั้งก่อนที่ได้ไปตรวจสอบ พบว่าคืนนั้นคนที่ไปป่วนงานเลี้ยงนั่นก็คือหยางเฟิงนั่นเอง
แต่ว่าหยางเฟิงนั้นไม่ใช่คนพื้นเมืองของเมืองหู้ไห่ ไม่ง่ายเลยที่จะตรวจสอบประวัติให่มากกว่านี้
ตอนนี้เจี้ยงเฟิงมาบอกข้า เรื่องที่เขารู้ความจริงเกี่ยวกับหยางเฟิง?
เฉ่าซือไห่รีบถามกลับอย่างรีบร้อน “รีบบอกข้ามาสิ สรุปแล้วเจ้าหยางเฟิงจริงๆแล้วความจริงมันเป็นยังไง?”
เจี้ยนเฟิงพูดว่า “ที่จริงแล้วเขาเป็นลูกเขยของตระกูลเย่แห่งเมืองตงไห่ของมณฑลเจียงหนาน…”