ผับโซ่สวาท
เชอร์รีนกับนลินเพิ่งเข้ามา เห็นนธีนอนอยู่บนพื้น!
นธีกำลังกุมท้องครวญคราง นอนพลิกไปพลิกมาเจ็บปวดไปทั้งตัว
ที่นั่งตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบเสกสรร หัวโตหูใหญ่ กับโซ่ทองหนารอบคอ ไขว่ห้างด่าหยาบคาย “แม่ง! ผู้หญิงของใครมึงกล้ามายุ่ง! วันนี้ไม่สับมึงกูก็ไม่ใชเสกสรร!”
เพิ่งเดินเข้ามา เชอร์รีนก็ได้ยินคำสบถด่าเหล่านี้ รู้สึกคลื่นไส้ทันที!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผิวหน้ามันเยิ้มบนโซฟา ท้องก็พลันปั่นป่วน รู้สึกคลื่นไส้หนักเข้าไปอีก……
นลินเห็นน้องชายในเวลานี้สภาพสะบักสะบอมบนพื้น ขาก็พลันอ่อนแรงทรุดลงไปคุกเข่า
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะปล่อยน้องชายของฉัน”
เสกสรรยิ้มจนเผยฟันเหลืองอ๋อย
“เมื่อครู่ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงที่ผมเลี้ยงไว้ไอ้หน้าขาวน้องชายคุณมันมาสวมเขาให้ผม แน่นอนว่าไม่มีทางได้อยู่เป็นสุข! พี่น้องทั้งหลาย เริ่มลงมือได้แล้ว!”
ทันทีที่มีคำสั่ง นักเลงที่อยู่ข้างๆ ก็ดาหน้ากันเข้ามาหยุดตรงหน้านธี
นลินกัดฟัน ก้าวเดินเข้าไป “ฉันคุกเข่าให้คุณ คุณปล่อยน้องชายฉันไปได้ไหม”
ถ้าคนพวกนี้ลงมือจริงๆ น้องชายเธอต้องเดี้ยงแน่!
“คุณบอกว่าคุกเข่าแต่ไม่เห็นจะทำเลย แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าควรปล่อยน้องชายคุณไปหรือเปล่า” เสกสรรสูบบุหรี่หนึ่งสูบ แล้วพ่นควันขาวออกมา
นลินขยับขา ขณะที่กำลังจะคุกเข่า แต่เชอร์รีนยื่นมือไปดึงเธอ
เธอก้าวไปข้างหน้า สายตามองไปยังเสกสรร ไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง “แม้เธอจะคุกเข่า คุณก็จะไม่ปล่อยน้องชายเธอไปหรอกใช่ไหม”
เสกสรรเลิกคิ้ว มองเชอร์รีนอย่างจริงจัง “ดูเหมือนจะมีคนฉลาดอยู่หนึ่งคนนะ”
เชอร์รีนสงบเยือกเย็น เอ่ยด้วยน้ำเสียงบางเบา “เรื่องแบบนั้นตบมือข้างเดียวไม่ดัง ฉันขอพูดตามตรง หญิงที่ถูกผู้ชายเลี้ยง กลับไปกอดชายอื่น แน่นอนว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร แม้จะไม่มีนธี เธอก็จะไปกอดชายอื่นอยู่ดี นธีก็แค่ตัวตายตัวแทน คุณเสกสรรโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพื่อผู้หญิงแบบนี้ ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อหน่ายเกินไปเหรอ”
เสกสรรหัวเราะเสียงดังลั่น ความโกรธในจิตใจเบาบางลงบ้าง รู้สึกสนใจขึ้นมานิดหน่อย “คุณชื่ออะไร”
“ข้าวต้มกุ๊ยจืดชืดอย่างฉันจะเข้าตาคุณเสกสรรได้ยังไง” เชอร์รีนนั้นโดยธรรมชาติแล้วรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
ความสนใจของเสกสรรยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ “ข้าวต้มกุ๊ย เปลี่ยนรสชาติเป็นครั้งคราวก็ไม่เลว”
“ความสดใหม่เป็นเพียงชั่วคราว ข้าวต้มกุ๊ยไร้รสชาติ ไหนเลยจะมีความอยากอาหาร” เชอร์รีนเปิดหัวข้ออย่างสงบ “เห็นคุณเสกสรรแวบแรกก็รู้ว่าเป็นคนใจกว้าง นอกจากนี้ฉันสั่งสอนนธีให้ได้บทเรียนแล้ว ปล่อยเขาไปได้หรือไม่”
“ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว……งั้นก็เอาแบบนี้ คุณกับผมดวลเหล้าห้าแก้ว แล้วผมจะปล่อยไอ้เด็กนั่นไป!”
เชอร์รีนจับตามองดูสีหน้าท่าทางของเขา “คุณเสกสรรเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา แน่นอนว่าคำพูดเชื่อถือได้ ฉันตกลง”
เมื่อได้ยินดังนั้น นลินก็จับมือเธออย่างค่อนข้างตึงเครียด
เธอส่ายหน้าให้ก่อนจะรับแก้วจากเสกสรร แหงนหน้าหลับตาดื่มรวดเดียว
ห้าแก้วติดต่อกัน เธอรู้สึกเหมือนลำคอลุกไหม้ หัวหนักเท้าเบา มีบางอย่างผิดปกติ
เสกสรรก็นับว่าทำตามที่พูด ปล่อยนธี แต่กลับมองเชอร์รีนด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างเจตนาไม่ดี
“เมื่อครู่ผมยังพูดไม่จบ หลังจากดื่มไปห้าแก้ว คุณข้าวต้มกุ๊ยต้องให้ผมนอนด้วยหนึ่งครั้ง ผมถึงจะปล่อยคุณไป ไม่อย่างนั้น คุณช่วยนธีไปได้ แต่ก็ช่วยตัวเองไม่ได้!”
“คุณมันไร้ยางอาย!”
เชอร์รีนสะบัดส่ายหน้า พยายามทำให้ตัวเองตื่นตัว
“ผมไร้ยางอายแล้วยังไง” เสกสรรก้าวเข้ามา ยื่นมือมาฉกฉวยคางของเธอ พร้อมกับมองอย่างพิจารณา “ปากแดงฟันขาว เป็นข้าวต้มกุ๊ยที่สวยซะด้วย”
“ปล่อยฉัน!”
เชอร์รีนบิดตัวออกดิ้นรนต่อสู้ แต่แรงของผู้หญิงจะสู้แรงของผู้ชายได้อย่างไร
นลินก็เข้ามาช่วยอย่างร้อนใจ แต่กลับถูกลูกน้องของเสกสรรขวางไว้ ไม่สามารถก้าวเข้าไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
เสกสรรกระชากตัวเธอเข้ามากอดในอ้อมแขน และเดินตรงไปอย่างแข็งกร้าว
แต่เพิ่งเดินไปสองก้าว น้ำเสียงเกียจคร้านแต่สบายๆ กลับลอยมา “คุณครูเชอร์รีน คุณขอลาให้ว่างจากการสอนพิเศษ เพื่อที่จะมาดื่มเหล้ากับผู้ชายเหรอ”
เสียงที่มาโดยเหนือความคาดหมายทำให้ทุกคนตกตะลึง ต่างทยอยกันมองไป
เสกสรรตกใจมากหน้าซีดเผือด เข้าไปต้อนรับทันที “ทำไมวันนี้คุณออกัสว่างมาได้”
ออกัสไม่มองเขา สายตาไปตกที่แผ่นหลังของเชอร์รีน พลางเอ่ยบางเบา “ตรงนี้ดูมีชีวิตชีวาดีนะ”
“มีคนไม่รู้กฎเกณฑ์ ดังนั้นจึงต้องสอนบทเรียน ไม่ได้รบกวนความสนใจของคุณออกัสใช่ไหม” เสกสรรประจบประแจง “เดี๋ยวค่าใช้จ่ายของคุณออกัสทั้งหมดผมรับผิดชอบเอง”
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือการเมือง ใครจะสามารถไม่ให้เกียรติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อออกัสได้
“เราสนิทกันเหรอ”
ออกัสน้ำเสียงเย็นชา เดินเข้าไปตรงหน้าเชอร์รีนอย่างรวดเร็ว “คุณครูเชอร์รีน คุณอยากจะอยู่ดื่มเหล้าที่นี่ต่อ หรือว่ากลับไปกับผม”
เชอร์รีนตัวโงนเงน แต่หลังจากเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย แววตาของเธอเป็นประกายทันที
รีบพยักหน้า แม้ว่าการออกเสียงไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่กระตือรือร้นมาก
“กลับ……ไป……”
เนื้อติดมันมาถึงปากแล้ว จะปล่อยไปได้อย่างไร
เสกสรรไม่ค่อยเต็มใจ พยายามพูดต่อรอง “คุณออกัส ผมยังมีบางเรื่องต้องคุยกับคุณเชอร์รีน”
“เรื่องสำคัญมากเหรอ” ออกัสกวาดตามองเสกสรรพร้อมกับขยับริมฝีปากบางพูดเสียงกดต่ำ
เย็นยะเยือกไปทั้งกระดูกสันหลัง!
เสกสรรสะดุ้ง รีบเปลี่ยนคำทันที “ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกครับ”
“ในเมื่อไม่ใช่ คนนี้ ผมจะพาไป”
ออกัสพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วปราดเข้าเกี่ยวมือของเชอร์รีน “ยังไม่ไปอีก มัวอึ้งอะไรอยู่”
“ไปสิ……ไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
เชอร์รีนก้าวเดินไปอย่างตื่นเต้น ตามออกัสออกไป