ตอนที่ 28 โชคดีกับผู้หญิง

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

เมื่อเสียงระฆังดังบ่งบกถึงสัญญาณของการจบคลาสเรียนดึงขึ้น อาจารย์ จ้ง เหม่ยลี่ และพวกนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ พวกเขาต่างพากันเสียใจพวกเขาไม่อยากจะให้คลาสเรียนตอนนี้จบลงเลย เพราะว่าการตอบโต้ทางวาจาระหว่าง ฮวาง รั่วหราน และ เสี่ยวหลัว นั้นมันทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น ของการใช้ทักษะภาษาอังกฤษที่เหนือชั้นของพวกเขา และยังมีการใช้คำพูดที่คารมคมคายตรรกะและความสามารถในการคิด

“การถกเถียงกันระหว่าง รั่วหราน และ เสี่ยวหลัว นั้นน่าสนใจมาก ในเวลาว่างพวกเธอสามารถเรียนรู้บางสิ่งจากจุดที่พวกเขาแสดงออกมาได้ ส่วนเรื่องของเงินนั้นเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมดหรือไม่นี่เป็นหัวข้อที่กำลังถกเถียงกันอยู่ ซึ่งมันยังไม่มีข้อสรุปที่ออกมาชัดเจน”

จ้ง เหม่ยลี่ กล่าวสรุปและในเวลาเดียวกันเธอก็ทำให้ ฮวาง รั่วหราน หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอาย ด้วยคำพูดนี้อาจกล่าวได้ว่าเธอเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าเงินเป็นแหล่งที่มาของความชั่วร้ายทั้งหมดหรือไม่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้ ด้วยคำพูดที่ดูคลุมเครือนี้พวกมันรักษาความรู้สึกของคนทั้งคู่ “เอาล่ะนักศึกษา วันนี้พอกันแค่นี้ แล้วเจอกันในคลาสเรียนครั้งต่อไป”

หลังจากพูดจบเธอก็หยิบสมุดบันทึกและอุปกรณ์การสอนออกมาก่อนที่จะเดินออกจากห้องเรียนไป

ก่อนที่เธอจะเดินออกไปเธอก็หันไปมองดูเสี่ยวหลัวอีกครั้งสองครั้ง ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยการชื่นชม เธอไม่ได้คาดหวังเลยว่านักศึกษาใหม่คนนี้จะมีทักษะทางภาษาและความรู้ที่ลึกซึ้งขนาดนี้ สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่สองนี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากและน่าทึ่งมาก

หลังจากที่อาจารย์ จ้ง เหม่ยลี่ เดินออกไปห้องเรียนทั้งห้องก็มีชีวิตชีวา

“พี่หลัว นับแต่นี้เป็นต้นไปพี่จะเป็นไอดอลของผม” จูเสี่ยวเฟย ตบหน้าอกของเขา

เติ้งไคหัวเราะและพูดอย่างถากถางว่า“ฉันได้ยินคำพูดของนายแล้วฉันอยากจะอาเจียนเลยหวะ”

“ไคชิ นายอย่ามาปากหมาแบบนี้ เชื่อไหมว่าฉันจะถอนขนหัวของนายออกให้หมด” จูเสี่ยวเฟย ดูโมโหมาก

ในขณะนั้น อันหวน ซึ่งเป็นคนน่ารักและดูอ่อนหวานก็ลุกออกจากที่นั่งของเธอและวิ่งไปที่เสี่ยวหลัวอย่างมีความสุข เธอพูดด้วยท่าทางแสดงความเคารพเทิดทูล“เทพเจ้าหลัว คุณช่างเป็นคนที่หล่อเหลาและเท่ห์มาก ฉันจะเป็นแฟนตัวยงของคุณนับแต่นี้ไป”

เธอสวมแจ็คเก็ตแขนยาวสีขาวหิมะพร้อมกับกางเกงขาสั้นขนาดเล็กสีน้ำเงินกรมท่า ขาของเธอเรียวยาวและละเอียดอ่อน มันสามารถทำให้ความคิดของผู้คนหลุดลอยตกไปอยู่ในภวังค์ได้เลย ผมยาวสีดำดูนุ่มนวลถูกพาดผ่านไหล่ของเธอ ลักยิ้มขนาดเล็กแพร่กระจายอย่างสม่ำเสมอบนแก้มทั้งสองข้างของเธอมันทำให้เธอดูน่ารักเหมือนนางฟ้าเวลาที่เธอยิ้ม

เสี่ยวหลัวไม่รู้จะพูดอะไรเขาจึงตอบกลับด้วยยิ้มอย่างสุภาพเท่านั้น

“เทพเจ้าหลัว พี่จะมาเป็นแฟนของฉันไหม!” อันหวน จู่ๆก็จับมือของเขา ดวงตาที่สดใสของเธอส่องประกายด้วยความคาดหวัง

เมื่อคำพูดนี้ถูกปล่อยออกมาจากปากของเธอ ก็มีดวงตาหลายคู่ที่อยู่ในห้องเรียนที่แสดงความเป็นปรปักษ์ต่ออันหวน อย่างชัดเจน

“อะแฮ่ม … อะแฮ่ม … ”

เสี่ยวหลัวทันทีที่เขารู้สึกว่าเขาได้รับความโปรดปรานอย่างล้นหลาม มันทำให้เขาสำลักน้ำลายในทันที เขาไอออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

เขาสลัดมือของอันหวนและยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันเพิ่งได้พบเธอเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ที่จะไปเป็นแฟนของเธอ!”

เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า: ผู้หญิงที่แอบ “บุกรุก” เจ้าปิก้าจู “ของเขา” เมื่อวานนี้จะเป็นอันหวน ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ของเขาหรือเปล่า

พฤติกรรมของเธอนั้นเป็นปกติโดยทั่วไปงั้นเหรอ ที่มีผู้หญิงมาเรียกร้องให้ผู้ชายไปเป็นแฟนของเธอโดยตรง? โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้ซึ่งค่อนข้างที่จะน่ารัก เสี่ยวหลัวยิ่งรู้สึกงุนงงมากยิ่งขึ้น ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอหรือว่าเขาล้าสมัยไปแล้ว

“ถูกต้องถูกต้องแล้ว ฉันชอบผู้ชายที่หล่อและโดดเด่นเช่นคุณ เทพเจ้าหลัว พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย พี่แค่เป็นของฉันตลอดไปก็พอ” อันหวน ไม่ยอมยอมเลิกรา เธอจับมือของเสี่ยวหลัวอีกครั้ง

แค่เป็นของเธอตลอดไป?

มันคือเชี้ยไรว่ะเนี้ยยยย

เสี่ยวหลัวไม่สามารถจินตนาได้เลยว่าคำพูดเหล่านี้ จะออกมาจากปากของผู้หญิงได้

“อันหวนเธอช่วยสงวนตัวอีกสักหน่อยจะได้ไหม?”

ฮวาง รั่วหราน เก็บหนังสือของเธอแล้วก็เดินมาเพื่อตำหนิอันหวนหวน

เมื่อได้ยินผู้ดูแลกล่าวเช่นนั้น อันหวน ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ เธอปล่อยมือของเสี่ยวหลัวและกระซิบกับเขาว่า “เทพเจ้าหลัวคุณเป็นของฉัน ฉันต้องการคุณ”

หลังจากพูดจบแล้วเธอก็ชม้อยสายตาของเธออย่างเย้ายวนและเดินจากไป

ฮวาง รั่วหราน จ้องมองไปที่ เสี่ยวหลัว อย่างเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอจึงหันหลังกลับและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร

ผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ต่างพากันเดินออกไปกันอย่างรวดเร็ว

“พี่หลัว โชคดีของพี่กำลังมาถึงแล้ว!”

จูเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ครั้งหนึ่งตอนที่ผม ต้องการจะตักตวงสาวๆทุกคนในกลุ่มหลักของเราและสร้างฮาเร็ม แต่ผมก็น่าเกลียดเกินไป ดังนั้นมันจึงเป็นได้เพียงแค่ความคิดที่สกปรกที่กำลังวิ่งไปมาในใจของผม แต่พี่หลัว พี่แตกต่างจากผม จากการถกเถียงกับ ฮวาง รั่วหราน ในครั้งนี้มันน่าตื่นเต้นมาก และพี่ก็ได้จับใจของผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในชั้นเรียนเอาไว้ได้แล้ว พี่สามารถใช้ชีวิตเหมือนกับจักรพรรดิในอดีตที่เลือกเมียได้มากมาย ฮ่าฮ่าฮ่า”

“จูเสี่ยวเฟยเรื่องไร้สาระแบบไหนที่นายพ่นออกมา”

สำหรับจูเสี่ยวเฟย คำพูดที่จิกกัดนี้เป็นเหมือนลูกเตะที่กำลังเตะมาที่ก้นของเขา เขากำลังจะโกรธ แต่เมื่อเขาหันหลังกลับมาเขาก็เห็นใบหน้าของชูเยว่ และ ไป่ หลิง ใบหน้าของเขาเหี่ยวแห้งลงไปในทันทีอารมณ์ของเขาสลายหายไป

เขาโบกมือแล้วยิ้มอย่างขมขื่น“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยฉันแค่ล้อเล่นกับพี่หลัวเท่านั้นเอง”

ชูเยว่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอพูดกับเสี่ยวหลัวโดยตรง“คืนนี้ตอนหนึ่งทุ่ม ไปรอฉันที่หน้าประตูมหาลัย คืนนี้จะมีการจัดงานปาร์ตี้ขึ้น ฉันจะพานายไปกับฉันเพื่อที่นายจะได้ทำความรู้จักกับสมาชิกอีกสามคนในทีมเกมของเรา”

ความอิจฉาริษยาปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของจูเสี่ยวเฟยและเติ้งไคในการเข้าร่วมทีมของชูเยว่เป็นสิ่งที่พวกเขาโหยหาทั้งตลอดกลางวันและกลางคืนพวกเขาถูกปฏิเสธโดยชูเยว่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอีกอย่างที่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดมากที่สุดก็คือ การที่เสี่ยวหลัวที่เพิ่งมาใหม่กลับได้เข้าร่วมทีมของชูเยว่

“เธอยังไม่ได้ถามฉันเลย แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะตอบตกลงที่จะเข้าร่วมทีมของเธอหรือเปล่า” เสี่ยวหลัวกล่าว

ทัศนคติที่หยิ่งของเขานี้ช่วยไม่ได้จริงๆ

ชูเย่ตกตะลึง: “นายไม่ต้องการเหรอ?”

“มันมีโอกาสที่จะชนะเงินรางวัลจำนวนมหาศาล แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันต้องเข้าร่วม” เสี่ยวหลัวพูดพร้อมกับหัวเราะ

ในใจของชูเยว่รู้สึกหงุดหงิด ดวงตาราวกับแอปริคอทของเธอจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัว “แล้วทำไมนายยังถามให้มันได้อะไรขึ้นมา?”

“การเข้าร่วมเป็นเรื่องหนึ่ง และที่ฉันถามก็เป็นแค่เพียงมารยาท”เสี่ยวหลัวกล่าว

“อะแฮ่ม”

เมื่อมองไปที่การพูดคุยอย่างจริงจังของพวกเขา ในด้านหนึ่งไป่หลิง ก็ไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่หัวเราะออกมาในทันที เมื่อเธอรู้ตัวเธอก็กระแอ้มไอออกมาเล็กน้อยทันที

ชูเยว่โมโหมากเธอจึงกระทืบเท้าของเธอลงบนพื้นอย่างรุนแรงอย่างโกรธแค้น“มีอะไรผิดปกติกับสมองของนายหรือไง!”

เธอเหยียบนิ้วเท้าของจูเสี่ยวเฟยลงไปอย่างเต็มแรง จูเสี่ยวเฟยกรีดร้องออกมาเหมือนหมูที่ถูกย่างทั้งเป็น เขากระโดดตัวขึ้นและเมื่อทิ้งน้ำหนักลงเท้าข้างหนึ่งของเขาก็ไม่สามารถรักษาสมดุลได้เนื่องจากความเจ็บปวด ดังนั้นเติ้งไค จึงยื่นมือออกช่วยเพื่อเหลือเขา แต่เนื่องจากความแตกต่างในด้านกายภาพของพวกเขาทั้งสอง ทั้งสองจึงล้มลงบนพื้น

เนื่องจากเธอเป็นคนที่เขาได้รับมอบหมายให้มาปกป้อง ดังนั้นเสี่ยวหลัวจึงไม่ได้กระตุ้นอารมณ์ของชูเยว่อีกต่อไป เขายิ้มและพูดว่า “ฉันจะไปรอที่ประตูมหาลัยตอนเวลาทุ่มตรง”

จากนั้นเขาหันหลังกลับและเดินออกไป

จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินตามเขาไป

“ผู้ชายคนนี้นี่มัน … ”

ชูเยว่กัดฟันของเธอและกระทืบเท้า เธอคิดว่าเธอเป็นคนที่หยิ่งและเอาแต่ใจแล้วนะ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะเอาชนะเธอได้ในข้อนี้!

“เสี่ยวหลัวเป็นคนที่เอาชนะ คุณหนูชูของเราได้ เธอได้พบกับเจ้ากรรมนายเวรแล้วในครั้งนี้” ไป่หลิง หัวเราะคิกคัก

“เขาจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันได้อย่างไร!”

ชูเยว่พูดออกมาเบาๆว่า “ฉันจะให้ ฝู เจียเว่ย และคนอื่นๆในชั้นเรียนของเราสั่งสอนเขาในคืนนี้ มาดูกันซิว่าเขาจะยังกล้าที่จะแสดงความหยิ่งยโสต่อหน้าฉันอยู่อีกไหม”