แบบไท่ผิงเทียนกั๋ว

เย่เหวยหลินก็หันมามองครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นก็หันหน้ามามองหยางโปแล้วเอ่ยถาม “ถ้าหากฉันซื้อมา เสี่ยวโปสามารถประเมินได้ไหม?”

“ได้ครับ!” หยางโปกล่าว

เย่เหวยหลินเงียบขรึมไปเล็กน้อยแล้วไม่ได้พูดจา

หยางโปกลับฉุกใจคิดขึ้น หันมองไปทางเย่เหวยหลิน จนกระทั่งวันนี้เขาก็ยังไม่แน่ชัดในความเป็นมาของเย่เหวยหลิน และไม่เคยเอ่ยถาม เขาเข้าใจเรื่องหนึ่งดี ตอนที่ควรรู้ย่อมจะได้รู้ อย่างเช่นตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่เพียงพอ ยังไม่มีทางทำให้ผู้อื่นมองเขาอย่างเท่าเทียมกันได้ ดีที่สุดก็ไม่ต้องไปรู้มากนัก

ผู้ทำการประมูลยกค้อนขึ้นมา “แปดล้านหยวนครั้งที่หนึ่ง!

 

“เงินต้าฮัวเฟิ่งหลงของไท่ผิงเทียนกั๋ว แผ่นแดงแต้มสนิม ของแท้ดั้งเดิม รอยสลักชัดเจน เงินโบราณแบบนี้ คุ้มค่าอย่างที่สุด!

ผู้ทำการประมูลชะงักเล็กลงน้อย มองเห็นว่าไม่มีคนขานราคาอีก “แปดล้านหยวนครั้งที่สอง!

ค้อนยกขึ้นมาอีกครั้ง บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดเล็กน้อย หยางโปจ้องมองค้อนบนเวทีด้านหน้า แต่กลับสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวจากด้านข้าง

“สิบล้านหยวน!” เย่เหวยหลินยกแผ่นป้ายอีกครั้ง ลุกขึ้นยืน แม้สำหรับเขา สิบล้านหยวนก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!

ภายในที่นี่แตกฮือขึ้นมาทั้งหมด ผู้ทำการประมูลตื่นเต้นยินดีขึ้นมา “สิบล้านหยวน! คุณผู้ชายท่านนี้ขานราคาสิบล้านหยวนแล้ว! ยังมีท่านใดจะขานราคาเพิ่มอีกไหม?”

 

หยางโปตกตะลึง หันหน้าไปมองเย่เหวยหลิน เสวี่ยหนิงดึงแขนเย่เหวยหลินข้างหนึ่ง ให้เขานั่งลง บรรยากาศภายในที่นี้ร้อนระอุเล็กน้อย ทุกคนไม่มีใครคาดคิดถึงเลยว่าเงินโบราณชิ้นหนึ่งจะประมูลไปด้วยราคาที่สูงลิบแบบนี้

“สิบล้านหยวนครั้งที่หนึ่ง!”

“สิบล้านหยวนครั้งที่สอง!”

สายตาของทุกคนหันไปตกอยู่ที่คนที่นั่งอยู่แถวที่สองคนนั้น หยางโปไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดของสถานการณ์ แต่ก็รู้ว่าคนผู้นั้นน่าจะไม่ได้มีการตอบกลับมา

“เงินต้าฮัวเฟิ่งหลงของไท่ผิงเทียนกั๋ว ประมูลออกไปที่สิบล้านหยวน!”

ตามมาด้วยเสียงเคาะค้อนครั้งหนึ่งของผู้ทำการประมูล ของประมูลชิ้นแรกประมูลเสร็จแล้ว ราคาสูงเสียดฟ้าสิบล้านหยวนทำให้ทุกคนต้องทอดถอนใจ

 

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย!” หยางโปหันไปกล่าวกับเย่เหวยหลิน

เย่เหวยหลินหัวเราะ “ขอบคุณ!

หลี่เอ้อกับตาอ้วนหลินก็หันมากล่าวคำยินดีกับเย่เหวยตอนนี้ ในตอนนี้เต็มไปด้วยความปิติยินดี

เสวี่ยหนิงมองเห็นเย่เหวยหลินซื้อเงินโบราณเล็กๆ อันหนึ่งมาถึงสิบล้านหยวน ก็ประหลาดใจถึงขีดสุดแล้วดึงแขนของเย่เหวยหลิน “คุณบ้าไปแล้วจริงๆ นี่ก็แค่เงินอย่างหนึ่ง จะมีค่ามากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?”

เย่เหวยหลินไม่สนใจเลยสักนิด “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เธอไม่เข้าใจ เงินโบราณชนิดนี้มีค่าแบบนี้แหล่ะ!

เสวี่ยหนิงมองเห็นเย่เหวยหลินเอ่ยอย่างแน่วแน่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก

หลังจากเย่เหวยหลินได้รับเงินโบราณชิ้นนี้แล้ว ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นมาก ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ในตอนนี้วัตถุโบราณชิ้นที่สองถูกส่งขึ้นมา ถึงกับเป็นเครื่องลายครามชิ้นหนึ่ง!

“เครื่องลายครามแบบไท่ผิงเทียนกั๋ว พบเห็นได้น้อยมาก ราคาประมูลเริ่มต้นที่ห้าแสนหยวน!

ของประมูลชิ้นแรกประมูลออกไปด้วยราคาสูงเสียดฟ้า อารมณ์ของผู้ทำการประมูลก็ฮึกเหิมตามขึ้นมาด้วย ทุกถ้อยคำก็ยิ่งดังกังวานมีพลัง

หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง บนตัวแจกันเป็นแจกันดอกไม้สีฟ้า ลวดลายพวกดอกไม้ สีสันเจิดจ้า ลวดลายชัดเจน หลังจากปิดฝาแล้วทั้งตัวแจกันก็รวมกันเป็นหนึ่ง และบนหน้าแจกันขนาดใหญ่ก็ปรากฏฐานของตัวแจกัน สลักว่า “ไท่ผิงเทียนกั๋ว” สี่คำนี้เอาไว้อย่างชัดเจน

สุ้มเสียงของผู้ทำการประมูลเงียบลง ในที่นี้ก็พลันเดือดพล่านขึ้นมา

เย่เหวยหลินใคร่อยากลองดู จึงหันมาเอ่ยถามหยางโปว่า “ของชิ้นนี้เป็นยังไง?”

 

หยางโปไม่ได้เอ่ยตอบ สายตาจดจ้องไปที่เครื่องลายคราม เขาประหลาดใจมากเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับเครื่องลายครามมีรอยสลัก “ไท่ผิงเทียนกั๋ว”

“รออีกหน่อยเถอะ” หยางโปกล่าว

ตาอ้วนหลิวมองไปแล้วหันไปกล่าวกับหยางโป “ไท่ผิงเทียนกั๋วยึดจินหลิงในปี 1853 ก่อตั้งเทียนจิง พอถึงปี 1864 เทียนจิงถูกปิดล้อม ในระหว่างเวลารวมสิบปีนั้น เท่าที่ฉันรู้ไท่ผิงเทียนกั๋วทำกับพวกชนชั้นสูงเจ้าที่ดินเป็นปีศาจ จักรพรรดิเป็นปีศาจเฒ่า ตอนที่พวกเขายึดจิ่งเต๋อก็ได้ทำลายเตาทุเรียงหลวง!

หยางโปพยักหน้าแล้วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “เป็นแบบนี้จริงๆ พวกเขาทำลายเตาทุเรียงหลวงแล้ว เข่นฆ่าช่างฝีมือ จิตรกรที่ทำเครื่องลายคราม แต่ว่าไม่มีบันทึกอะไรเกี่ยวกับเตาทุเรียงหลวงของไท่ผิงเทียนกั๋วเลยสักนิด อีกอย่างต่อมาถึงแม้จะมีจิตรกรช่างฝีมือไม่น้อยที่สร้างเครื่องลายครามต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอด แต่พวกเขาก็ใช้ชื่อของพวกเขาเอง

 

“ถ้าหากอ้างอิงตามคำอธิบายของพวกนาย ช่างฝีมือพวกนั้นน่าจะเกลียดไท่ผิงเทียนกั๋วมาก ความเป็นไปได้ที่จะใช้ชื่อสลักของไท่ผิงเทียนกั๋วโดยพื้นฐานแล้วก็เป็นไปไม่ได้?” หลี่เอ้อเอ่ยปาก

ไม่มีใครตอบรับเขา ทุกคนล้วนเงียบขรึมขึ้นมา

เย่เหวยหลินได้ยินบทสนทนานี้ และก็ไม่ได้รีบร้อน

แต่ว่าในที่นี้กลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา เพราะว่าพิธีกรได้ใส่ภาพแคปหน้าจอไว้บนจอขนาดใหญ่ภาพหนึ่ง ด้านบนแสดงว่าเครื่องลายครามชิ้นนี้อยู่บนรายการล่าสมบัติของ CCTV ทั้งยังถูกตัดสินให้เป็นสมบัติของชาติสิบอันดับแรกของจินหลิง!

มองเห็นสิ่งนี้ ตาอ้วนหลิวพลันหัวเราะขึ้นมาทันที “โอ้ โชคดีจริงๆ ฉันรู้จักผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายนั่นพอดี ฉันจะโทรไปถามให้แน่ชัดตอนนี้เลย”

 

กล่าวจบ ตาอ้วนหลิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเขาแอบฟังบทสนทนาของพวกเขามาตลอด ได้ยินตาอ้วนหลิวบอกว่ารู้จักกับผู้เชี่ยวชาญรายการล่าสมบัติ สายตาก็อดเปล่งประกายไม่ได้

“ที่นี่ยังจะมีของปลอมหรือ?” เย่เหวยหลินหันไปเอ่ยถามหยางโปเสียงเบา

หยางโปส่ายหน้า “ผมก็มาเป็นครั้งแรก เป็นของจริงหรือของปลอม มักจะมีมาตรฐานและพื้นฐานให้ตัดสิน คุณก็ไม่ต้องร้อนใจ ก่อนอื่นอย่าเพิ่งประมูล!

“ห้าแสนหนึ่งหมื่นหยวน!

รอจนผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดตอนนี้ก็มีคนเริ่มยกป้ายประมูลแล้ว

หยางโปเหลือบมองไปอย่างประหลาดใจครั้งหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรมาก

 

บรรยากาศในตอนนี้พลันร้อนระอุขึ้นมา “ห้าแสนห้าหมื่นหยวน!”

“ห้าแสนแปดหมื่นหยวน!

หยางโปจ้องมองแจกันลายครามใบใหญ่ แสงสว่างตรงหน้าเจิดจ้า ประกายแสงก่อตัวขึ้นรูป ประกายแสงเบาบางทำให้หยางโปชะงักไป เพราะว่าเขาแน่ใจมากว่าประกายแสงแบบนี้น่าจะประมาณไม่เกินยี่สิบปี ไม่มีทางเป็นสมัยไท่ผิงเทียนกั๋วตั้งแต่แรกแล้ว!

โทรศัพท์ของตาอ้วนหลิวก็ต่อสายได้แล้ว พอได้ยินเสียงเขากล่าวกับโทรศัพท์เสียงเบาว่า “อาจารย์กุ้ย ช่วงหน้านี้คุณมาที่จินหลิง เคยเห็นแจกันลายครามใบใหญ่แบบของไท่ผิงเทียนกั๋วชิ้นหนึ่งไหม?”

ระดับเสียงโทรศัพท์แผ่วเบา หยางโปไม่ได้การตอบกลับจากอีกฝ่าย เพียงแต่ได้ยินเสียงตอบกลับอืมอืมอาอาของตาอ้วนหลิวเท่านั้น

 

อย่างรวดเร็ว ตาอ้วนหลิวก็หันหลังมา กล่าวเสียงเบากับหยางโปว่า “ของปลอม”

หยางโปไม่ได้ซักไซ้ แต่อย่างน้อยก็ได้ยืนยันเรื่องหนึ่ง แจกันใบใหญ่นี้เป็นของปลอม!

ต่อมาทั้งกลุ่มก็สงบเงียบขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด นั่งมองชมทุกผู้คนภายในที่แห่งนี้ปั่นราคา

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างกายของตาอ้วนหลิวมองเห็นทุกคนไม่มีการตอบสนองก็ถอดใจที่จะยกป้าย

ประมูลแล้ว

“แปดแสนหกหมื่นหยวน!

“เก้าแสนสามหมื่นหยวน!”

บรรยากาศในตอนนี้ร้อนระอุ และไม่ได้เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งกลุ่มเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย แต่ว่าครั้งนี้ในความระวังของทุกคนแฝงความรอบคอบ เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นเครื่องลายครามรูปแบบเช่นนี้มาก่อนเลย

 

“หนึ่งล้านห้าแสนสองหมื่นหยวน!

“หนึ่งล้านหกแสนหยวน!

จนกระทั่งราคามาถึงหนึ่งล้านหกแสนหยวน ในที่สุดภายในที่นี้ก็เงียบสงบลงมา ต่อไปก็ปล่อยให้ผู้ทำการประมูลร้องตะโกนเสียงดังจนหน้าขึ้นเส้นเลือดเขียวก็ไม่มีการตอบรับ

อะไรในที่นี้อีก

ผู้ทำการประมูลตระหนักถึงจุดนี้ได้อย่างรวดเร็วมาก เขาจึงยกค้อนเคาะลงไป เครื่องลายครามชิ้นนี้ในที่สุดก็ประมูลไปด้วยราคาสูงถึงหนึ่งล้านหกแสนหยวน!